AIHE 2024 มหกรรม 'กัญชง' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

AIHE 2024 มหกรรม 'กัญชง' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

อุตสาหกรรมกัญชง (Hemp) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 ขนาดตลาดกัญชงโลกมีมูลค่าประมาณ 1.92 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น

KEY

POINTS

  • การเข้าร่วมงานมหกรรม AIHE ไม่เพียงได้ประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ยังได้แบ่งปันความรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย
  • การสนับสนุนธุรกิจและอุตสาหกรรมกัญชากัญชงจะต้องประกอบด้วย 1.คนที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมควรจะต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องการปลูกให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ 2.รัฐบาลต้องชัดเจนในนโยบายและกฎหมาย 
  • ไทยยังตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกกัญชงที่มีคุณภาพสูง

อุตสาหกรรมกัญชง (Hemp) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 ขนาดตลาดกัญชงโลกมีมูลค่าประมาณ 1.92 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 17.5% ตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2030 (ข้อมูลจาก Grand View Research)

การเติบโตนี้ได้รับการขับเคลื่อนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น บรรจุภัณฑ์ วัตถุดิบ อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอางและสปา เครื่องแต่งกายแฟชั่น และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้การเพาะปลูกและการค้ากัญชงเพิ่มขึ้นในตลาดโลก

งาน Asia International Hemp Expo and Forum 2024 (AIHE) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด “Hemp Inspires” จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับ 14 อุตสาหกรรม ,จัดสัมมนานานาชาติที่เป็น Case study และการแบ่งปันความรู้ โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์จริงกว่า 20 ประเทศที่มีความโดดเด่นในสาขาต่างๆ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแสดงกว่า 200 บริษัทผู้เข้าชมงานกว่า 10,000 คน และมีเงินสะพัดจากการจัดงานครั้งนี้กว่า 1,000 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รัฐบาลเดินหน้า 'กัญชากัญชง' เพื่อการแพทย์ - มูลค่าเศรษฐกิจ

'Hemp for Living' ผลิตภัณฑ์กัญชงในชีวิตประจำวัน 

ไฮไลต์ AIHE 2024 ภายใต้แนวคิด “Hemp Inspires”

ไฮไลต์สำคัญคือการเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ โดยได้จัด HEMP Supply Chain Pavilion ที่เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกเข้าร่วมนำเสนอศักยภาพและปริมาณความสามารถในการปลูกกับผู้ซื้อในภาคอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ โดยในภาคอุตสาหกรรมก็จะนำเสนอคุณสมบัติของวัตถุดิบและปริมาณความต้องการซื้อในแต่ละปี

ซึ่งจะทำให้ผู้ปลูกสามารถวางแผนการปลูก เลือกเมล็ดพันธุ์ และเลือกวิธีการปลูกได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นเวทีทางธุรกิจสำคัญที่ผู้ประกอบการด้านกัญชงและประชาชนทั่วไปไม่ควรพลาด เพราะงานนี้ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของอุตสาหกรรมกัญชง รวมถึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการได้สำรวจช่องทางการส่งออกใหม่ ๆ

AIHE 2024 มหกรรม \'กัญชง\' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

ต้นโคลนกัญชงเสถียรทางพันธุกรรม 

บริษัท ฮิดเด้น วัลเล่ย์ เจเนติกส์ จำกัด  ซึ่งมีสำนักงานที่ประเทศไทย และเป็นสาขาเอเชียแห่งแรกของ Hidden Valley Genetics จากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมกัญชงมากว่า 53 ปี  มาจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมและจัดจำหน่ายต้นโคลนกัญชงที่มีความเสถียรทางพันธุกรรมเพื่อนำเสนอนวัตกรรมการปักชำ และจัดแสดงต้นกัญชง ที่สะอาดและมีสุขภาพดี ความสูงตั้งแต่ 2 ฟุต ไปจนถึง 6 ฟุต มาจัดแสดงในบูธขนาดใหญ่ โดยจะเน้นต้นสดและโชว์การสาธิตคุณภาพของต้นอย่างละเอียดโดยทีมงานความเชี่ยวชาญของบริษัท

“จอร์แดน ไทเลอร์ เฮอร์ริ่ง” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท ฮิดเด้น วัลเล่ย์ เจเนติกส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการการโคลนพันธุกรรมกัญชงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในโรงงานแบบร่มขนาด 2,400 ตารางเมตรมีทั้งต้นปักชำ และ RTF (Ready to Flower) หรือต้นพร้อมออกดอก เน้นการส่งออกเพื่อการแพทย์ และมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสถียรภาพ ซึ่งดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา

AIHE 2024 มหกรรม \'กัญชง\' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

สร้างเครือข่ายมองหาผู้ซื้อรายใหม่

การเข้าร่วมงานมหกรรม AIHE ไม่เพียงได้ประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ยังได้แบ่งปันความรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมกัญชงในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการสร้างเครือข่าย มองหาผู้ซื้อรายใหม่ ๆ และตั้งเป้าดึงดูดผู้ซื้อจากประเทศต่างๆ เช่น โปรตุเกส สหราชอาณาจักร เยอรมัน และออสเตรเลีย ที่มีมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และต้องการกัญชาที่ได้มาตรฐาน GACP (Good Agricultural and Collection Practices)

"เฮอร์ริ่ง” กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรม ซึ่งฮิดเด้น วัลเล่ย์ เจเนติกส์ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยมีหลายสิ่งที่ทำเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้กระถางที่ทำจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งกระถางเหล่านี้มีวัสดุเฉพาะที่ได้รับสิทธิบัตร ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้สารอาหารและลดการสิ้นเปลืองน้ำ เนื่องจากสามารถรักษาน้ำได้ดีกว่ากระถางพลาสติกหรือกระถางผ้าแบบดั้งเดิม

ทั้งนี้ บริษัทยังได้แบ่งปันกระถางขนาดเล็กที่ใช้แล้วแก่ชุมชนท้องถิ่นเพื่อใช้ปลูกผัก ส่วนกระถางขนาดใหญ่ที่ใช้ปลูกแม่พันธ์จะทำความสะอาดและใช้ซ้ำ และยังรีไซเคิลกาบมะพร้าวที่เหลือจากกระบวนการปลูกและแจกจ่ายให้กับชุมชนด้วย ซึ่งชุมชนได้ใช้กระถางเหล่านี้ในการปลูกมะเขือเทศ พริก และพืชอื่น ๆ นอกจากนั้น โรงงานของฮิดเด้น วัลเล่ย์ เจเนติกส์ใช้ไฟ LED ที่ใช้พลังงานน้อยกว่าไฟแบบดั้งเดิม และลดการปล่อยความร้อน ทำให้ระบบปรับอากาศของโรงงานทำงานได้ง่ายขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

แอกกรี โซลูชั่น เอเชีย  โชว์นวัตกรรมเพาะปลูก

 ภายในงาน Asia International Hemp Expo2024 “จะมีไฮไลต์ที่สำคัญคือการเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ โดยได้จัด HEMP Supply Chain Pavilion ที่เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกเข้าร่วมนำเสนอศักยภาพและปริมาณความสามารถในการปลูกกับผู้ซื้อในภาคอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ โดยในภาคอุตสาหกรรมก็จะนำเสนอคุณสมบัติของวัตถุดิบและปริมาณความต้องการซื้อในแต่ละปี ซึ่งจะทำให้ผู้ปลูกสามารถวางแผนการปลูก เลือกเมล็ดพันธุ์ และเลือกวิธีการปลูกได้อย่างถูกต้อง

“มร. เมนโน เคปเปล” ผู้บริหารบริษัทแอกกรี โซลูชั่นส์ เอเชีย จำกัด กล่าวว่าคนที่มาร่วมงานAsia International Hemp Expo & Forum 2024 (AIHE 2024)ในปีนี้ จะเป็นคนที่มีความมุ่งเน้นในธุรกิจนี้ที่ชัดเจนและยั่งยืน ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเรื่องต่างๆที่ภาคธุรกิจแต่ละส่วนเกี่ยวข้องและสนใจระหว่างกันของบริษัทที่ทำธุรกิจ เปิดประสบการณ์จากทั่วโลกมาปรับใช้ในธุรกิจได้

 ซึ่ง บริษัทแอกกรี โซลูชั่นส์ เอเชียฯ จะนำเสนอ 3 ไฮไลต์ ได้แก่ 1.Grodan Improved เป็นไลน์สินค้าใหม่ จะช่วยให้ผู้ปลูกประหยัด ไม่ต้องมีน้ำทิ้ง ซึ่งรูปแบบใหม่นี้สามารถเก็บน้ำทิ้งได้ เก็บน้ำปุ๋ยได้ เพราะปุ๋ยราคาแพงอยู่แล้ว 2.เซ็นเซอร์ของ Grodan เป็นเซ็นเซอร์พิเศษที่จะมาเปิดตัวในงานนี้โดยเฉพาะ จะช่วยดูแลเรื่องการควบคุมความชื้น ควบคุมความกรด ความด่าง ในวัสดุปลูก Grodan ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตในการนำเข้า และ3.คอนโทรลเลอร์ใหม่ ช่วยให้ลูกค้าที่มีห้องเล็กๆ สามารถใช้งานได้ในราคาที่เหมาะสม 

AIHE 2024 มหกรรม \'กัญชง\' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

 ไฮไลต์ทั้ง 3 ตัวที่บริษัทนำมาแสดง ช่วยการเติบโตของคู่ธุรกิจ โดยจะช่วยให้การเพาะปลูกง่ายมาก ช่วยแก้ปัญหาในการช่วยประหยัดปุ๋ย ทำให้สามารถควบคุมผลผลิตได้คุณภาพ อย่างการมีเซ็นเซอร์ควบคุมความชื้น ความเป็นกรด ด่าง ช่วยให้คนปลูกรู้ว่า ควรจะใส่ปุ๋ยอะไรเพิ่ม หรือล้าง หรือปรับค่าPH ทำให้สามารถควบคุมผลผลิตได้คุณภาพ

 หรือการใช้วัสดุปลูก Grodan ที่เป็นบล็อคปลูกแต่ละบล็อคมีความอมน้ำเท่ากัน แต่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นอาจจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบล็อก ทำให้มีปัญหาบางต้นใหญ่ บางต้นเล็ก ผลผลิตโตไม่พร้อมกัน ขณะที่ Grodanของบริษัทแอกกรี โซลูชั่น เอเชียฯ ใช้น้ำน้อยกว่าเพราะอมน้ำได้นานกว่า ทำให้แต่ละต้นเจริญเติบโตได้ใกล้เคียงกัน จึงให้ผลผลิตดีกว่า สามารถเก็บเกี่ยวได้พร้อมๆกัน

 “คาดหวังว่างานนี้ บริษัทจะได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของสินค้าของบริษัทกับที่อื่นๆ และจะเจอลูกค้าใหม่ที่ในอนาคตจะซื้อสินค้าของเรา เพราะส่วนแบ่งในตลาดตอนนี้แอกรี โซลูชั่น เอเชีย ได้ 20 % ถ้าได้เพิ่มอีก 10 % ก็ถือว่ามากแล้ว”มร.แมนโนกล่าว 

ทั้งนี้ การสนับสนุนธุรกิจและอุตสาหกรรมกัญชากัญชงจะต้องประกอบด้วย 1.คนที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมควรจะต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องการปลูกให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ 2.รัฐบาลต้องชัดเจนในนโยบายและกฎหมาย เพราะหากไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล คนก็ไม่กล้าลงทุน แต่คนที่มีความมุ่งมันที่แท้จริงในการทำอุตสาหกรรมสนี้ ก็ยังมีการดำเนินการต่อไป และ3.ต้องมีช่องทางในการเผยแพร่องค์ความรู้ในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้อง หรือแนะนำบริษัที่จะให้คำปรึกษาได้ เป็นต้น 

 “Greeus®️ Clinic”สุขุมวิท 49 รับนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่น  

Tomohiro Nakagawa ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท DropStone Group Co., Ltd. กล่าวว่ารัฐบาลไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนการทำให้กัญชง-กัญชาถูกกฎหมาย ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โอกาสในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ CBD/THC เพื่อสุขภาพมีแนวโน้มได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกกัญชงที่มีคุณภาพสูงที่ง่ายต่อการจัดหาวัตถุดิบได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเห็นโอกาสการขยายธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คิดค้นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แคนนาบินอยด์ (CBD) ผ่านแบรนด์ VapeMania® และ Greeus® สู่ตลาด และส่งเสริม Medical Cannabis Wellness Tour เพื่อขยายฐานธุรกิจ รวมถึงหาพันธมิตรใหม่ด้านวัตถุดิบ ทรัพยากร และโรงงานผู้รับจ้างการผลิตในประเทศไทยอีกด้วย

DropStone Group วางแผนกลยุทธ์การตลาดที่เน้นคุณภาพและสร้างความปลอดภัยเพื่อให้ผู้บริโภคไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีการสกัดที่มีคุณภาพสูง เพื่อมุ่งสู่การขยายตลาดในเอเชียและตะวันตกโดยการประชาสัมพันธ์ผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการพิจารณาขยายความร่วมมือกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย นำเทคโนโลยีการสกัดใหม่ๆ ที่ทันสมัยและสายการผลิตอัตโนมัติหรือระบบ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

AIHE 2024 มหกรรม \'กัญชง\' เอเชีย รวม เทคโน-นวัตกรรมเชื่อมโยงห่วงโซ่วัตถุดิบ

เน้นรักษาโรคเรื้อรัง-มะเร็ง-นักท่องเที่ยว

"ตลาดเป้าหมายหลักคือผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและผู้ที่สนใจในการดูแลตนเอง จึงมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์แคนนาบินอยด์มาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคเรื้อรัง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย"

โดยในช่วงเดือนธันวาคมนี้ บริษัทจะเปิดคลินิกกัญชง-กัญชาทางการแพทย์ “Greeus®️ Clinic” ในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ซึ่งเป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยของนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่น โดยคลินิกจะให้บริการการรักษาด้วยแคนนาบินอยด์ที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างมั่นใจและปลอดภัย