ก้าวใหม่ สู่ ชีวิตใหม่ “ผัดไทยนักรบ” แชมป์ระดับประเทศ

“ไม่ต้องกลัวว่าสังคมจะไม่ให้โอกาส ตราบใดที่ใจเราคิดที่จะเลิก คิดที่จะไม่เอามันแล้ว และอยากจะกลับมาเป็นลูกของพ่อแม่คนเดิม คนที่พ่อแม่เคยเลี้ยงมาอย่างใสสะอาด ที่ไม่เคยติดยา โอกาสนี้ทุกคนมีทั้งหมด”

คมฉาย ยี่สุ่นทอง อดีตผู้ถูกคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดสิงห์บุรี บอกเล่ากับ “กรุงเทพธุรกิจ” หลังจากเคยก้าวพลาดและกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง จากการได้รับโอกาสและกำลังใจจากครอบครัว หยิบผัดไทย-หอยทอด สูตรโบราณจากรุ่นคุณยาย ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยด้วยการเพิ่มชีส จนถูกใจกรรมการ กลายเป็นผู้ชนะเลิศโครงการประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ ปี 2566  

 

ในวัยย่าง 35 ปี เส้นทางชีวิตที่ผ่านมาอาจไม่สวยหรูนัก จากการก้าวเข้าสู่วงจรยาเสพติดตั้งแต่อายุ 13 ปี ถูกเข้าสู่กระบวนฟื้นฟู 3 ครั้ง และหากนับรวมการถูกจับทั้งหมดก็ราวๆ 7 ครั้ง 

“ช่วงวัยรุ่นอยากรู้ อยากลอง จึงลองเข้าไปในวังวนยาบ้า มีช่วงที่ทำงานบ้าง หยุดเสพบ้าง และหวนกลับไปเสพใหม่” 

 

 

โอกาสใหม่ สู่ชีวิตใหม่

คมฉาย เล่าต่อไปว่า หลังจากอยู่ในวังวนเหล่านี้มาพักใหญ่ สำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดสิงห์บุรี ได้ค้นหาและคัดว่าเราไม่เคยต้องโทษสูง น่าจะมีโอกาสและมีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งของตัวเอง ว่าที่ร้อยตรีจำนงค์ แก้วมาดีงาม ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสิงห์บุรี แนะนำให้ไปประกวด “Street Food สร้างอาชีพ” โดยเบื้องต้น ประกวดระดับจังหวัดก่อน หากชนะสามารถไปต่อระดับภาค และไปต่อระดับประเทศได้

 

“ตอนนั้นไม่ได้คิดไปถึงระดับประเทศหรือระดับภาค แค่มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่เคยเกเร โดยเลือกเมนูผัดไทยกุ้งสดในการเข้าประกวด เพราะ “ผัดไทย” เป็นอาชีพที่สืบทอดมาตั้งแต่คุณยาย คุณพ่อ และเป็นอาชีพของผมในปัจจุบัน การประกวดครั้งแรก ชนะได้ที่ 1 ระดับจังหวัด แต่ในระดับภาคได้ที่ 2”

 

 

คมฉาย เล่าต่อไปว่า ตอนนั้นไม่ได้เสียใจ และในปีถัดมา 2566 เริ่มเข้าประกวดระดับจังหวัดอีกครั้ง ได้รางวัลชนะเลิศไปถึงระดับภาค และได้ไปต่อที่ระดับประเทศ ลงประกวดด้วยเมนูผัดไทย-หอยทอดใส่ชีส เรียกว่าเป็นเมนูที่แปลกใหม่ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับประเทศได้

 

“หลังจากนั้น เริ่มมีคนรู้จัก ให้โอกาส ให้ความรู้ ความคิด ต่อยอดการตลาด หน้าที่การงาน และหน้าที่ในสังคม จากคนติดยาคนหนึ่ง พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ และไม่เคยไปยุ่งกับยาเสพติดอีกเลย”

 

โอกาสอันยิ่งใหญ่ครั้งที่สอง

หลังจากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ “คมฉาย” ได้รับโอกาสสำคัญอีกครั้งจาก "คุณกฤษดา" เจ้าของร้าน ‘เกษราเบเกอรี่’ ตำนาน ‘เค้กปลาช่อน’ ของฝากสิงห์บุรี โดยให้พื้นที่ขายภายในศูนย์ขายของฝากขนาดใหญ่ที่รวมทั้ง ภัตตาคาร ห้องจัดเลี้ยง ห้องสัมมนา และ เกษรา ฟู้ดเซนเตอร์ไว้ในที่เดียว

 

นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาส เป็นวิทยากรสอนน้องๆ ให้ความรู้ นำผัดไทย หอยทอด ไปโชว์ฝีมือในงานต่างๆ และล่าสุด ภายใน “การแข่งขัน Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 3” ที่จัดขึ้นเมื่อวันนี้ 2 พค. 67 ที่ผ่านมา ณ ตลาดน้ำสองคลอง (วัดตลิ่งชัน) แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘เกษราเบเกอรี่’ เจ้าของตำนาน ‘เค้กปลาช่อน’ ของฝากสิงห์บุรี

 

 

ครอบครัว พื้นที่ปลอดภัย 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือ ครอบครัว คมฉาย เล่าว่า สิ่งที่ดึงให้ตนเองออกจากวังวนนั้นได้ อันดับหนึ่ง “คนที่รักเรา” คือ คุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวคอยตักเตือน และซัพพอร์ตใส่ใจในทุกเรื่อง แม้จะเป็นครอบครัวที่ไม่ได้มั่งมี และเป็นลูกชายคนเดียว เกเร เขาก็ตีบ้าง แต่ไม่ว่าจะผิดพลาดกี่ครั้ง สุดท้ายเขาก็รักเรา และสอง “คนที่เรารัก” คือ ภรรยา หลังจากเจอเขาเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยน จนปัจจุบัน พูดได้เต็มปากว่า “ไม่กลับไปเสพอีกเลย” 

 

 

“ตอนนี้คุณพ่อขายที่ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ส่วนผมมีหน้าร้านที่เกษราเบเกอรี่ ชื่อร้าน “ผัดไทยแชมป์ประเทศไทย” มีเมนูหลากหลายไม่ว่าจะเป็นผัดไทยโบราณ หอยทอด ผัดไทยใส่ชีส ใส่กากหมู ฯลฯ อีกทั้ง ยังออกงานอีเวนต์ตามห้าง งานวัด รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ อาทิ กุนเชียง ผัดไทยกึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น”

 

 

ฟ้าหลังฝน

คมฉาย เล่าว่า ชีวิตตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่ก่อนตื่นเช้ามา ตามัว และวนเวียนอยู่กับยาบ้า ทำทุกวิถีทางที่จะหาเงินไปซื้อยาบ้าให้ได้ เพียงแค่ไม่เคยลักเล็กขโมยน้อย แต่ทุกวันนี้ตื่นเช้ามา มีความสุข ยิ้มได้ สบายใจ กินได้ นอนหลับ ทำให้มองว่า ไม่เสพจะดีกว่าในเมื่อสังคมให้โอกาสแล้ว แม้กระทั่งบุหรี่ก็เลิกอย่างถาวร

 

ท้ายนี้ อยากจะฝาก พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เยาวชนที่หลงผิดไปแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าสังคมจะไม่ให้โอกาสเรา ตราบใดที่ใจเราคิดที่จะเลิก อยากจะกลับมาเป็นลูกของพ่อแม่คนเดิม คนที่พ่อแม่เคยเลี้ยงมาอย่างใสสะอาด ที่ไม่เคยติดยา โอกาสนี้ทุกคนมีทั้งหมด บางคนสับสนเรื่องรอยสักว่าออกมาจะมีงานทำหรือไม่ สังคมจะให้โอกาสหรือไม่

 

“ฝากว่าไม่ต้องห่วงเรื่องรอยสัก เพราะทุกวันนี้ คนแยกแยะออกได้ว่า การสัก คือ ศิลปะ ความสวยงาม คนที่สักก็มีจิตใจดีได้ ดังนั้น หากก้าวพลาด ก็ลุกขึ้นมาสู้ หากออกมาก็อย่าหวนกลับไปอีก นึกถึงพ่อแม่และคนที่รักเยอะๆ ก็จะค่อยๆ พัฒนาได้ เริ่มจากทีละนิด สังคมให้โอกาสแน่นอน เช่นผมที่กล้าพูดได้เต็มปาก เพราะสังคมให้โอกาส แค่เราเลิกให้ได้” คมฉาย กล่าวทิ้งท้าย

 

 

โครงการ Street Food สร้างอาชีพ

การแข่งขัน “Street Food สร้างอาชีพ” ซึ่งดำเนินมาถึง Season 3 จัดโดย กระทรวงยุติธรรม โดย กรมคุมประพฤติ มีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความรู้ความสามารถในการทำอาหารพร้อมทานตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงการพัฒนาต่อยอดทักษะให้สามารถมีรายได้โดยอาจเป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริมเมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรม

 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่า กระทรวงยุติธรรม โดย กรมคุมประพฤติ ตระหนักและเห็นความสำคัญในนโยบายการมีส่วนร่วมและบูรณาการสร้างงานสร้างอาชีพเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้ที่อยู่ในความดูแล โดยเน้นการสร้างงานสร้างอาชีพทางด้านการทำอาหารขึ้น

 

ภายใต้การจัดโครงการ Street Food สร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อการพัฒนาทักษะฝีมือตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน และนำความรู้ ที่ได้รับไปปรับใช้ต่อยอดในการสมัครงานหรือประกอบอาชีพได้ โดยในการจัดโครงการดังกล่าวจะมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ การอบรมและสร้างองค์ความรู้ เทคนิค รูปแบบ การทำอาหารพร้อมทาน การจัดตกแต่งอาหารเพื่อการถ่ายภาพ และฝึกภาคปฏิบัติด้านการทำอาหารและการตกแต่งอาหารพร้อมทาน เป็นต้น

 

 

“หากพูดถึงอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดในประเทศไทยต้องยอมรับเลยว่าเป็นอันดับต้นๆ ที่ชาวต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยเองก็ต้องนึกถึงสตรีทฟู้ดในรูปแบบไทยสไตล์ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ที่โด่ดเด่นด้วยการผสมผสานของวัตถุดิบในอาหารจานนั้นๆ ซึ่งจะมีครบทุกรสชาติทั้ง เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ดซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของอาหารไทย”

 

ในปี 2560 Euromonitor International บริษัทผู้วิจัยตลาดอาหารโลก ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบอาหาร Street Food ในไทย สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 271,355 ล้านบาท Street Food จึงไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้มหึมาให้กับประเทศ แต่ยังเป็น Soft Powerที่เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ทุกคนอยากลิ้มรสอาหารไทย

 

ด้าน เรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ ซีซั่น 3 ในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในการแก้ไขฟื้นฟูด้วยด้วยสตรีทฟู้ด สร้างอาชีพ ที่จะช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในความดูแลให้ได้มีโอกาสทางอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้

 

นำมาซึ่งการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ที่อยู่ในความดูแล ตามความตั้งใจของกระทรวงยุติธรรม โดย กรมคุมประพฤติ ที่ต้องการให้ได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ให้สังคมรับรู้นำมาสู่การยอมรับของสังคม รวมทั้งสามารถกลับมาเป็นกำลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป

 

 

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2564 เพื่อเปิดโอกาสในผู้ที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ ได้แสดงทักษะฝีมือในด้านการทำอาหารทั้งประเภทอาหารคาว และอาหารหวาน โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง จากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนในส่วนกลางและภูมิภาค อาทิ สมาคมเดอะเชฟประเทศไทย, วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, และหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทุกจังหวัด ที่ได้ให้การสนับสนุนความรู้ด้านทักษะการทำอาหาร

 

และที่สำคัญ กรมคุมประพฤติ ยังได้รับการสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดโครงการอย่างแข็งขันจาก “อาสาสมัครคุมประพฤติ” ทุกจังหวัดที่ได้เสียสละทั้งกำลังแรงกายและแรงใจ ทำให้การจัดโครงการในระดับต่างๆ ประสบผลสำเร็จ และได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี

 

“จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้วันนี้ โครงการประกวดการทำอาหาร Street Food สร้างอาชีพ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ก้าวมาสู่ ซีซั่น 3 จัดประกวดการทำอาหารทั้งอาหารคาว และอาหารหวานในระดับสำนักงานคุมประพฤติ ระดับเขต ก่อนนำไปสู่การประกวดระดับประเทศในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้”