ศูนย์จีโนม รพ.รามา เตือนโอมิครอน JN.1 ระบาดในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 75%
ศูนย์จีโนม รพ.รามา เตือนระวังการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โอมิครอน JN.1 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 75% ในขณะที่ประเทศไทยพบเพียงรายเดียว
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.)รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุถึงกรณีเชื้อ "โควิด-19" ว่า
- ระวังการแพร่ระบาดของ โอมิครอน JN.1 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 75%!
สาธารณสุขสิงคโปร์ รายงาน จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่อง 56,043 รายในวันที่ 3-9 ธันวาคม 2566 เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้ามีผู้ติดเชื้อจำนวน 32,035 ราย ในขณะที่ประเทศไทยพบเพียงรายเดียว(จากฐานข้อมูลโควิดโลก (GISAID)
การติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์ยังคงเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ (THE MINISTRY OF HEALTH: MOH) จึงได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องความสามารถในการดูแลสุขภาพประชาชน
- จำนวนผู้ป่วย
การติดเชื้อรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 75% จาก 32,035 ราย เป็น 56,043 ราย ในสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 9 ธันวาคมเทียบกับสัปดาห์ก่อน
- การเข้ารักษาตัวใน รพ.
อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรายวันเพิ่มขึ้นจาก 225 ราย เป็น 350 ราย ในช่วงเวลาเดียวกัน คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 55% ของจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- การเข้ารับการรักษาใน ICU
อัตราการเข้ารับการรักษาใน ICU รายวันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 4 ราย เป็น 9 ราย คิดเป็น การเพิ่มขึ้น 125% ของจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาใน ICU แม้จำนวนยังไม่มากแต่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
- สายพันธุ์ที่ระบาด
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโควิด-19 ในสิงคโปร์ ติดเชื้อจากโอมิครอน JN.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน BA.2.86 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลชัดเจน (ในสิงคโปร์) ว่าโอมิครอน BA.2.86 หรือ JN.1 มีความสามารถในการแพร่กระจายหรือทำให้เกิดโรครุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่นที่กำลังแพร่ระบาดหรือไม่
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลของรัฐเพื่อวางแผนรับมือฉุกเฉิน รวมถึงการรับรองว่ามีบุคลากรเพียงพอ และมีการเลื่อนการรักษาที่ไม่เร่งด่วนเพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องการ การดูแลเฉียบพลัน
สถานที่ดูแลผู้ป่วยมีรูปแบบการดูแลทางเลือก เช่น การดูแลผู้ป่วยที่บ้านเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสม
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์จะเปิดสถานที่รักษาในลักษณะโรงพยาบาลสนามสำหรับโควิด-19 แห่งที่สองที่ SINGAPORE EXPO HALL 10 เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการคงที่และไม่ต้องการ การดูแลในโรงพยาบาลอย่างเข้มข้น
ประชาชนถูกกระตุ้นให้รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม โดยเฉพาะบุคคลที่มีอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจควรอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการจะดีขึ้น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่มีคนพลุกพล่านแม้ว่าจะไม่ป่วย โดยเฉพาะในที่ปิดหรือเมื่อไปเยี่ยมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยง
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ถือว่าการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันหลักต่อ โรคโควิด-19 และยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรครุนแรง อัตราการเข้าโรงพยาบาลลดลงอย่างมากในหมู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 อัตราการเข้าโรงพยาบาลและ ICU เฉลี่ยต่อเดือนต่อประชากร 100,000 คนสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โควิด-19 อย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 16.2 ซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสเป็นโรครุนแรงที่ต้องการรักษาในโรงพยาบาลหรือ ICU มากกว่า 1.6 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง (10.4 รายต่อประชากร 100,000 คน)
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ กระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนดเพื่อความปลอดภัยและรักษาความแข็งแกร่งร่วมกันโควิด-19 บุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มเปราะบาง และผู้อยู่อาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ ควรได้รับวัคซีนที่อัปเดต (MONOVALENT COVID XBB.1.5 VACCINES) หากวัคซีนเข็มสุดท้ายที่ได้รับเกินกว่าหนึ่งปี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์