AKAYA RICE WINE ยกระดับสาโทไทยจากLocal สู่ Global

โดยใช้วัตถุดิบออร์แกนิค และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการรับซื้อผลผลิต มาใช้ภายในโรงแรม รวมถึงการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่าย

ล่าสุดเพ ลา เพลิน จังหวัดบุรีรัมย์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนเพ ลา เพลิน สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมศักยภาพข้าวจากพื้นถิ่น เปิดตัว AKAYA (เอกายา) RICE WINE ภายใต้แนวคิด “ภูมิปัญญานครชัยบุรินทร์จาก Local สู่ Global”  โดยมี กรุ๊ป บี เบียร์ และ เกษรอัมรินทร์ โซน RAYNUE (เรณู)ร่วมเป็นพันธมิตรต่อเชื่อมให้ผู้บริหารธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจนำเข้าส่งออก นำผลผลิตของท้องถิ่นจากนครชัยบุรินทร์ไปทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘เพ ลา เพลิน’ พื้นที่เรียนรู้ ในวันที่มากกว่า 'Wellness Tourism'

ผสมส่วนต่างผสานส่วนเหมือน พลังหลายGenขับเคลื่อน"เพ ลา เพลิน"

AKAYA RICE WINE ผลักดันผลิตภัณฑ์จาก Local สู่ Global

“ประณัย สายชมภู” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน เพ ลา เพลิน มาครบ 1 ปีพอดี เพื่อช่วยผลักดันเรื่องข้าวของประเทศไทย จากโจทย์ของเกษตรกรในพื้นที่บุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงที่มีข้าวหักและถูกคัดออก นำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม AKAYA RICE WINE ผ่านการหมักบ่มตามกรรมวิธีในการทำสาโทของไทย  ซึ่งถือเป็นวิถีที่ชาวไทยทำกันมาเนิ่นนาน ในฤดูเกี่ยวข้าวจะมีการทำสาโทเพื่อฉลองขอบคุณญาติพี่น้อง คนในครอบครัว หรือเพื่อนบ้าน ที่มาช่วยกันเกี่ยวข้าว 

การเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา พยายามยกระดับคุณภาพมาตรฐานมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบไทย อีกทั้งได้ผนวกเอาองค์ความรู้ศาสตร์การแพทย์แผนไทย โดยทีมหมอจากศูนย์สุขภาพ AROKAYA WELLNESS SALA เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ และจะผลักดันผลิตภัณฑ์นี้จาก Local สู่ Global ให้ได้ โดยมีพันธมิตรทาง แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม จ.สุรินทร์ ที่เข้ามาช่วยกันถ่ายทอดองค์ความรู้ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและนอกพื้นที่ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว และทางกรุ๊ป บี เบียร์ ที่ร่วมกันผลักดัน AKAYA RICE WINE

คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยา

"นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดเป็นของฝากในพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวได้  ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีกลิ่นอายและเรื่องราวของ 4 จังหวัด นครชัยบุรินทร์ อยู่ในบรรจุภัณฑ์ด้วย และ เพ ลา เพลิน นำมาบูรณาการกับการท่องเที่ยวภายในโครงการ เช่น การนำมาเป็นเครื่องดื่มเปิดต่อมรับรส ให้นักท่องเที่ยวก่อนทานอาหาร นำมาจัดชุดคู่กับอาหาร หรือแม้กระทั่งเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวที่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้ามาศึกษาดูงานในพื้นที่ สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในการทำข้าวหมาก และเอามาต่อยอดบริการภายในห้องอาหาร เช่น ขนมปังข้าวหมาก ข้าวหมากโยเกิร์ต และขนมถ้วยฟูจากข้าวหมากเป็นต้น”

"อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา"  กล่าวว่า  AKAYA RICE WINE ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาตามตำรับแพทย์แผนไทย เนื่องจากมีพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติ และมีจุดเด่นที่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หอม หวาน และมีความซ่าจากการหมักบ่มตามธรรมชาติ 

อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยได้จุดประกายความคิดในการต่อยอด และนำเสนอออกมาตามหลักการแพทย์แผนไทยเช่น การทำน้ำกระสายยาที่มีส่วนผสมของน้ำต้อยข้าวหมาก หรือสูตรเมนู cocktail และ mocktail ที่ดีต่อสุขภาพทั้งสำหรับเพศหญิง เพศชาย และเมนูที่ช่วยเรื่องลำไส้ ระบบขับถ่ายเป็นต้น 

ทั้งนี้ ก้าวสำคัญในการยกระดับสาโทไทยจาก Local สู่ Global ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ กรุ๊ป บี เบียร์  ที่ช่วยผลักดันโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย ด้วยการนำสินค้าที่ผลิตจากข้าวพื้นเมือง ซึ่งใช้วัตถุดิบออร์แกนิค และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเผยแพร่ไปสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศให้มากที่สุด 

เรื่องเล่าข้าวพื้นถิ่น 4 จังหวัด

AKAYA RICE WINE ถือกำเนิดจากเรื่องเล่าของข้าวพื้นถิ่นจาก 4 จังหวัดในนครชัยบุรินทร์ ได้แก่ ข้าวกล้องทับทิมชุมแพ (ข้าวนกกระเรียน) จากจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นข้าวที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยซึ่งเป็นสัตว์สงวนหายาก, ข้าวเหนียว กข6 จากจังหวัดนครราชสีมา เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย มีรสชาติหวาน นุ่ม และเหนียว, ข้าวเหนียวดำพันธุ์หอมภูเขียว จากจังหวัดชัยภูมิ เป็นที่รู้จักในเรื่องของสีม่วงดำที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติฝาด และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

ข้าวมะลินิลสุรินทร์ จากจังหวัดสุรินทร์ เป็นข้าวเจ้าหอมที่มีสีม่วงอ่อน เป็นพันธุ์ข้าวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งข้าวแต่ละชนิดล้วนมีเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดยข้าวที่นำมาใช้เป็นข้าวหักที่ถูกคัดออกจากการส่งออก นำมาทำเป็นลูกแป้ง โดยผสมกับสมุนไพรไทยกว่า 32 ชนิด และนำมาเข้าสู่กระบวนการหมักบ่มตามแบบไทย ที่เรียกว่า กระบวนการทำสาโท โดยวิสาหกิจชุมชน เพ ลา เพลิน สู่ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ถิ่น