อีกด้านของอาการ น้องแย้ม 'ธี่หยด' กับคำอธิบายทางการแพทย์
จากอาการของ น้องแย้ม จาก 'หนังธี่หยด' ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หูแว่ว ประสาทหลอน ฯลฯ ในทางการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา อธิบายถึง ความผิดปกติที่คล้ายอาการผีเข้าว่า อาจเกิดจากโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หากไม่รักษาให้ทันท่วงทีอาการอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
จากกระแสดังของ 'ธี่หยด' ภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญ ซึ่งบอกเล่าเอาไว้บนกระทู้พันทิป กระทั่งกลายเป็นนิยายขายดีในช่วงที่ผ่านมา จากอาการของ 'น้องแย้ม' เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่มีอาการ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถขยับตัวหรือควบคุมตัวเองได้ทั้งยังมีอาการสับสน หูแว่ว ประสาทหลอนและมีนิสัยก้าวร้าว ต่างไปจากนิสัยเดิม จึงทำให้เข้าใจว่า เธออาจถูกผีเข้าหรือไม่นั้น
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ อธิบายว่า อาการดังกล่าวหากอธิบายตามหลักการทางการแพทย์ คล้ายกับ โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน anti-NMDAR สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันต่อตัวรับชนิด NMDA (NMDA Receptor) ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติอาจจะสร้างมาจากเนื้องอกรังไข่หรือเนื้องอกอัณฑะ หรืออาจจะเกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย หรือบางครั้งอาจตรวจไม่พบสาเหตุ
"สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกเพศและทุกช่วงอายุ แต่พบได้บ่อยในผู้ป่วยหญิงอายุน้อย โดยมากผู้ป่วยมักจะมีอาการไม่สบายแบบไม่จำเพาะ คล้ายเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ตามมาด้วยความผิดปกติทางระบบประสาท"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชอบกัดเล็บตัวเอง ต้องรู้ ! อาการแบบไหน เข้าข่ายโรคจิตเวช
- รู้จัก โรคจิตระยะสั้น "โรคจิตเวช" ที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
- ได้กลิ่นไปเอง ได้ยินเสียงแปลกๆ เห็นภาพหลอน ไม่ใช่ผีหลอก วิทยาศาสตร์มีคำตอบ
อาการ โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน
นายแพทย์ชลภิวัฒน์ ตรีพงษ์ นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยจะมีอาการคือ มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามร่างกายนำมาก่อน ร่วมกับอาการที่ทำให้เข้าใจผิดว่าผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น
- นอนไม่หลับ
- สับสน
- ก้าวร้าวหรือเซื่องซึม
- บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
- ประสาทหลอน เป็นต้น
"หากผู้ป่วยไม่ได้รับการตรวจรักษา ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเคลื่อนไหวผิดปกติไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เคี้ยวปาก แลบลิ้น มือและเท้าขยับไปมาร่วมกับมีอาการผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ชีพจรผิดปกติ อุณหภูมิร่างกายสูงหรือต่ำผิดปกติ อัตราการเต้นของหัวใจสูง ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการชักเกร็ง ซึม ไม่รู้สึกตัวและเสียชีวิตได้"
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยจะต้องทำการซักประวัติของผู้ป่วยอย่างละเอียดร่วมกับการตรวจร่างกายทางระบบประสาท และส่งตรวจเลือดร่วมกับน้ำหล่อเลี้ยงสมองร่วมไขสันหลังเพื่อหาเชื้อไวรัส และหาชนิดภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ผู้ป่วยอาจได้รับการตรวจอื่นๆตามอาการ เช่น การตรวจเอ็มอาร์ไอ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
"ซึ่งปัญหาสำคัญที่ทำให้การรักษาล่าช้า เนื่องจากอาการคล้ายคลึงโรคทางจิตเวช หรือญาติเข้าใจว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ จึงละเลยการตรวจรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเฉพาะแพทย์โรคทางสมองและระบบประสาท เมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้วผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อให้ผลการรักษาและการฟื้นฟูของร่างกายได้ผลดีมากที่สุด เพราะทุกวินาที มีค่าสำหรับโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลัง"