ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด รู้ไว้ให้ห่างความยุ่งยาก

ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด รู้ไว้ให้ห่างความยุ่งยาก

ถ้าท่านเป็นคนชอบกระทำสิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตและชื่อเสียงของตนเอง จากการขับรถหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรข้ามข้อเขียนนี้ไป

แต่หากท่านเป็นคนชอบดื่มหรือต้องดื่มบ้างเเละไม่อยากมีปัญหา         มีความรับผิดชอบต่อสังคม    ข้อเขียนนี้น่าจะเป็นประโยชน์เพราะพยายามไขข้อข้องใจหลายอย่าง

 เช่น  เขาวัดแอลกอฮอล์ในเลือดด้วยหน่วยอะไร (น่างุนงงมากที่เป็นทั้งเปอร์เซ็นต์ และมิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ระดับไหนถึงจะผิดกฎหมาย และแต่ละระดับแอลกอฮอร์ในเลือดมีผลต่อร่างกายอย่างไร และดื่มเพียงใดจึงจะไม่เกิดปัญหา  โดยไม่ทำร้ายตนเอง และผู้อื่น

              ในทางเศรษฐศาสตร์มีคำว่าผลกระทบภายนอก (externality) ซึ่งหมายถึงผลกระทบที่มีต่อบุคคลภายนอก (ผู้ถูกกระทำ) ทั้งในด้านบวกและลบจากการบริโภคหรือการผลิตของบุคคลหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น การสูบบุหรี่สร้างผลกระทบภายนอกด้านลบแก่คนอื่นที่ต้องสูดควันพิษเข้าไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้  คนสูบมีความสุขแต่ไปสร้างความทุกข์ให้ผู้ถูกกระทำ  

  การขับรถภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็คล้ายกัน    ถ้าขับรถตกถนนลงคูน้ำตายไปโดยไม่เป็นผลร้ายต่อผู้อื่นก็ไม่เข้าประเด็นนี้   แต่ถ้าทำให้คนอื่นบาดเจ็บ พิการหรือตาย  หรือชนเสาไฟฟ้าจนบริเวณแถวนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้ (อาหารและยาในตู้เย็นเสีย   คนป่วยไข้ที่มีเครื่องประคองชีวิตซึ่งอาศัยไฟฟ้ามีปัญหา   โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กผลิตไม่ได้) ก็เกิดผลกระทบภายนอกด้านลบต่อผู้อื่น

และด้วยเหตุนี้จึงมีความชอบธรรมที่ภาครัฐจะควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ  โดยมีโทษทางกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำเช่นว่าขึ้น

           ข้อสังเกตอันหนึ่งก็คือผลกระทบภายนอกด้านบวกมักเกี่ยวพันกับเรื่องดี ๆ    การสร้างคุณค่า  การทำความดี    คุณธรรม    ฯลฯ   ในขณะที่ด้านลบมักเกี่ยวกับเรื่องการทำลายล้าง   โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับอบายมุข (ดื่มสุราและเสพของมึนเมา    ใช้ชีวิตเที่ยวไปอย่างไร้สาระ    เล่นการพนัน  และคบคนชั่วเป็นมิตร)

ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด (Blood Alcohol Concentration___BAC) ซึ่งเป็นสาเหตุของการมึนเมาและปัญหาในการควบคุมร่างกายยามขับรถ    ยิ่งมีมากก็ยิ่งเป็นปัญหามากนั้นวัดได้โดย  

(ก) ผ่านลมหายใจ   ใช้การทดสอบแบบ Breathalyzer เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป   มันจะเข้าไปในเส้นเลือด และไปยังปอด    เครื่องชนิดนี้ใช้ปฏิกิริยาทางเคมี และการตรวจรังสีอินฟราเรดเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด       

(ข) ตรวจเลือดโดยตรงว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่มากน้อยเพียงใด  ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด    

(ค) ตรวจปัสสาวะ ถึงแม้จะแม่นยำน้อยที่สุดแต่ก็สะดวก

(ง) ตรวจน้ำลายนั้นมักไม่ใช้กัน  ที่ใช้กันมากที่สุดคือตรวจจากลมหายใจ

หน่วยที่วัด BAC คือ “เปอร์เซ็นต์” และมักกำกับคำว่า “มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์” ไว้ด้วย  

“เปอร์เซ็นต์” ในที่นี้คือปริมาณของแอลกอฮอล์ ซึ่งวัดเป็นน้ำหนักในปริมาณเลือด 100 ซี.ซี (c.c) หรือ milliliters (ml) ซึ่ง c.c และ ml หมายถึงสิ่งเดียวกันคือ 1 ลูกบาศก์เซ็นติเมตร (กว้าง / ยาว และสูง 1 ซ.ม.)   ดังนั้น 0.05% (50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) หมายถึงมีขนาดแอลกอฮอล์อยู่ 0.05% ในเลือด 100 ซี.ซี. หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่ามีแอลกอฮอล์อยู่หนัก 50 มิลลิกรัมในเลือด 100 ซี.ซี.( หนึ่งกรัมเท่ากับ 1,000 มิลลิกรัม ดังนั้น .05 % ของกรัมจึงเท่ากับ 50 มิลลิกรัม)

 

 ตัวเลข 0.05% นี้   ไม่ใช่ 5%   ไม่ใช่ 0.5%  ซึ่งคือครึ่งหนึ่งของ 1 เปอร์เซ็นต์   หากเป็น 0.05% ซึ่งน้อยลงไปอีก 10 เท่า   อย่าลืมว่าเลือดทั้งตัวของมนุษย์นั้นมีอยู่ประมาณ 5-6 ลิตร (5,000-6,000 ซี.ซี. ชาย) และ 4-5 ลิตร (หญิง)    หากมีแอลกอฮอล์ถึงครึ่งของ 1 เปอร์เซ็นต์ก็เมาตายแน่นอน    ดังนั้น 0.05% จึงพอทำให้รู้สึกว่าเริ่มเมา

      โดยสรุป   ถ้าตัวเลขในระดับสากลที่บอกขนาดของแอลกอฮอล์ในเลือดคือ 0.05 % BAC และอาจเขียนในวงเล็บเพื่อขยายความว่า (50มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)  ก็หมายความว่ามีแอลกอฮอล์อยู่หนัก 50 มิลลิกรัมในเลือด 100 c.c. หรือ ml

        ที่ยกเอาตัวเลข 0.05  % BAC มาก็เพราะเป็นกฎหมายของบ้านเราที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะต้องมี BAC ไม่เกิน 0.05% (50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) และผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี   ต้องมี BAC ไม่เกิน 0.02% (20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)

          ในสหรัฐอเมริกา ตัวเลขสำหรับผู้ขับขี่ทั่วไปคือ 0.08%   /   อังกฤษ 0.08%    /   ออสเตรเลีย 0.05%   /   EU 0.05%    /   เยอรมัน (0.05%)   /    ญี่ปุ่น (0.03%)   /   จีน  (0.02%)    /     อินเดีย 0.03%   /   รัสเซีย 0.03%    สำหรับผู้ขับขี่เชิงพาณิชย์ และอายุต่ำกว่า 21 มักมีเงื่อนไขที่ต่ำกว่านี้

        คำถามที่น่าสนใจก็คือ แต่ละระดับของแอลกอฮอล์มีผลต่อร่างกายอย่างไร

(ก)  0.02%BAC  รู้สึกเริ่มสนุก  ความอายลดลง   รู้สึกผ่อนคลาย   มีผลต่อการขับขี่บ้างในการใช้วิจารณญาณ และการทำงานหลายอย่างไปพร้อมกัน  

 (ข)  0.05%BAC สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อบ้างเช่นการใช้สายตา  เริ่มมีผลต่อวิจารณญาณ    ตื่นตัวน้อยลง    มีความสามารถในการควบคุมพวงมาลัยน้อยลง    มีเวลาตอบรับต่อสถานการณ์ฉุกเฉินในการขับขี่น้อยลง  

(ค) 0.08% BAC การขับขี่มีปัญหามากขึ้น   ยากในการควบคุมความเร็ว    การรับรู้รับทราบน้อยลง    มีวิจารณญาณในการขับขี่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด    

(ง) 0.10% BAC ความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายมีปัญหา    ความสามารถในการขับขี่ลดลงไปอย่างมาก    ปฏิกิริยาช้าลง     การประสานงานระหว่างเวลาและความเร็วทำได้เลวลง    คิดช้า    พูดไม่ชัด           

(จ) 0.15% BAC สถานการณ์ในข้อ (ง) เลวร้ายลงมาก  อาจอาเจียน   เสียการทรงตัว   กล้ามเนื้อทำงานได้     ช้าลง    การขับขี่มีปัญหามาก   วิจารณญาณในการขับขี่เป็นปัญหามาก

       หากต้องดื่มก่อนขับ   ควรดื่มมากน้อยเพียงใดจึงจะอยู่ในขอบเขต 0.05% BAC   คำตอบนี้ไม่ง่ายเพราะมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าไปในเส้นเลือดของแอลกอฮอล์ซึ่งแต่ละคนก็ต่างกันไป  เช่น  น้ำหนักตัว    ดื่มช้าหรือเร็วเพียงใด    เพศ    มีอาหารในท้องตอนดื่มมากน้อยเพียงใด  

         คำแนะนำทั่วไปคือ  

(ก) เบียร์ (แอลกอฮอล์ 5%)   น้ำหนัก 54 ก.ก. ไม่เกินหนึ่ง Standard Drink (เท่ากับประมาณ 355 ซี.ซี. หรือ 1  เบียร์ขวดเล็ก)   /    น้ำหนัก 73 ก.ก. ไม่เกินสอง Standard Drink (710 ซี.ซี.)  หรือ 1 เบียร์ขวดใหญ่  

(ข) ไวน์ (แอลกอฮอล์ 12%) น้ำหนัก 54 ก.ก. ไม่เกินครึ่งของ Standard Drink (ครึ่งของ 1 เบียร์ขวดเล็ก)    /   น้ำหนัก 73 ก.ก. ไม่เกินหนึ่ง Standard Drink (1 เบียร์ขวดเล็ก)              

(ค) วิสกี้ (แอลกอฮอล์ 40%) ต้องระวังมากเป็นพิเศษเพราะแรงกว่าไวน์ 3 เท่า    ดังนั้นปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มต้องลดลงเป็นสัดส่วน  เช่น  น้ำหนัก 73 ก.ก.   ไม่ควรดื่มเกิน 1 ใน 3 ของเบียร์ขวดเล็ก  หรือประมาณ          120 ซี.ซี.  หรือประมาณ 4 เป๊ก (เป๊กละ 30 ซี.ซี.  ซึ่งเท่ากับ 2 ช้อนโต๊ะ)  โดยสรุปไม่ควรเกิน 8 ช้อนโต๊ะ (ขอเอามาตรฐานยาแก้ไอลูกมาเทียบเคียงเพื่อให้เห็นภาพ)

       ถ้ามันอ่านแล้วยุ่งยากนักก็อย่าไปดื่มมันเสียเลยก่อนขับรถ     แต่ถ้าจำเป็นเพราะ “ใจสั่งมา” หรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ที่คิดขึ้นมาเป็นข้ออ้างก็ไม่ควรเกินกว่าปริมาณที่กล่าวมานี้   ซึ่งเป็นตัวเลขคร่าว ๆ ถ้าจะให้ “กันเหนียว” ก็ลดลงไปจากปริมาณที่กล่าวถึงนี้สักครึ่งก็น่าจะห่างไกลความยุ่งยากค่อนข้างแน่นอน  เเละถ้าจะให้ชัวร์สุด ๆ ก็ไม่ดื่มเลยครับ.