ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ | วรากรณ์ สามโกเศศ
ข่าวคราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเราจำนวนมากในปัจจุบัน ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักที่เป็นพิษแทบทั้งสิ้น
ความแตกร้าวของความสัมพันธ์สร้างความเจ็บปวดทั้งด้านจิตใจและร่างกาย และบ่อยครั้งอาจนำไปสู่ความตายด้วยซ้ำ ลองมาดูกันว่ามีสัญญาณอันละเอียดอ่อนใดบ้างที่ แอบซ่อนอยู่ซึ่งหากสังเกตเห็นแต่แรกแล้วอาจไม่นำไปสู่ความปวดใจได้
เมื่อได้เห็นความคิดในเรื่องนี้ของนักจิตวิทยาอเมริกัน Jamie Cannon ในข้อเขียนเมื่อต้นเดือน พ.ค. 2566 (Psychology Today) ก็ทำให้นึกถึงลูกหลานที่อยู่ในวัยของความสัมพันธ์เชิงโรมานซ์ และตั้งใจให้ข้อเขียนนี้เป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์แก่ผู้อยู่ในความรักอันงดงามครับ
ความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักที่เป็นพิษ (Toxic RomanticRelationship) นั้น หัวใจอยู่ที่เรื่องของอำนาจและการควบคุม โดยเหยื่อจะเป็นผู้เสียหายจากความสัมพันธ์เสมอ แต่หลายคนก็ยังทนอยู่เพราะความกลัว กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว กลัวความคิดเห็นของคนอื่น กลัวที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ไม่กล้า เพราะอาย ฯลฯ
ความสัมพันธ์ใดที่เป็นพิษยากที่จะบอกได้ เพราะแต่ละความสัมพันธ์มีลักษณะพิเศษของมันเอง คนที่จะรู้ดีก็คือ สองคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้น
ความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักที่ดีอยู่บนพื้นฐานของความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายมีความสมดุลในเรื่องอำนาจและร่วมกันรับผิดชอบในคุณภาพของความสัมพันธ์นั้น
- มี 5 สัญญาณจากความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักที่เป็นพิษ ซึ่งละเอียดอ่อนอย่างยากที่จะบรรยายได้แอบซ่อนอยู่ ถ้าสังเกตเห็นก็จะไม่ถลำลึกสัญญาณทั้ง 5 มีดังนี้
1. ฝ่ายที่เป็นเหยื่อโดยทั่วไปรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงอนาคต อย่าลืมว่าตัวคุณเองมีความรู้สึกนึกคิดและมีความรู้สึกอันอ่อนไหว ดังนั้นจะเป็นตัวจับสัญญาณขั้นต้นที่สำคัญมาก อย่างไรก็ดี
มนุษย์โดยทั่วไปมีข้อบกพร่องที่มัก “รัก-ชอบ-เชื่อ” อย่างที่ตนเองอยาก “รัก-ชอบ-เชื่อ” โดยไม่ใช้เหตุใช้ผล จึงมองไม่เห็นว่าตนเองกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนั้น จุดสำคัญคือ สมควรหยุดคิดพิจารณาฟังเสียงตัวคุณเองว่าความสัมพันธ์นั้นมีลักษณะอย่างใด
ถ้ารู้สึกไม่แน่ใจ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์และรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อนึกถึงอนาคตความรู้สึกเหล่านั้น อาจเป็นไฟแดงกะพริบเตือนตัวคุณ ความรู้สึกเช่นนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดาของขั้นตอนแรกของความสัมพันธ์ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ตัวเราเองต้องช้าลงหน่อยคิดไตร่ตรอง พยายามก้าวข้ามจุดอ่อนของความเอนเอียงของมนุษย์และพิจารณาอย่างเป็นกลาง
2. คุณมีปัญหาในการพูดคุยกับเขาในเรื่องที่ซีเรียสและเกี่ยวกับความรู้สึกที่ลึกซึ้งในอารมณ์ของคนที่รักชอบกัน เมื่อความรักดำเนินไป ความจริงจังในชีวิตก็เริ่มขึ้นโดยความรู้สึกสนุกสนานแบบฉาบฉวยหายไป
การพูดจาสื่อสารถึงกันจากหัวใจควรเริ่มขึ้น หากคู่ของคุณหลีกเลี่ยงก็เป็นสัญญาณที่ควรจับตามอง การสังเกตพลวัตของการใช้อำนาจและการควบคุมคุณเพื่อประโยชน์ของตัวเขาก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้
3. คุณมีความรับผิดชอบอย่างเหลือล้นในการทำให้ความสัมพันธิ์นั้นราบรื่นและเกิดผลดังที่ต้องการ หากรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยและรับผิดชอบในการรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ โดยคู่รักของคุณไม่ได้แสดงบทบาทเหล่านั้นเท่าที่ควร ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ต้องจับตา
การพึ่งพาซึ่งกันและกันเป็นประสบการณ์ที่ร่วมสร้างความสุขก็จริงอยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายและการดูแลกัน
หากความสัมพันธ์นี้ขาดความสมดุลโดยบุคคลเดียวเป็นผู้ทำให้ความสัมพันธ์นั้นอยู่รอด ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ได้อย่างเสรีอย่างไม่อินังขังขอบ นี่คือสัญญาณอันคลาสสิกว่าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ
4. ครอบครัวและเพื่อน “บอกใบ้” ว่ามีอันตรายอยู่ข้างหน้า ถ้าคุณพบปะครอบครัวและเพื่อนของคู่คุณต้องให้ความสนใจกับคำพูดที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นคำหยอกล้อ คำพูดตลกล้อเลียน ว่าคุณจัดการกับแฟนเก่าเขาอย่างไร คุณทนเป็นแฟนเขาได้อย่างไร
อาจมีบางคำพูดจากบางคนที่จงใจให้เป็นยาพิษ แต่คุณต้องพยายามกลั่นกรองคำพูดและพิจารณาไตร่ตรองว่า เขากำลังบอกใบ้คุณอยู่หรือไม่ว่า คนของคุณนั้นจริงๆ แล้วเป็นคนอย่างไร
5. การพูดถกเถียงกับเขาดูไม่มีวันจบอย่างมีทางออก การเห็นไม่ตรงกันและแสดงความเห็นให้อีกฝ่ายรับรู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดาในทุกความสัมพันธ์ การยอมรับและเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดี
แต่ถ้าถกเถียงกันในเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะมีทางออกอย่างไร เช่น ไม่พูดเรื่องนี้กันอีกหากไม่จำเป็น พูดจาหาทางขจัดปัญหาความไม่ลงรอย อีกฝ่ายเงียบเมี่ออีกฝ่ายเริ่ม ฯลฯ ก็พึงใช้เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของความเป็นพิษ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ สัญญาณอันละเอียดอ่อนที่แอบซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ซึ่งหากสังเกตเห็นแต่แรกและพยายามปรับแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการปรับความสัมพันธ์หรือการเอาตัวออกมา ก็เป็นหนทางที่จะไม่ทำให้เกิดความปวดใจและไปไม่ถึงความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้
คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง และก็เป็นคนรับผลในขั้นสุดท้ายด้วย ประเด็นสำคัญที่พึงพิจารณาก็คือการระมัดระวังใจที่เอนเอียงโดยธรรมชาติของตัวเรา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมนุษย์ เราอาจตกอยู่ในอันตรายได้หากปล่อยให้ตาและใจของเราบอดจนมองไม่เห็นสัญญาณเหล่านี้