ไทย 'ฮับศัลยกรรม' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง

ไทย 'ฮับศัลยกรรม' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง

การวิเคราะห์ของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) จากข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคด้านสุขภาพและเวลเนสวันที่ 20 ก.ค. 2023-11 ส.ค.2023

KEY

POINTS

  • ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงาม มีแนวโน้มขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายและ Gen Z โดยจะใช้จ่าย ไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง
  • ศัลยกรรมตกแต่ง กับการแก้ไขข้อบกพร่องตามร่างกาย จริงๆ ไม่ได้แตกต่างกัน แต่การจะทำศัลยกรรมควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาร หรืออุปกรณ์ หัตถการต่างๆ ควรจะเป็นไปตามมาตรฐาน ความสะอาดของสถานพยาบาล
  • การทำศัลยกรรมอย่าพิจารณาเพียงเฉพาะราคา ยิ่งราคาถูกยิ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะตอนนี้มีทั้งของปลอม และแพทย์ที่ไม่ชำนาญการในการบริการหัตถการ

การวิเคราะห์ของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) จากข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคด้านสุขภาพและเวลเนสวันที่ 20 ก.ค. 2023-11 ส.ค.2023 ระบุว่า ไทยเป็น 1 ใน 4 ฮับเวชศาสตร์ความงามที่สำคัญของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน โดยมูลค่าตลาดเวชศาสตร์ความงามในปี 2021 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท อัตราการเติบโตตลาดเวชศาสตร์ความงามไทยช่วงปี 2022-2030 อยู่ที่ 10% CAGR (อัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น)

ทั้งนี้พบว่าสัดส่วนผู้ใช้บริการหัตถการเสริมความงาม 44% สัดส่วนผู้ที่ไม่เคยใช้บริการหัตถการเสริมความงาม แต่สนใจ 24% สัดส่วนผู้ใช้บริการหัตถการมากกว่า 1 ประเภท 63% สัดส่วนผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงาม 21% สัดส่วนผู้บริโภคที่ไม่เคยทำศัลยกรรมความงามแต่สนใจ 21% และสัดส่วนผู้ผ่านการทำศัลยกรรมความงามมากกว่า 1 ประเภท 65%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อัปเดต 'เทรนด์ความงาม' กับ 5 'ศัลยกรรม' ยอดนิยม

คนรุ่นใหม่ทำศัลยกรรม “จมูก-ตา”พุ่ง เสริมงาน เพิ่มความมั่นใจ

ศัลยกรรมความงามไทยเติบโตสูง

“ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช” นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าขณะนี้ผู้คนต่างให้ความสำคัญในการดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่สนใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองมากกว่าในอดีต เช่น การดูแลผิวพรรณ การทานอาหารเสริม เทรนด์การออกกำลังกาย มีเพิ่มมากขึ้น และมีการดูแลตัวเองในกลุ่มเด็กที่อายุน้อยลง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะเด็กส่วนใหญ่เขาสามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้มากขึ้น อีกทั้งเมื่อเห็นดารา อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ศิลปินที่ชื่นชอบ พวกเขาก็อยากสวยอยากหล่อ อยากมีผิวพรรณที่ดีเหมือนบุคคลที่เขาชื่นชอบ

“เทรนด์ศัลยกรรมความงามที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคยุคใหม่และมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ การดูแลผิวและความงาม ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ต่างชาติ เนื่องจากค่าบริการในไทยที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับค่าบริการเฉลี่ยของโลก เช่นเดียวกับศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะศัลยกรรมความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง หรือการแก้ไขข้อบกพร่อง ถือเป็นเรื่องเดียวแต่หัตถการอาจแตกต่างกันออกไป” ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์ กล่าว

ไทย \'ฮับศัลยกรรม\' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง

ผู้ชายและ Gen Z บำรุงรักษาผิวมากสุด

กลุ่มที่ให้ความสนใจเรื่องของศัลยกรรมความงามค่อนข้างมาก จะเป็นกลุ่ม Gen Y ผู้หญิง และ LGBTQIA+ ซึ่งมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับความสวยความงามมากขึ้นและมีโอกาสใช้จ่ายด้านเวชศาสตร์ความงามสูงขึ้น

ขณะที่ ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามมีแนวโน้มขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายและ Gen Z โดยการใช้บริการหัตถการส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะใช้บริการเพื่อการรักษาและบำรุงผิวมากที่สุดควบคู่กับการใช้บริการหัตถการประเภทอื่น และจะใช้จ่าย ไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง

แม้การทำศัลยกรรมเสริมความงามจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคบางส่วน แต่ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+ อีกทั้ง ผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ ยังทำศัลยกรรมมากกว่า 1 ประเภท โดยการทำศัลยกรรมจมูกและดวงตาเป็นที่นิยมสูงสุดจากผู้ที่ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงาม มาแล้วและผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมในระยะข้างหน้า

โดยผู้บริโภคจะเลือกใช้บริการจากโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางและคลินิก ศัลยกรรมตกแต่งความงามเป็นหลัก ขณะที่การทำศัลยกรรมในต่างประเทศก็ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ มาตรฐานความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด

“ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์” กล่าวต่อว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่นิยมฉีดฟิลเลอร์และโบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือที่เรียกกันว่าโบท็อกมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่อายุยังน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ และโบทูลินั่ม ท็อกซิน แม้จะไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่หากฉีดเมื่อช่วงอายุยังน้อย อาจก่อให้เกิดอาการคล้ายๆ อาการดื้อยาได้ เนื่องจากร่างกายถูกกระตุ้นให้ได้รับสารเหล่านี้เร็วขึ้น ทั้งๆ ที่การฉีดฟิลเลอร์หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ควรฉีดเมื่อมีริ้วรอย ต้องการให้ผิวพรรณมีความเต่งตึง และควรฉีดด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากไม่ได้ฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดอันตราย หรือติดเชื้อได้ และหากฉีดไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด หากไปฉีดบริเวณตาแล้วเกิดการอุดตันอาจทำให้ตาบอดได้

ไทย \'ฮับศัลยกรรม\' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง

เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำศัลยกรรม

“ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์” กล่าวต่อว่าศัลยกรรมตกแต่ง กับการแก้ไขข้อบกพร่องตามร่างกาย จริงๆ ไม่ได้แตกต่างกัน แต่การจะทำศัลยกรรมควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาร หรืออุปกรณ์ หัตถการต่างๆ ควรจะเป็นไปตามมาตรฐาน สถานพยาบาลหรือคลินิกต้องมีความสะอาด ปลอดภัยได้มาตรฐาน และที่สำคัญอย่าพิจารณาเพียงเฉพาะราคา ยิ่งราคาถูกยิ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะตอนนี้มีทั้งของปลอม และแพทย์ที่ไม่ชำนาญการในการบริการหัตถการ

“ขณะนี้มีแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งที่ผ่านการเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย มีประมาณ 450 คน และมีในสาขาอื่นๆ ซึ่งแพทย์สาขาหู คอ จมูก ที่ผ่านการอบรมตามเกณฑ์ที่กำหนดสามารถทำศัลยกรรมตกแต่ง หรือศัลยกรรมความงามได้ เพียงแต่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง ดังนั้น ตอนนี้หากมองถึงความต้องการแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งมองว่าไม่ได้ขาดแคลน มีเพียงพอกับความต้องการ”ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์ กล่าว

แพทย์ที่ผ่านการเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่ได้รับอนุมัติและวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือผู้ทรงคุณวุฒิในหลักสูตรสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง (Thai Board of Plastic and Reconstructive Surgery) จากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและแพทยสภา ตามหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งเป็นระยะเวลาของหลักสูตร 3 ปี และหลักสูตร 5 ปี

ไทย \'ฮับศัลยกรรม\' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง

ชูมาตรฐานปลอดภัยดันไทยเป็นศูนย์กลาง

“ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์” กล่าวต่อไปว่าไทยเป็นฮับด้านศัลยกรรมตกแต่งอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ เกาหลี จีน หรือออสเตรเลีย ที่เข้ามาทำศัลยกรรมตกแต่งในไทยจำนวนมาก ฉะนั้น การจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางควรจะมุ่งเน้นเรื่องของการสนับสนุนความปลอดภัย และควบคุมมาตรฐานให้มากขึ้น เพราะเรื่องของการผลิตแพทย์ มีสภาวิชาชีพกำหนด ขณะที่การอนุญาตสถานพยาบาล คลินิกต่างๆ มีกรมสนับสนุนสถานบริการสุขภาพ (สบส.) ควบคุมดูแล แต่การส่งเสริมเรื่องความปลอดภัยและควบคุมคุณภาพ อาจจะยังไม่มีกฎหมายหรือหน่วยงานที่ชัดเจน

“ตอนนี้ในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ LGBTQIA+ ให้ความสนใจเรื่องของสุขภาพและศัลยกรรมมากขึ้น ซึ่งไทยมีทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และบางศัลยกรรมอาจถูกกว่า 50% รวมถึงมีทีมแพทย์ในสาขาที่เกี่ยวข้อง มีสถานพยาบาลที่ปลอดภัย แต่ทั้งนี้ ทุกศัลยกรรมจะต้องเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย” ศ.นพ.คลินิก อภิรักษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากสนใจอยากทำศัลยกรรมควรจะเข้ารับการปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และศึกษารายละเอียดของคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทีมพยาบาล รวมถึงสารต่างๆ ที่จะฉีดเข้าร่างกาย หรือรูปทรงรูปแบบที่อยากทำศัลยกรรม เพราะการทำศัลยกรรมหากมีข้อผิดพลาดอาจจะนำอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง และตัวของผู้ที่สนใจเองควรจะถามตัวเอง และศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด