รู้จัก 'ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน' อันตรายถึงตาย เกิดได้ทุกเพศทุกวัย

หลายครั้งที่เราอาจจะรู้สึกปวดหลัง มีไข้ หลังแข็งเกรง อาจบวม ร้อนเจ็บแบบอักเสบ บริเวณแนวกระดูกสันหลัง แล้วปล่อยผ่าน เพราะนึกว่าเป็นอาการทั่วๆ ไป ที่เพียงกินแก้ไข้ ก็หาย นอนพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น
KEY
POINTS
- โรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน คือ ภาวะที่มีการอักเสบของป
หลายครั้งที่เราอาจจะรู้สึกปวดหลัง มีไข้ หลังแข็งเกรง อาจบวม ร้อนเจ็บแบบอักเสบ บริเวณแนวกระดูกสันหลัง แล้วปล่อยผ่าน เพราะนึกว่าเป็นอาการทั่วๆ ไป ที่เพียงกินแก้ไข้ ก็หาย นอนพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตรายของภาวะกระดูกสันหลัง “ติดเชื้อ” ที่อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอัมพาตและถึงแก่ความตายได้
จากกรณีการเสียชีวิตของ “น้องผิง ชญาดา” นักร้องสาว ที่ระบุว่ามีสาเหตุมาจากการนวดบิดคอ หลังไปนวดที่ร้านนวดแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่าจากรายงานพบว่า วันที่ 6-11 พฤศจิกายน 2567 ผู้เสียชีวิต ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดรธานี ได้แอดมิทแผนกกระดูกและข้อ แพทย์ตรวจพบว่าแขนขาอ่อนแรง และตรวจเอ็มอาร์ไอเพิ่ม พบว่าไม่มีกระดูกคอหักหรือเคลื่อน ตรวจโดยเจาะน้ำไขสันหลัง สรุปวินิจฉัยเป็น “โรคไขสันหลังอักเสบ” จนเกิดข้อถกเถียงในสังคม ว่าเกิดจากการนวด หรือเสียชีวิตจากโรคอื่นกันแน่
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนมาทำความรู้จักกับโรคไขกระดูกสันหลังเฉียบพลัน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้แก่ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนไปถึงผู้สูงอายุ และเป็นโรคที่อันตรายอาจถึงตายได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นวดจัดกระดูก ควรทำหรือไม่? ใครเหมาะ ปลอดภัยหรืออันตราย
แพทย์ชี้ 'นวดบิดคอ' กระดูกมีโอกาสเคลื่อน กดทับเส้น เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
‘โรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน’ เกิดจากอะไร?
โรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน คือ ภาวะที่มีการอักเสบของประสาทไขสันหลัง/ไขสันหลังอย่างเฉียบพลัน มีการทำลายเซลล์ประสาทในไขสันหลังทั้งหมด ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง (Transverse หรือ Complete cord) ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทของไขสันหลัง ซึ่งจะกล่าวถึงอาการเหล่านั้น ในหัวข้อ อาการ
ทั้งนี้ ประสาทไขสันหลัง หรือ ไขสันหลัง คืออวัยวะส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system: CNS) โดยมีหน้าที่สำคัญ คือ การรับและส่งสัญญาณประสาทจากสมองไปสู่เส้นประสาทและกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ เพื่อให้เกิดการทำงานของกล้ามเนื้อ/ของอวัยวะต่างๆ รวมทั้งการรับสัญญาณประสาทจากเส้นประสาทกลับสู่สมอง ซึ่งรวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติด้วย โดยไขสันหลังนั้นอยู่ต่อเนื่องมาจากบริเวณก้านสมอง และต่อลงมาในช่องกระดูกสันหลังระดับคอ จนถึงระดับเอวที่ 1-2 โดยมีรากประสาทและเส้นประสาทออกจากไขสันหลัง เพื่อนำและรับสัญญาณประสาท
ลักษณะอาการสำคัญของการมีรอยโรคในประสาทไขสันหลัง คือ อาการแขน ขาอ่อนแรงทั้งสองข้างร่วมกับอาการชาเป็นระดับลงมา ตั้งแต่ตำแหน่งของรอยโรคลงมา มีปัญหาของกล้ามเนื้อหูรูดของอวัยวะต่างๆ (เช่น กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก) และระบบประสาทอัตโนมัติเสียร่วมด้วย
ความชุกของโรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน
โรคดังกล่าวพบได้ไม่บ่อย ไม่มีการศึกษาความชุกที่ชัดเจนในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะโรคนี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS/Multiple sclerosis) หรือ โรค NMO/Neuromyelitis optica (โรคจากมีการอักเสบของไขสันหลังร่วมกับของประสาทตา โดยมีสาเหตุจากโรคออโตอิมมูน)
จากการทบทวนความชุกของโรคนี้จากบางการศึกษาในสหรัฐอเมริกา พบว่าความชุกประ มาณ 10 รายต่อประชากร 100,000 คน
โรคประสาทไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน พบบ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก ผู้หญิงพบมาก กว่าผู้ชายประมาณ 3 เท่า พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีปัญหาประสาทตาอักเสบ (Optic neuritis), ในผู้ ป่วยโรคเอส แอล อี, และในประชาชนที่อยู่ในซีกโลกตะวันตกและอากาศหนาว เช่น กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
สาเหตุของโรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน
ภาวะ/โรคประสาทไขสันหลัง/ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากความผิดปกติทางภูมิ คุ้มกันต้านทานโรค ที่มีการตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้มีการทำลายเซลล์ประสาทในไขสันหลัง โดยเกิดการอักเสบบริเวณไขสันหลังระดับอกส่วนล่างเป็นส่วนใหญ่ (ระดับอกที่ 8-10) หรือบางราย มีการทำลายเซลล์ของไขสันหลังหมดทุกระดับ (Transverse and com plete cord syndrome) และก่อให้เกิดอาการผิดปกติข้างต้น
สาเหตุที่พบบ่อยของภาวะ/โรคประสาทไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน คือ
- การติดเชื้อไวรัส
- โรคติดเชื้อมัยโคพลาสมา
- โรคทางภูมิคุ้มกันต้านทานโรคผิดปกติ เช่น โรคเอส แอล อี
- การได้รับวัคซีน เช่น วัคซีนโรคหัด โรคคางทูม (แต่สาเหตุนี้พบได้น้อยมากๆ)
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis: MS)
- โรคนิวโรมัยอิไลติส ออพติกา (Neuromyelitis optica: NMO)
เช็กอาการผิดปกติโรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน
อาการผิดปกติที่พบบ่อยของภาวะ/โรคประสาทไขสันหลัง/ไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน คือ
- ขาสองข้างอ่อนแรง
- ชาขาสองข้างตั้งแต่ระดับรอยโรคในไขสันหลังลงมา เช่น รอยโรคระดับไขสันหลังระดับอกที่ 10 ผู้ป่วยก็จะมีอาการชาตั้งแต่ระดับสะดือลงมา เป็นต้น
- อาการปวด และความผิดปกติด้านความรู้สึกต่างๆ เช่น ร้อน-เย็น เจ็บปวด ที่จะไว/มีอาการมากกว่าปกติ ในตำแหน่งระดับเดียวกับที่เกิดอาการอ่อนแรง
- ปัสสาวะลำบาก อุจจาระลำบาก
- ความรู้สึกและความต้องการทางเพศลดลง
ควรพบแพทย์เมื่อใด?
ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเริ่มมีอาการอ่อนแรงของขาสองข้าง หรือมีความรู้สึกที่ผิดปกติที่ขาสองข้าง เช่น ชา ปวด หรือปัสสาวะลำบาก
ถ้ามาพบแพทย์เมื่อมีอาการปัสสาวะลำบาก ถือว่าช้าเกินไป ดังนั้นไม่ควรรอสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อ่อนแรง ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ เพราะถ้ามาช้าเกินไป โอกาสการตอบสนองต่อการรักษาก็ยากขึ้น
ภาวะไขกระดูกสันหลังติดเชื้อว่าเชื้อแบคทีเรีย
ศ.นพ.ประกิต เทียนบุญ ผู้อำนวยการศูนย์รักษา Failed Back (Revision Spine Center) ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะกระดูกสันหลังติดเชื้อว่าเชื้อแบคทีเรีย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทางคือ
1. เชื้อเข้า สู่กระดูกสันหลังโดยตรงเช่นถูกแทง
2. ลุกลามจากการติดเชื้อบริเวณใกล้กับกระดูกสันหลัง
3. เชื้อที่มาตามกระแสเลือดโดย เฉพาะเมื่อคนเรามีภูมิต้านของร่างกายอ่อนแอลง
การติดเชื้อที่กระดูกสันหลังนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ แบบฉับพลัน ซึ่งมักจะเป็นเชื้อประเภทแบคทีเรีย ทำให้เกิดการ อักเสบรุนแรง ไข้สูง เจ็บปวดมาก หลังแข็งเกรงและมีหนองเกิดขึ้น บางคนปวดมากจนไม่สามารถขยับตัวหรือลุกขึ้นเดินได้ อาจจะไม่พบอาการบวมแดงเหมือนการติดเชื้อที่อื่น
ส่วนการติดเชื้อกลุ่มที่สอง จะเป็นแบบติดเชื้อชนิดไม่รุนแรง มักจะเกิดจากเชื้อวัณโรค เป็นส่วนใหญ่ อาการจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกคนไข้หรือแพทย์อาจจะไม่รู้ว่าอาการปวดหลังนั้นเกิดจากการ ติดเชื้อ นึกว่าเป็นการปวดหลังธรรมดาทั่วไป เพราะบางคนไม่มีไข้ร่วมด้วยเลยและแม้จะมีไข้ก็ไม่สูง บางคนอาจจะมีไข้ต่ำๆ หลายๆวัน เพราะฉะนั้นจึงมักจะรู้เมื่อเชื้อโรคได้ลุกลามค่อนข้างมากแล้ว บางคนถึงขั้นหนองแตกออกจากกระดูกสันหลังมาที่ผิวหนังแล้วหรือ อาจจะพบความพิการเช่นหลังโก่ง
ทั้งนี้ ภาวะติดเชื้อในกระดูกสันหลัง(ไม่นับรวมการติดเชื้อที่ประสาทไขสันหลังโดยตรง)มักเกิดได้ใน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ บริเวณหมอนรองกระดูก ตัวกระดูกสันหลัง และภายในช่องโพรงกระดูกซึ่งเป็นที่อยู่ของประสาทไขสันหลังและเส้นประสาท การติดเชื้อที่ช่องโพรงกระดูกมีความรุนแรงมากที่สุด อาจเป็นอันตรายมากจนถึงกับเป็นอัมพาตได้ภายหลัง 48-72 ชั่วโมง ถ้ารักษา ช้าอาจไม่หายขาด เกิดเป็นอัมพาตขึ้น บางรายอาจเสียชีวิตได้ และต้องใช้ระยะเวลาในการรักษารวมทั้งการฟื้นตัวเป็นเวลายาวนาน
ยังโชคดีที่การติดเชื้อที่ตัวกระดูกสันหลัง ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกการติดเชื้อไม่รุนแรงจากเชื้อวัณโรค ผู้ป่วยจะมีหลังค่อมและคดงอ ในระยะการติดเชื้อท้ายๆของโรคถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาแต่เนิ่นๆ ขณะที่การติดเชื้อที่หมอนรองกระดูกสันหลัง มักจะเป็น การติดเชื้อที่รุนแรง มีอาการเจ็บปวดที่ทรมานอย่างมากๆ แผ่นหลังแข็งเกร็ง แอ่น มีไข้สูง ผู้ป่วยมักพบแพทย์เร็วทำให้วินิจฉัยโรคได้ เร็ว
ก่อนที่จะทำการรักษาภาวะติดเชื้อกระดูกสันหลังนั้น ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องรู้ให้ได้คือวินิจฉัยอาการ ที่คนไข้แสดงออกก่อนว่าเป็นการติดเชื้อและอยู่ในขั้นไหน จากนั้นแพทย์จะเจาะเลือด เพื่อดูปริมาณเม็ดเลือดขาว หาค่าการติดเชื้อ ด้วย CRP หาค่าการอักเสบด้วย ESR และแพทย์จะใช้การเอ็กเรยซ์ธรรมดาร่วมกับการทำ CT SCAN การทำ MRI เพื่อบอก ถึงการติดเชื้อและความรุนแรง ส่วนการทำ bone scan จะสามารถวิเคราะห์โรคติดเชื้อได้เร็วมากภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิดการติดเชื้อ
นอกจากนี้ยังต้องหาวิธีการที่จะให้ได้ตัวเชื้อโรคนั้นๆมาให้ได้พร้อมการวิเคราะห์ sensivity test ซึ่งจะเป็นการดีที่สุดเพราะเชื้อโรคเหล่านี้นั้น จำ เป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมเป็นตัวฆ่าเชื้อโดยตรงเท่านั้น เราสามารถตรวจหาเชื้อโรคโดย การเพาะเชื้อจากหนองหรือเนื้อเยื่อโดยตรง หรือการเพาะเชื้อจากกระแสเลือด(hemoculture)
สำหรับแนวทางการรักษาภาวะติดเชื้อกระดูกสันหลัง ขึ้นอยู่กับอาการความรุนแรงของโรคและชนิดของเชื้อโรค แต่จะต้องใช้ยาปฎิชีวนะ เป็นตัวหลักในการรักษาเสมอ มีดผ่าตัดไม่สามารถฆ่าตัวเชื้อโรคได้ การผ่าตัดจะเลือกผู้ป่วยเป็นรายๆไป ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัด ทุกรายเสมอไป
หลักการผ่าตัดของโรคไขกระดูกสันหลังอักเสบเฉียบพลัน
1.ต้องการทราบตัวเชื้อโรคและผล sensitivity test ต่อยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
2.แก้อาการทางระบบ ประสาท
3.แก้ไขความพิการและเชื่อมกระดูกที่ถูกทำลายให้แข็งแรงสมบูรณ์
“เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อในกระดูกสันหลัง ให้สังเกตตัวเองว่า หากปวดหลังบ่อยๆ และมีไข้เป็นๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ ตรงนี้ต้อง ระวังการติดเชื้อชนิดไม่รุนแรง โดยเฉพาะการติดเชื้อวัณโรค ซึ่งปัจจุบันยังพบได้บ่อยในบ้านเรา เพราะเป็นเชื้อที่มีโอกาสเข้าสู่ร่างกายได้ ง่ายทางการหายใจ โดยเฉพาะในยามที่ร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
อ้างอิง :โรงพยาบาลสมิติเวช ,haamor