'Acai' กินแล้วไม่อ้วน Superfood ดีต่อสุขภาพ

กระแสการดูแลสุขภาพของผู้คนได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ทำให้หลายๆ คนได้ค้นพบสารอาหารดี ๆ จากธรรมชาติมากมาย รวมถึง 'อาซาอิเบอร์รี่' ผลไม้ต้านอนุมูลอิสระขั้นสูงที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายติดอันดับต้น ๆ ในบรรดาพืชผลไม้ทุกพันธุ์ทั่วโลก จนถูกขนานนามว่าเป็น Superfood

มีความเชื่อว่าผล Acai อาจช่วยลดน้ำหนักและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย จนหลายคนยกย่องให้เป็นสุดยอดผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ หลายคนจึงได้เห็นเมนู Acai Bowl หรือถ้วยน้ำผลไม้ปั่นสีม่วงที่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม โรยด้วยกราโนล่า เมล็ดเจีย อัลมอนด์ และผลไม้ต่าง ๆ ตามสื่ออินสตาแกรมและเฟซบุ๊กกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเมนูดังกล่าวกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพขณะนี้ แต่ผลไม้ชนิดนี้จะมีสรรพคุณตามคำกล่าวอ้างหรือไม่นั้น ศึกษาได้จากข้อมูลต่อไปนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

บอกลาหน้าท้อง! ร่างเพรียวด้วย 'เครื่องดื่มลดพุง' สลายไขมันหน้าท้อง

อันตรายใกล้ตัว! ของใช้ในห้องน้ำ ที่ไม่ควรใช้ซ้ำ เชื้อโรคเพียบ

เหตุใดAcai เป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ 

Acai (อาซาอิ) หรือ Acai Berry เป็นผลไม้ที่ขึ้นในป่าดิบชื้นของประเทศแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มีเนื้อในสีเหลือง หุ้มด้วยเปลือกสีม่วงเข้ม ผลมีลักษณะกลมขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร เนื่องด้วย Acai อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย จึงเป็นที่มาให้หมู่คนรักสุขภาพนิยมรับประทานผลไม้ชนิดนี้

โดย Acai มีปริมาณวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งความเสียหายของเซลล์สูงกว่าบลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และผลไม้ชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดโอเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่พบในน้ำมันมะกอกที่เชื่อกันว่าดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน

ฉะนั้น เมื่อกล่าวถึงคุณค่าทางอาหารก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำ แต่ให้วิตามินสูง ประกอบด้วยคารโบไฮเดรตเป็นหลัก อีกทั้งยังมีโปรตีน และไขมัน นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยใยอาหาร กรดโอเลอิก สารกลุ่มแอนโทไซยานิน รวมทั้งสารฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ด้วย

ทั้งนี้ มีการวิจัยพบว่า การบริโภคอาซาอิป่นกับน้ำเบอร์รี มีผลเพิ่มระดับสารต้านออกซิเดชันในซีรัม ปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ลดการเกิดอนุมูลอิสระ

Acai กับช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ ?

ถึงจะยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันคุณสมบัติ ในด้านนี้ได้อย่างชัดเจน แม้จะมีไฟเบอร์สูงจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายดูดซึมและสลายสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่งานวิจัยหลายชิ้นกลับพบว่าการบริโภคอาซาอิ ไม่ได้ช่วยให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ยังมี งานวิจัย ที่บ่งชี้ว่าอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ภาวะความดันเลือดสูง และโรคเบาหวานในผู้ที่มีภาวะอ้วน

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ Acai ซึ่งวางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปนั้น มักมีการอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ โดยในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันคุณสมบัติของ Acai ในด้านนี้ได้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าการบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายดูดซึมและสลายสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่งานวิจัยหลายชิ้นกลับพบว่าการบริโภค Acai ไม่ได้ช่วยให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่า การรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ Acai อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ภาวะความดันเลือดสูง และโรคเบาหวานในผู้ที่มีภาวะอ้วน

ประโยชน์ของ Acai ดีต่อสุขภาพ

ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภค Acai และการลดน้ำหนักจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผลไม้จากป่าดิบชื้นชนิดนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ 

• ต้านอนุมูลอิสระ

อายุเราเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ยิ่งต้องการตัวช่วยมาป้องกันสารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น เพราะสารอนุมูลอิสระเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดความแก่ ทั้งระบบการทำงานในร่างกายที่อาจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิมไปจนถึงผิวภายนอกที่เริ่มแสดงให้เห็นถึงริ้วรอยและความหมองคล้ำ เมื่อเราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากจาก การทานอาซาอิเบอร์รี่ ผิวก็จะสวย เนียน ใส เด้ง ห่างไกลริ้วรอยไปได้อีกนาน

นอกจากนี้สำหรับใครที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของมะเร็ง และสมอง(เนื่องมาจากความเครียดจนเกิดปฏิกิริยาทางชีวภาพและการอักเสบ) ประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ (Acai berry) จึงสามารถยับยั้งส่วนการทำงานที่ไม่ดีของร่างกายและส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ระบบความจำและการประมวลผล ฯลฯ ได้อีกด้วย

• ปรับระดับคอเลสเตอรอล

เคยมีการศึกษาวิจัยจริงจังในช่วงปี 2554 กับ กลุ่มผู้คนที่มีน้ำหนักเกินประมาณ 10 คน ทานอาซาอิเบอร์รี่ วันละ 2 ครั้งเป็นเวลากว่า 1 เดือน ผลปรากฏว่า โดยเฉลี่ยกลุ่มผู้เข้ารับการทดลองมีค่า LDL ลดลง แสดงว่า ประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ (Acai berry) อีกข้อคือ สามารถช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลให้ลดลงอยู่ในระดับที่สมดุลได้ เมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ภาวะความดันเลือดสูง และโรคเบาหวาน

• เป็นหนึ่งในผลไม้ที่สามารถทานช่วงลดน้ำหนักได้

หลายคนอาจจะคิดในใจว่า ปกติลดน้ำหนักก็ควรกินผลไม้อยู่แล้วไหม? คำตอบคือ ไม่จริง เนื่องจากผลไม้ส่วนใหญ่มีน้ำตาลสูง แต่อาซาอิเบอร์รี่ขนาด 100 กรัมนั้นมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 4 กรัม และน้ำตาลเพียง 2 กรัมเท่านั้น หากควบคุมปริมาณในการทานร่างกายของคุณก็จะได้รับคุณประโยชน์จากสารอาหารกลุ่มผักผลไม้ได้เต็มที่ โดยที่ไม่ต้องตัดกลุ่มผลไม้ออก แถมอย่างที่เราได้บอกไปในประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ (Acai berry) ข้อที่แล้วคือ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ด้วย!

• ส่งเสริมระบบการทำงานของเลือด หัวใจ และสมอง

ประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ (Acai berry) ช่วยป้องกันสมองถูกทำลายเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นได้ รวมถึงกระตุ้นการตอบสนองในส่วนของการทำความสะอาดเซลล์ที่เป็นพิษหรือไม่ทำงานอีกต่อไป ซึ่งเรียกว่า Autophagy ช่วยเพิ่มการสื่อสารระหว่างเซลล์ภายในร่างกาย ทั้งระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ และระบบทำงานของสมอง

• ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต่อเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ และเรื่องของผิวพรรณความผ่องใส

บอกเลยว่า สาวๆที่อยากมีผิวขาวใส ต้อไม่พลาดด เนื่องจากในอาซาอิมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ปริมาณมาก และเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ดีเยี่ยมไม่เป็นอันตรายต่อผิวของเราในระยะยาวเหมือนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้สารเคมี สารสกัดเบอร์รี่นี้จะช่วยให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่ง ช่วยลดเลือนริ้วรอย

อย่างไรก็ตาม การทดลองดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาขนาดเล็กและค้นคว้าในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของ Acai ที่มีต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

รับประทาน Acai อย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

การรับประทาน Acai ในรูปแบบของอาหารในชีวิตประจำวันนั้นมักไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัยของการบริโภค Acai ในรูปแบบของอาหารเสริม ดังนั้น ผู้ที่ต้องการใช้ผลไม้ชนิดนี้เพื่อรักษาหรือป้องกันโรคต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพราะ Acai อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ หรืออาจทำปฏิกิริยากับยาชนิดอื่นและอาจมีผลให้ความดันเลือดสูง เกิดแผลในกระเพาะอาหารและเลือดออกในทางเดินอาหารได้

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรจำกัดปริมาณการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต แล้วเน้นบริโภคโปรตีน ผัก และไขมันชนิดที่ดีให้มากขึ้น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เป็นต้น รวมทั้งควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนน้อย อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ อาจปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อช่วยวางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวด้วย

อ้างอิง:pobpad ,คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล