หายใจไม่เต็มอิ่ม อันตรายแบบใด? ควรรีบพบแพทย์
เราต่างรู้กันดีว่า หากเราไม่หายใจ นั่นหมายถึงการไม่มีชีวิต "การหายใจ" จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าอาการ “หายใจไม่อิ่ม”
KEY
POINTS
- โรคหายใจไม่อิ่ม (Dyspnea หรือ Shortness of Breath) เป็นลักษณะการหายใจเร็ว หายใจสั้น ทำให้ร่างกายรู้สึกว่าได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ จนรู้สึกเหนื่อย อึดอัด หัวใจเต้นเร็วตามมา
- วิธีการแก้อาการหายใจไม่อิ่ม มีด้วยกัน 2 วิธีที่แพทย์แนะนำให้ทำ ได้แก่ การฝึกหายใจ และการปรับอิริยาบถให้สามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น
- หากคุณกำลังประสบปัญหาหายใจไม่อิ่มหรือหายใจไม่เต็มปอด อย่าปล่อยให้อาการนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
เราต่างรู้กันดีว่า หากเราไม่หายใจ นั่นหมายถึงการไม่มีชีวิต "การหายใจ" จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าอาการ “หายใจไม่อิ่ม” หรือหายใจได้ไม่เต็มปอด นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความสำคัญ อาการดังกล่าวสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาสุขภาพเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง อย่าง
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หนึ่งในอาการโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งเสี่ยงมาก
- โรคปอด มีอยู่หลายชนิด เช่น วัณโรค ปอดบวม หอบหืด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง น้ำท่วมปอด เป็นต้น
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง – ALS เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง ส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- การติดเชื้อ Covid19 อาการเตือนของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด อาจมีภาวะเชื้อโควิดลงปอด
- ภาวะอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไทรอยด์ โรคโลหิตจาง โรคไตเรื้อรัง สิ่งแปลกปลอมขัดขวางระบบทางเดินหายใจภาวะวิตกกังวล เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผักที่ไม่ควรกินดิบ กินมากไปอาจเกิดโทษต่อสุขภาพ
ก่อนอายุ 40 ก็เป็นวัยทองได้ เรื่องที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน
อาการหายใจไม่อิ่มเป็นอย่างไร?
โรคหายใจไม่อิ่ม (Dyspnea หรือ Shortness of Breath) เป็นลักษณะการหายใจที่จะหายใจเร็ว หายใจสั้น ทำให้ร่างกายรู้สึกว่าได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ จนรู้สึกเหนื่อย อึดอัด หัวใจเต้นเร็วตามมา บางครั้งรู้สึกว่าหายใจเข้าลึกแล้ว แต่ยังไม่สุดปอด รู้สึกว่าต้องการหายใจเพิ่มอีก
จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองกำลังมีอาการหายใจไม่อิ่ม? อาการหายใจไม่อิ่ม มีข้อบ่งชี้คือ
- หายใจแล้วรู้สึกว่าไม่พอ ไม่สุดปอด
- รู้สึกหายใจไม่สะดวก เหมือนลดผ่านเข้าไปได้ไม่ดี
- หายใจเข้าลึกไม่ได้ จนหายใจเป็นช่วงสั้นๆ ถี่ๆ
- อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย อย่างอาการจุกอก แน่นหน้าอก รู้สึกอึดอัด เหนื่อย
- หากเป็นหนัก อาจรู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกว่าจะขาดใจ
ระดับความรุนแรงของอาการหายใจไม่อิ่ม
ความรู้สึกหายใจไม่ออก หรือรู้สึกจะขาดใจ ไม่ใช่ข้อบ่งชี้เดียวของการเป็นโรคหายใจไม่อิ่ม ข้อสังเกตอีกอย่างที่จะรู้ได้จากการสังเกตตัวเอง คือระดับความเหนื่อยหอบเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ โดยทางการแพทย์จะแบ่งออกเป็นสเกล เรียกว่า “Dyspnea Scale” (mMRC (Modified Medical Research Council) Dyspnea Scale) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
- ระดับ 0 : หายใจไม่อิ่มจากการออกกำลังกายหนักเพียงอย่างเดียว
- ระดับ 1 : หายใจไม่อิ่มขณะเดินเร็ว หรือเดินขึ้นเนินที่ไม่ได้ชันมาก
- ระดับ 2 : เดินช้ากว่าผู้ที่มีอายุเท่ากัน เนื่องจากการหายใจไม่อิ่ม หรือจะต้องพักหยุดหายใจหลังจากเดินระยะหนึ่ง
- ระดับ 3 : ต้องหยุดหายใจหลังจากเดินได้เพียง 90 เมตร หรือเดินเป็นเวลาไม่กี่นาที
- ระดับ 4 : หายใจไม่อิ่มมากเสียจนไม่สามารถออกจากบ้านได้ หรือรู้สึกเหนื่อยหอบจากการแต่งตัว
สาเหตุหายใจไม่อิ่ม หายใจไม่เต็มปอด
อาการที่เกิดขึ้นอาจมีผลมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การใช้แรงมากเป็นเวลานาน มีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ มีอาการตกใจ หรืออาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้า เช่น ตามสถานที่ที่ความกดอากาศต่ำอย่างยอดเขา สถานที่อุณหภูมิสูง กลางแดดจัด เป็นต้น
สาเหตุอาการหายใจไม่อิ่มเฉียบพลัน
- อาการแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่มที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน เกิดจากสภาพอารมณ์และการใช้ร่างกายในช่วงเวลานั้นๆ เป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่ม แน่นอกในระยะสั้น เมื่อหยุดการกระทำที่ก่อให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่ม อาการดังกล่าวจะหายไปเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์ ซึ่งสาเหตุอาการหายใจไม่อิ่มเฉียบพลัน มีดังนี้
- ใช้ร่างกายหนักเป็นระยะเวลานาน การใช้ร่างกายหนัก อาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า จนทำให้ร่างเกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม
- ไม่ค่อยออกกำลังกาย ขยับร่างกายน้อย การออกกำลังกายน้อยเกินไป ส่งผลให้ความดันต่ำจนร่างกายต้องการออกซิเจนมากกว่าปกติ เกิดเป็นอาการเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม เวียนหัวได้
- พักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันหลายคืน การพักผ่อนน้อย มีผลทำให้หลอดเลือดทำงานได้น้อยละ และยังมีผลเกี่ยวกับระบบควบคุมการหายใจอีกด้วย
- เกิดภาวะตกใจ ช็อก อาการดังกล่าวเรียกว่า The Autonomic Nervous System Triggers Hyperventilation เกิดจากเมื่อเราตกใจ ฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) จะหลั่งอย่างฉับพลัน ทำให้ใจเต้นแรง หายใจไม่อิ่ม ความดันโลหิตสูง
- มีความวิตกกังวล ความเครียด ซึมเศร้า ความเครียดความกังวลสามารถส่งผลกับร่างกายได้หลายอย่าง สาเหตุที่ทำให้หายใจไม่อิ่ม อาจเกิดจากความดันโลหิตที่สูงขึ้นจากปฏิกิริยาของร่างกาย
- อยู่ในที่ที่มีความกดอากาศต่ำ หรือ อากาศร้อนมาก สถานที่ดังกล่าวมักมีออกซิเจนในอากาศน้อยกว่าปกติ สมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ (อยู่ภายในส่วน Medulla) ส่วนให้เราหายใจมากกว่าปกติ
- อาการภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้ก่อให้เกิดการหายใจไม่อิ่มได้ชั่วคราว เนื่องจากหากเราหายใจเอาสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้เข้าไป จะทำให้ระบบหายใจเกิดการอักเสบและบวมขึ้นชั่วคราว จนหายใจได้ยาก บางครั้งก่อให้เกิดอาการของโรคหอบหืด ทั้งนี้หากมีอาการหายใจไม่อิ่มรุนแรงจากการสัมผัสสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
สาเหตุอาการหายใจไม่อิ่มแบบเรื้อรัง
- การติดเชื้อโควิด-19
หายใจไม่อิ่มเรื้อรัง ตั้งแต่ช่วงที่ติดเชื้อโควิด ถึงช่วงหลังจากหายโควิดแล้ว อาจเป็นผลมาจากอาการป่วยและเป็นไข้ได้ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากหายใจไม่อิ่มรุนแรง เหนื่อยง่าย กลั้นหายใจหรือขยับตัวเล็กน้อยก็เหนื่อยมาก วัดออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94 %SpO2 อาจเป็นผลมาจาก โควิดลงปอด ได้
- ภาวะลองโควิด
หายใจไม่อิ่ม เป็นอาการหนึ่งที่พบได้จากภาวะลองโควิด เพราะเมื่อหายจากโควิดแล้ว ปอดยังคงมีรอยโรคจากการอักเสบอยู่ ทำให้เกิดพังผืด เกิดฝ้าในปอด ถุงลมไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีเท่าเดิมจนหายใจไม่อิ่ม ผู้ที่มีอาการดังกล่าวควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด เพิ่มเติมด้วย
- โรคหัวใจ
เจ็บหน้าอกซ้าย หายใจไม่อิ่มอย่างเรื้อรัง เป็นสัญญาณความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ ทั้งโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ, หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, โรคของลิ้นหัวใจ, เส้นเลือดในปอดอุดตัน, กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม, ถ้ามีความเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าว แพทย์จะให้ตรวจหัวใจ และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ด้วย
- โรคปอด
โรคที่เกิดขึ้นกับปอด สามารถทำให้เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่มได้ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อ หรือการอักเสบภายในปอด ถ้าอาการเข้าข่าย แพทย์จะให้เอกซเรย์ปอด และตรวจปอด เพื่อวินิจฉัยต่อไป
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
การหายใจต้องใช้กล้ามเนื้อถึง 2 ส่วน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นความผิดปกติของระบบประสาท หากเป็นโรคดังกล่าวอาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ จนรู้สึกหายใจไม่อิ่มได้
- โรคโลหิตจาง
ระบบเลือดสามารถมีผลต่อการหายใจได้ หากเลือดจางจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
- โรคกรดไหลย้อน
หายใจไม่อิ่ม จุกที่คอ มักเกิดจากกรดไหลย้อน มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงก่อนนอน หรือเวลาที่รับประทานอาหารมากเกินไป
- ภาวะข้างเคียงที่ส่งผลต่อระบบหายใจ
โรคอื่นๆ อาจมีผลกับระบบฮอร์โมน ระบบเลือด ระบบหายใจ และระบบควบคุมการหายใจได้ เช่น โรคที่เกี่ยวกับไต ตับ ต่อมไทรอยด์ และสมองส่วนกลาง (Central Sleep Apnea หรือ CSA)
- สรีระร่างกาย
สรีระร่างกายอาจมีผลกับหลอดลมได้ ทำให้หายใจไม่สะดวก หรือมีบางอย่างขวางการหายใจชั่วขณะได้ อาจเกิดขึ้นเองจากร่างกาย หรือเกิดจากอุบัติเหตุก็ได้ ที่พบได้มากคือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) ที่มักจะพบในผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม อาการหายใจไม่อิ่ม หายใจไม่เต็มปอด เกิดได้จากหลายสาเหตุ หากสังเกตตนเองและพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคที่ไม่ใช่สาเหตุ รวมทั้งตรวจดูความผิดปกติอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ซึ่งวิธีการตรวจนั้นสามารถตรวจได้โดยการเอกซเรย์ทรวงอก (Chest x-ray) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) การตรวจความผิดปกติของปอด (Low-dose CT) ทั้งนี้วิธีในการตรวจนั้นขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของแพทย์และอาการของผู้ป่วย
หายใจไม่อิ่ม ไม่เต็มปอด เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- มีอาการหายใจไม่อิ่มอย่างเรื้อรัง เป็นนาน และเป็นบ่อย
- ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หายใจไม่อิ่มและดูแลสุขภาพ ทั้งทานอาหารครบ 5 หมู่ นอนพักผ่อนเพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด ทานอาหารเป็นเวลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ได้เป็นภูมิแพ้ ไม่ได้มีอาการตกใจ ไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการหายใจ แต่ยังคงมีอาการอยู่
- รู้สึกเหมือนจะขาดใจ หายใจลำบากมาก โดยเฉพาะในขณะที่นอนราบ
- หายใจมีเสียง
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น จุก เจ็บหน้าอกมาก ตัวบวม รู้สึกเหมือนมีอะไรขวางเมื่อหายใจ มีไข้ คลื่นไส้ หมดสติ และอื่นๆ
หากมีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย รักษาต้นเหตุของอาการ และป้องกันไม่ให้อาการหายใจไม่อิ่ม หรืออาการของโรคต้นเหตุรุนแรงขึ้น
วินิจฉัยอาการหายใจไม่เต็มอิ่ม
ในการวินิจฉัย แพทย์จะซักประวัติเป็นอย่างแรก เพื่อสอบถามอาการหายใจไม่อิ่ม ความรุนแรงของอาการ ระยะเวลาที่เกิด และความถี่ของการเกิด รวมถึงสอบถามประวัติอาการป่วยอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อประเมินความเสี่ยงของการเป็นโรคต้นเหตุของอาการหายใจไม่อิ่ม หากมีความเสี่ยงแพทย์จึงจะตรวจละเอียดในด้านนั้นๆ อีกครั้ง เช่น การตรวจเลือด ตรวจปอด ตรวจหัวใจ ตับ ไต ไทรอยด์ หรือสมอง
ดังนั้น ทุกคนควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากมีการจดบันทึกอาการและช่วงเวลาที่เกิดอาการด้วยก็จะมีประโยชน์กับการวินิจฉัยอย่างมาก ยิ่งทราบต้นเหตุของอาการได้เร็ว ยิ่งสามารถรักษาได้ไวขึ้น โอกาสเกิดอาการรุนแรงก็จะยิ่งลดลง
แนวทางการรักษาภาวะหายใจไม่เต็มอิ่ม
เนื่องจากหายใจไม่อิ่ม สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เป็นชั่วคราว และเป็นอย่างเรื้อรัง ดังนั้นจะต้องมีการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการอย่างละเอียดก่อนการรักษา เพื่อจะได้รักษาได้อย่างตรงจุด
หากอาการหายใจไม่อิ่มเกิดจากโรคบางอย่าง ผู้ป่วยจำเป็นต้องรักษาโรคต้นเหตุให้หายเพื่อหยุดอาการหายใจไม่อิ่ม หากเป็นโรคเกี่ยวกับปอดและกล้ามเนื้อควบคุมการหายใจ แพทย์จะให้บริหารฝึกปอด ด้วยการฝึกหายใจอย่างถูกวิธีด้วย เพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง
หากหายใจไม่อิ่มชั่วคราวจากพฤติกรรมเสี่ยง แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง สาเหตุของอาการหายใจไม่อิ่มต่อไป
วิธีแก้อาการหายใจไม่อิ่ม
วิธีแก้อาการหายใจไม่อิ่ม มีด้วยกัน 2 วิธีที่แพทย์แนะนำให้ทำ ได้แก่ การฝึกหายใจ และการปรับอิริยาบถให้สามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น
- การฝึกหายใจสำหรับผู้ที่มีอาการหายใจไม่อิ่ม
สำหรับผู้ที่หายใจไม่อิ่ม สามารถฝึกหายใจเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการ
- ฝึกหายใจด้วยท้อง - การหายใจด้วยท้องจะสามารถทำให้เราสามารถหายใจได้ลึกมากขึ้น โดยการฝึกสามารถทำได้ทั้งการนั่งและยืนหลังตรง รวมถึงท่านอน ให้วางฝ่ามือสองข้างไว้ที่หน้าท้อง เมื่อหายใจเข้าต้องรู้สึกว่าท้องป่อง จึงจะถือว่าใช้กล้ามเนื้อในการหายใจอย่างถูกต้อง เมื่อหายใจออกให้ใช้ฝ่ามือกดหน้าท้องเล็กน้อยเพื่อให้ลมออกจนหมด
- ฝึกหายใจทั้งทางจมูกและปาก - โดยการฝึกหายใจเข้าทางจมูก และหายใจออกทางปาก ซึ่งการหายใจออกทางปาก จะต้องห่อริมฝีปาก ให้ลมค่อยๆออกมาช้าๆ วิธีนี้จะทำให้หายใจยาวขึ้น และช้าลง ช่วงลดอาการหายใจไม่อิ่มได้ สามารถใช้ขณะฝึกหายใจด้วยท้อง หรือขณะออกกำลังกายได้ด้วยเช่นกัน
แนะนำอิริยาบถที่ช่วยให้หายใจสะดวก
อิริยาบถที่ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ขณะรู้สึกหายใจไม่อิ่ม มีทั้งท่ายืน ท่านั่ง และท่านอน ดังนี้
1. ท่ายืน
- ท่าที่ 1 : ยืนหันหลังให้กำแพง ห่างจากกำแพงเล็กน้อย แยกขาให้ขากว้างเท่าไหล่ ใช้สะโพกยันกำแพงไว้ ทิ้งแขนลงข้างลำตัว ผ่อนคลายไหล่ แล้วโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ให้แขนทิ้งอยู่ด้านหน้าโดยไม่ต้องเกร็ง
- ท่าที่ 2 : ยืนหันหน้าเข้าโต๊ะที่มีความสูงต่ำกว่าไหล่ประมาณหนึ่ง ยืนห่างจากโต๊ะเล็กน้อย วางมือลงที่โต๊ะ โน้มตัวไปที่โต๊ะ ทิ้งน้ำหนักลงเล็กน้อย ผ่อนคลายคอ สามารถพักศีรษะไว้ที่แขนได้ จากนั้นจึงผ่อนคลายหัวไหล่
2. ท่านั่ง
- ท่าที่ 1 : นั่งเก้าอี้ที่มีความสูงพอเหมาะ ให้เท้าสามารถวางราบไปกับพื้นได้สะดวก โน้มตัวมาด้านหน้า ใช้ศอกวางไว้บนหัวเข่า แล้ววางคางไว้ที่มือ จากให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อคอและไหล่
- ท่าที่ 2 : นั่งเก้าอี้ที่มีความสูงพอเหมาะ ให้เท้าสามารถวางราบไปกับพื้นได้สะดวก ด้านหน้าควรมีโต๊ะ ความสูงอยู่ในระดับที่สามารถฟุบลงไปได้สะดวก ให้วางแขนหรือหมอนไว้ด้านหน้า แล้วฟุบลงในท่าที่หายใจได้ง่าย
3. ท่านอน
- ท่าที่ 1 : นอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง หมอนที่หนุนจะเป็นหมอนสูง ใช้ขาหนีบหมอนอีกใบไว้ขณะนอนด้วย
- ท่าที่ 2 : นอนหงายหนุนหมอนสูง ใช้หมอนอีกใบรองเข่าให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย
ป้องกันอาการหายใจไม่อิ่ม
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หายใจไม่อิ่ม ทั้งการใช้ร่างกายหนักเป็นเวลานาน ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย เครียด หรืออยู่ในที่เสี่ยงก่อให้เกิดภูมิแพ้ และที่ที่ทำให้หายใจลำบาก
- ไม่อยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน รวมถึงงดสูบบุหรี่
- หมั่นสังเกตการหายใจของตนเองอยู่เสมอ ว่ามีอาการหายใจไม่อิ่มหรือไม่ เกิดขึ้นบ่อยครั้งไหม
- หากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหายใจไม่ออกที่รุนแรง ควรนับพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
อ้างอิง: โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ ,โรงพยาบาลสมิติเวช ,โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต