ทำความเข้าใจก่อน 'จัดฟัน' จัดฟันแบบไหน?เหมาะกับเรา
‘ฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบ’ ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ยิ้มเมื่อไรก็มั่นใจมากขึ้น เพราะรอยยิ้ม เป็นเสมือนประตูของมิตรภาพ ที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถพูดคุย และเกิดความรู้สึกประทับใจ
Keypoint:
- เมื่อฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ รอยยิ้มก็สดใสขึ้น 'การจัดฟัน' จึงเป็นที่นิยมของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อช่วยรักษาด้วยการเคลื่อนฟันไปยังตําแหน่งที่เหมาะสม โดยอาศัยเครื่องมือบางชนิด
- ด้วยลักษณะนิสัยที่มีความผิดปกติในการบดเคี้ยว เช่น เคี้ยวข้าวข้างเดียวตลอดเวลา หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพของร่างกาย การเจริญเติบโตที่ผิดปกติของขากรรไกร การจัดฟันก็จะช่วย
- นวัตกรรมในการจัดฟันมีให้เลือกหลากหลาย แต่ทั้งนี้ต้องเลือกชนิดเครื่องมือให้ได้ตามความเหมาะสมกับสัญญาณฟันที่ควรจัด
‘การจัดฟัน’ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาฟันไม่สวย ฟันห่าง ฟันล้ม จนไม่กล้ายิ้ม กล้าพูดคุยกับผู้อื่น หรือสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพ อีกทั้งยังช่วยลดความกังวล หรือหมดปัญหาการพูดไม่ชัด เหงือกร่น การถอนฟัน และช่วยปรับโครงหน้าให้ได้รูปในเด็ก
ปัจจุบัน การจัดฟัน มีหลากหลายแบบให้เลือก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ร่วมด้วย เพราะปัญหาเกี่ยวกับฟันของคนไข้นั้นอาจจะเหมือน หรือแตกต่างกันออกไป การจัดฟัน เป็นการช่วยให้ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
การจัดฟันงานวิทยาศาสตร์ผสมผสานศิลปะ
ในจัดงาน ประชุมเชิงวิชาการประจำปี 2566 ภายใต้ชื่อ BDMS ACADEMIC ANNUAL MEETING 2023 ในคอนเซปต์ A Road to Lifelong Well-Being โดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ซึ่งจัดต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 3 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการ พร้อมเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ในสาขาต่างๆ รวมทั้งผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ อัปเดตเทรนด์สุขภาพและองค์ความรู้ด้านการแพทย์ ในระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งใหม่ BDMS Connect Center ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
ทพญ.บุษฎี แสงหิรัญวัฒนา ทันตแพทย์ ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวบรรยายในหัวข้อ หัวข้อ : Innovations in Orthodontics (นวัตกรรมในทันตกรรมจัดฟัน) ว่าการจัดฟันในปัจจุบันมีเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งการจัดฟันจะเป็นอีกหนึ่งการสร้างความมั่นใจ และแก้ปัญหาเรื่องของฟัน ซึ่งการจัดฟันสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือ จัดฟันแบบไม่รัดยาง จัดฟันแบบรัดยาง และจัดฟันแบบใส่ โดยมีเครื่องมือที่ใช้แตกต่างกัน
โดยงานจัดฟันเป็นงานที่นอกจากจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เพื่อเลื่อนฟันให้เข้าในตำแหน่งที่เหมาะสม ดีต่อการสบฟัน การใช้งาน และความสวยงามแล้ว ยังต้องใช้เวลาเพื่อใส่รายละเอียดลงไปในฟันทุกๆ ซี่
9 สัญญาณที่ควรจัดฟัน
การจัดฟัน จะช่วยแก้ไขการเรียงตัวของฟันและขากรรไกรที่ผิดตำแหน่ง การสบฟันที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกร โดยสัญญาณที่ควรจะจัดฟันมาดังนี้
- ฟันสบเปิดด้านหน้า
- ฟันซ้อนเก
- ฟันห่าง
- ฟันสบคร่อมด้านหลัง
- ฟันสบคร่องด้านหน้า
- ฟันสบลึก
- ฟันขึ้นผิดตำแหน่ง
- ฟันยื่น
- ฟันล่างคร่อมฟันบน
นวัตกรรมในการจัดฟันมีหลากหลาย
ขณะนี้นวัตกรรมในการจัดฟัน โดยใช้การรักษาในหลายรูปแบบเช่น อุปกรณ์จัดฟันแบบถอดได้,จัดฟันแบบติดแน่นBracket, จัดฟันแบบใส(Invisalign) อื่นๆ เพื่อให้มีการสบฟันที่ดี มีความสวยงามและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
1.การเพลทจัดฟัน หรือ Orthodontic plate เป็นเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Passive plate และ. Active plate โดยการเลือกใส่ประเภทเพลทจัดฟันขึ้นอยู่กับทันตแพทย์ว่าจะใช้เทคนิค และวางแผนการรักษาอย่างไร อย่าง
เคสของเด็กอายุ 7 ขวบ มีการเลือกใช้เป็นเพลทแบบถอดได้ คนไข้ใส่ตลอดเวลายกเว้นเวลาทานข้าวและแปรงฟัน ซึ่งน้องให้ความร่วมมือดีมากและสามารถปรับการสบฟันให้เข้าที่ได้ใน 2 เดือน หลังจากนั้นใช้เครื่องมือนี้เป็นรีเทนเนอร์ต่ออีก 2 เดือนและสิ้นสุดการรักษารวมทั้งสิ้น 4 เดือน
ข้อดีของการใช้เพลท คือ
- เป็นเครื่องมือที่ใช้ง่าย ทำง่าย ราคาไม่แพง
- เมื่อคนไข้ปรับตัวได้แล้ว สามารถใส่ได้สบาย
ข้อเสียของการใช้เพลท คือ
- คนไข้ต้องใส่เครื่องมือเป็นประจำ ยิ่งใส่ได้เยอะตามที่แพทย์แนะนำ จะยิ่งเห็นผลไว แต่ถ้าไม่ใส่ก็จะไม่เกิดผลการรักษา
- ความสบายในการใส่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบใสที่เป็นเครื่องมือถอดได้เหมือนกัน คนไข้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากกว่า
- คนไข้อาจทำหายได้
- เลื่อนฟันได้จำกัดตามการออกแบบของเครื่องมือ ขณะที่การจัดฟันแบบใสจะเลื่อนฟันได้ทุกซี่
2.การจัดฟันแบบใส Invisalign
ในเคสฟันหาย สามารถฟังแบบใส่ได้ เพราะคนไข้สามารถใส่ และล็อกไว้ได้พอคนไข้ใส่ฟัน หรือเติมฟันก็จะได้พอดี และการจัดฟันแบบใส่จะใช้เวลาน้อยลงกว่าแบบใส่เหล็ก
การจัดฟันแบบใส ทำแบบ Distalization ดันฟันทั้งหมดไปด้านหลังหลังจากครบ 1 ปี ก็จะได้ฟันที่กลับมาเรียงตัว
ทั้งนี้ การจัดฟันแบบใสจะเป็นที่นิยมในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เด็กในช่วงอายุ 6 ขวบที่ฟันแท้คู่แรกเริ่มขึ้นจนถึงอายุ 19 ปี ซึ่งต่างจากการจัดฟันแบบใส Invisalign ทั่วไปที่ทำในผู้ใหญ่ตรงที่เป็นการจัดฟันแบบใสในเด็กและวัยรุ่นที่กำลังมีการเจริญเติบโต ทำให้สามารถขยับฟันได้มากกว่า ปรับโครงหน้าได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบ และในเด็กและวัยรุ่นไม่มีข้อจำกัด
ขั้นตอนการรักษาการจัดฟันแบบใสในเด็กและวัยรุ่น ประกอบด้วย
สแกนฟัน โดยใช้เวลาเพียง 3 นาที ผู้ปกครองและเด็กจะได้เห็นภาพฟันปรากฏบนหน้าจอแสดงผล จากนั้นทันตแพทย์จะอธิบายลักษณะปัญหาของฟันโดยละเอียด
หลังจากสแกนฟัน 2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายเพื่ออธิบายลักษณะการเคลื่อนฟัน ระยะเวลาในการจัดฟัน กระบวนการจัดฟันตามแผนที่วางไว้ พร้อมทั้งผลลัพธ์ที่ปรากฏหลังจากจัดฟันเสร็จเรียบร้อย (Clinical Check Plan) โดยจะแสดงภาพบนหน้าจอให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เพียงแค่มีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังรวมถึงการมีโครงหน้าที่สมดุลได้รูป เสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจดูดียิ่งกว่าเดิม
ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายเพื่อมารับเครื่องมือหลังจากอธิบายรายละเอียดการจัดฟันประมาณ 4 สัปดาห์ โดยคนไข้จะได้รับเครื่องมือประมาณ 20 – 30 ชิ้น พร้อมวิธีการใส่อย่างละเอียด และนัดพบแพทย์ทุก 8 – 10 สัปดาห์ ส่วนใหญ่เครื่องมือสำหรับเด็กอายุ 6 – 10 ปี จะเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้ง เด็กอายุ 11 – 19 ปี เครื่องมือจะเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้งในช่วงแรกและในช่วงหลังอาจเปลี่ยนเครื่องมือทุก ๆ 10 วัน ขึ้นกับคำแนะนำของทันตแพทย์
การจัดฟันแบบใสในเด็ก ช่วยปรับโครสร้างขากรรไกร
ทั้งนี้ การจัดฟันแบบใส Invisalign ในเด็กไม่จำเป็นต้องรอให้โต สามารถจัดได้เลยตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เพราะปรับโครงสร้างขากรรไกรได้สมบูรณ์แบบเกือบ 100% ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วนที่เหมาะสม เกิดความสมดุลทั้งใบหน้า เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี นอกจากนี้ในเด็กที่อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเพราะปัญหาขากรรไกรยื่น หากจัดฟันแบบใส Invisalign แล้วแก้ปัญหาได้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
3.การจัดฟันแบบโลหะ
เป็นการจัดฟันที่คนนิยมทำกันเยอะที่สุด ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ เพราะการจัดฟันแบบโลหะ ช่วยแก้ปัญหาฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง การสบฟันไม่ดี และราคาไม่แพงเหมือนการจัดฟันแบบอื่น
จัดฟันแบบโลหะ ช่วยแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่เป็นระเบียบ ให้เรียงตัวสวยเป็นระเบียบตามที่ต้องการ และยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียว และการจัดฟันแบบโลหะยังถือเป็นแฟชั่น จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นวัยรุ่น ดารา นักร้อง นักแสดง และคนทั่วไปนิยมทำกัน
ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับในแต่ละกรณี ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ คือ ราคาถูกกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ เหล็กจัดฟันในปัจจุบันมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น และดูไม่เหมือนโลหะเหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ยังมีสีสันสดใสเหมาะสมสำหรับเด็ก และมีแบบใสที่ผู้ใหญ่นิยมใช้อีกด้วยการจัดฟันแบบโลหะหรือแบบดั้งเดิม เป็นประเภทที่พบมากที่สุดของการจัดฟัน
2. จัดฟันแบบดามอน (Damon System) การจัดฟันแบบไม่ต้องใช้ยาง (Oring) เป็นการจัดฟันที่เร็วกว่า และเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันแบบติดแน่นทั่วไป ฟันจะเคลื่อนที่ได้อิสระกว่า
ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน ช่วยร่นระยะเวลาจัดฟันลงได้ นอกจากนี้ เหล็กจัดฟันแบบดาม่อน ยังดูสวยงามกว่า เพราะ Bracket มองไม่ค่อยเห็น รู้สึกเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
ข้อดีของการจัดฟัน
- ฟันที่เรียงตัวดีก่อให้เกิดการสบฟันที่มีประสิทธิภาพ
- ลดการสึกของฟันในตำแหน่งที่สบไม่ดี
- ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
- เคี้ยวอาหารได้อร่อยขึ้น
- ได้ความสวยงามในหลายมิติ
- แก้ไข ฟันและขากรรไกรที่อยู่ผิดตำแหน่ง
- ลดปัญหาเหงือกร่นในบางตำแหน่ง
- ฟันโยกลดลงเนื่องจากฟันเลื่อนที่เข้ามาอยู่กลางสันกระดูก
- ฟันยื่นลดลง ปากอูมน้อยลงและเข้ารูปมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การจัดฟันเหมือนการนำวิทยาศาสตร์และศิลปะมาผสมผสาน เพราะการดัดลวดก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ในงานจัดฟันเพราะงานจะจบสวยไม่ได้ถ้าไม่มีการเก็บรายละเอียดลงไปในแต่ละจุด ในฟันแต่ละซี่
การจัดฟันนั้น นอกจากการใช้ความสามารถของทันตแพทย์จัดฟันแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือคนไข้เป็นอย่างมาก ซึ่งการแปรงฟันเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด การดูแลรักษาเครื่องมือจัดฟันก็เช่นเดียวกัน และหากเครื่องมือหลุดบ่อยๆ การจัดฟันก็จะยาวนานขึ้น ถ้าเครื่องมือหลุดหรือลวดหัก คนไข้อาจจะบอกไม่ได้หรืออาจไม่ทราบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นจึงไม่ได้มาพบทันตแพทย์ หรือมาพบทันตแพทย์โดยไม่จำเป็น