'มะเร็งเล็บ'โรคร้ายที่หลายคนไม่รู้ สัญญาณเตือนดูอย่างไร?
‘เล็บ’ ก็เป็น ’มะเร็งเล็บ’ ได้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เล็บก็มีเส้นหนาๆ สีดำหรือสีน้ำตาลคล้ายกระหรือรอยฟกช้ำปรากฏขึ้นในแนวตั้งบริเวณหน้าเล็บ ทั้งที่ไม่ได้ไปชน หรือเล็บกระแทกกับอะไร?
Keypoint:
- เล็บของคนเรานั้นสามารถบ่งบอกถึงโรคได้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะรูปทรง ผิวของเล็บ สีของเล็บ ยิ่งอยู่ดีๆ มีเส้นหนาๆ สีดำ หรือสีน้ำตาล บริเวณหน้าเล็บ ซึ่งนั่นอาจะเป็นสัญญาณเตือนโรคร้าย
- มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา เกิดบริเวณเล็บ เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่พัฒนาในเซลล์เมลาโนไซต์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีบนผิวหนัง มะเร็งชนิดนี้สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้
- ปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งเล็บได้ มีตั้งแต่การบาดเจ็บบริเวณโคนเล็บ จากการทำเล็บ การกัด หรือ แกะเล็บ การขัดถู เสียดสี รวมถึงการตั้งครรภ์ หรือยาบางชนิด
การที่เล็บมีเส้นหนา ๆ สีดำหรือสีน้ำตาลคล้ายกระหรือรอยฟกช้ำปรากฏขึ้นในแนวตั้งบริเวณหน้าเล็บนั้นเข้าได้กับลักษณะที่เรียกว่า longitudinal melanonychia โดยบางครั้งอาจมาด้วยลักษณะเล็บเป็นเส้นขีด หรือปื้นสีน้ำตาลตามแนวยาวของเล็บจากโคนจนถึงส่วนปลายสุดของเล็บ
สีมีความแตกต่างกันตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ อาจมีสีสม่ำเสมอ หรือไม่สม่ำเสมอ ขนาดเป็นได้ตั้งแต่ขีดเล็กๆ ไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ไปจนถึงปื้นสีดำทั้งเล็บ อาจมีแค่เส้นเดียว หรือหลายเส้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว
โดยกรณีมีเส้นเดียวอาจมีสาเหตุมาจากการเป็นไฝบริเวณโคนเล็บ เป็นต้น สำหรับกรณีที่มีเส้นหลายเส้นมักมีสาเหตุมาจากการกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีให้ทำงานผิดปกติเช่น
ทั้งนี้ การทำให้เกิดการได้รับบาดเจ็บบริเวณเล็บ ยาบางชนิด เช่น zidovudine ยาเคมีบำบัด หรือโรคบางชนิด เป็นต้น รวมถึงอาจพบได้เป็นปกติในคนที่มีผิวสีคล้ำอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สัญญาณเตือน มะเร็งเล็บที่ควรรู้
ถึงแม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดเล็บเป็นเส้นสีน้ำตาลนั้นมักจะไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ก่อให้เกิดอันตราย แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งอาการดังกล่าวอาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งผิวหนังได้
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา บริเวณเล็บ (nail melanoma) พบได้ไม่บ่อย แต่มีความรุนแรง ดังนั้นจึงเป็นโรคที่ควรได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลืองและบริเวณอื่นๆของร่างกาย การวินิจฉัยอาศัยการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
สำหรับอาการแสดงที่ทำให้สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคมะเร็งเช่น เส้นสีน้ำตาล หรือดำบริเวณเล็บที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน สีไม่สม่ำเสมอ มีขนาดใหญ่มากกว่าหรือเท่ากับ 3 มิลลิเมตร พบอาการแสดงอื่นๆ นอกจากเส้นสีน้ำตาลที่เล็บร่วมด้วย เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของผิวเล็บ มีเม็ดสีกระจายผิดปกติที่ขอบเล็บ (Hutchinson’s sign) มีแผล มีก้อน หรือเลือดออกง่ายเป็นต้น
โดยเฉพาะในคนที่เริ่มมีอาการครั้งแรกในวัยกลางคน หรือในวัยสูงอายุ ร่วมกับมีประวัติครอบครัวของการเป็นมะเร็งชนิดนี้มาก่อน ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งได้ ดังนั้นกรณีที่พบเส้นสีน้ำตาลที่เล็บที่มีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่พัฒนาในเซลล์เมลาโนไซต์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีบนผิวหนัง มะเร็งชนิดนี้สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะในบริเวณจมูกและลำคอ สาเหตุมะเร็งผิวหนังเมลาโนมายังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ถือเป็นปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
แถบสีน้ำตาลบนเล็บ เกิดจากอะไรได้บ้าง
เซลล์เม็ดสีที่อยู่บริเวณโคนเล็บถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
- การบาดเจ็บบริเวณโคนเล็บ จากการทำเล็บ การกัด หรือ แกะเล็บ การขัดถู เสียดสี เช่น จากการสวมรองเท้าหัวแคบ
- ยา เช่น ยาเคมีบำบัด ยาต้าน HIV บางชนิด
- การฉายแสง
- การตั้งครรภ์
- โรคทางพันธุกรรมบางชนิดที่ทำให้มีเม็ดสีเพิ่มจำนวนขึ้นตามผิวหนัง เยื่อบุ ต่าง ๆ
- โรคแอดดิสัน (Addison’s disease) จากต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง
- การติดเชื้อ HIV
- เกิดตามหลังโรคสะเก็ดเงินของเล็บ การติดเชื้อราของเล็บ
อาการโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาสามารถเกิดขึ้นในบริเวณใด ๆ ก็ได้ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเช่น ใบหน้า แขน หลัง และขา ผู้ที่มีผิวสีเข้มอาจมีมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาซ่อนอยู่ในบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดเช่น ฝ่ามือ เท้า และเล็บเท้า
ผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ ในช่วงแรกอาจพบการเปลี่ยนแปลงของไฝที่มีอยู่ หรือการพัฒนาของเม็ดสีใหม่ หรือการเติบโตที่ผิดปกติบนผิวหนัง คุณอาจเพิ่มความตระหนักถึงมะเร็งผิวหนังหากไฝของคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- มีรูปร่างผิดปกติ
- มีเส้นขอบที่ผิดปกติ
- เปลี่ยนสี
- เป็นการไฝที่เกิดขึ้นใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าหกมิลลิเมตร
- เกิดการเปลี่ยนแปลง
- เกิดอาการอื่นๆ เช่น เลือดออก หรือคัน
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาที่ซ่อนอยู่
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกายไม่ว่าจะโดนแสงแดดหรือไม่ก็ตามเช่น
- ใต้เล็บ
- ในปาก
- ในระบบทางเดินอาหาร
- ในทางเดินปัสสาวะ
- ในช่องคลอด
- ในสายตา
เมื่อไหร่ถึงควรไปพบแพทย์?
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเป็นผลมาจากความผิดปกติของการผลิตเมลาโนไซต์ที่สร้างเม็ดสีผิว ความเสียหายของดีเอ็นเอทำให้เซลล์ใหม่เติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้และไม่เป็นระเบียบ จึงทำให้เซลล์มะเร็งมีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้นอกเหนือจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว สภาพแวดล้อมและการสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตถือเป็นปัจจัยที่เป็นไปได้ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
เช็กปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดมะเร็งเล็บได้
ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอาจรวมถึง
- ผิวขาว
- ประวัติการถูกแดดเผา
- การสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV)
- อาศัยอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรหรือที่สูง
- ไฝหรือไฝที่ผิดปกติ
- ประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
- ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
เล็บมีสีผิดปกติ เป็นอะไรได้บ้างนอกจากมะเร็งผิวหนัง
การที่เล็บมีสีผิดปกติไม่จำเป็นต้องเกิดจากมะเร็งผิวหนังเสมอไป สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เล็บเปลี่ยนสีได้ มีดังนี้
1.แถบเล็บดำที่เป็นหลาย ๆ นิ้ว อาจเกิดจาก
- เม็ดสีปกติในผู้ที่มีสีผิวเข้ม
- ผิวหนังอักเสบรอบ ๆ เล็บ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนสีของเล็บได้
- อาจเป็นผลจากยาบางชนิดเช่น Azidothymidine (AZT) เป็นต้น
- ภาวะเลือดออกใต้เล็บ: มักเกิดในเล็บที่ได้รับการกระแทกบ่อย เช่น เล็บเท้าในกรณีที่ออกกำลังกายบ่อย เป็นต้น ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะทำให้เล็บมีสีแดงเข้ม หรือ น้ำตาลเข้ม
2. ภาวะเล็บเขียว: เกิดจาก
การติดเชื้อ แบคทีเรีย หรือเชื้อรา
มักเกิดในเล็บมือที่มีการใช้บ่อย เช่น ในบุคคลที่ทำงานบ้านเป็นหลัก และ มือมีการเปียกชื้นตลอดเวลา เป็นต้น
วินิจฉัยโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
ในการวินิจฉัยเนื้องอกแพทย์จะทำการตรวจร่างกายและอาจทำการตรวจชิ้นเนื้อโดยการตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อบางส่วนเพื่อทำการทดสอบ
- ในการกำหนดขอบเขตหรือระยะของเนื้องอกแพทย์จะทำการดังต่อไปนี้
- กำหนดความหนาของเนื้องอก
- สังเกตการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังต่อมน้ำเหลือง
- มองหาสัญญาณของมะเร็งในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
วิธีการตรวจเล็บด้วยตัวเองสามารถยึดหลักง่าย ๆ ดังนี้
1. แถบหรือเส้นสีน้ำตาลวิ่งตามความยาวของเล็บ: ตรวจดูว่าแถบสีน้ำตาลนั้นคมชัดดีหรือไม่ ถ้าคมชัดดีและมีความกว้างไม่เกิน 6 มม. ถือว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งค่อนข้างต่ำมาก หากแถบสีมีความกว้าง สีไม่สม่ำเสมอ ขอบไม่คมชัด หรือ มีการเปลี่ยนสีและขนาด แนะนำว่าควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด
2. เม็ดสีบนจมูกเล็บ: หากสีน้ำตาลหรือดำเลอะขึ้นมาถึงจมูกเล็บ (Hutchinson’s sign) มักเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และ ควรไปพบแพทย์
3. ก้อนเนื้อใต้เล็บ: อาจทำให้เล็บแยกออกจากฐานด้านล่าง ถ้าสังเกตเห็นว่าเล็บมีลักษณะนี้แนะนำว่าควรพบแพทย์เช่นกัน
การรักษามะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
การรักษามะเร็งผิวหนังเมลาโนมาขึ้นอยู่กับขนาดและระยะของมะเร็ง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดนำส่วนที่เป็นมะเร็งออกสำหรับผู้ที่มีมะเร็งขนาดเล็ก การผ่าตัดอาจเป็นวิธีการรักษาเดียวที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีเนื้องอกในระยะเริ่มต้น
สำหรับผู้ที่มีเนื้องอกที่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายการรักษาอาจรวมถึงวิธีการดังต่อไปนี้
- การผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่ได้รับผลกระทบออก
- ภูมิคุ้มกันบำบัด
- การบำบัดแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์
- การรักษาด้วยรังสี
- เคมีบำบัด
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนพบแพทย์
ก่อนการนัดหมายคุณควรตระหนักถึงข้อจำกัดก่อนการนัดหมาย และเตรียมข้อมูลบางอย่าง เช่น
- อาการที่เกิดขึ้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญของคุณ
- ยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้อยู่
- คำถามที่คุณต้องการถามแพทย์
โรคมะเร็งที่อยู่ใต้เล็บสามารถพบได้ในชาวเอเชีย หรือคนผิวดำแต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เล็บที่มีแถบสีดำขึ้นมักจะยังไม่ถึงขั้นที่เข้าข่ายเป็นเนื้อร้าย แต่การตรวจดูเล็บเป็นประจำจะสามารถช่วยให้เราไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็วก่อนที่จะมีการลามไปที่อวัยวะอื่น หากมีเส้นขีด เป็นปื้นๆสีน้ำตาลหรือสีดำบนเล็บ ให้สังเกตความผิดปกติเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาบริเวณเล็บ (nail melanoma) ได้
อ้างอิง: ศูนย์มะเร็งตรงเป้า โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ,โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต , โรงพยาบาลเมดพาร์ค