ระวัง! 'รองซ้ำ เอ็นร้อยหวายเสื่อม' จากรองเท้าแฟชั่นคู่โปรด

รองเท้าแฟชั่นสวยๆ ถือเป็นของคู่กายที่สาวๆ ทุกคนขาดไม่ได้ชนิดที่ว่ายิ่งมีมากคู่หลาย ก็ยิ่งทำให้แต่ละวันทำงาน เรียน ทำกิจวัตรต่างๆ ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
KEY
POINTS
- โรครองช้ำ และเอ็นร้อยหวายเสื่อม แม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็เป็นโรคที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน จนทำให้ไม่สามารถใ
รองเท้าแฟชั่นสวยๆ ถือเป็นของคู่กายที่สาวๆ ทุกคนขาดไม่ได้ชนิดที่ว่ายิ่งมีมากคู่หลาย ก็ยิ่งทำให้แต่ละวันทำงาน เรียน ทำกิจวัตรต่างๆ ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ทราบหรือไม่ว่า การสวมใส่รองเท้าแฟชั่นที่นิยม แม้จะสวยทว่าสวมใส่ไม่ถูกสุขลักษณะของเท้าแล้ว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สาวๆ ป่วยเป็น โรครองช้ำ และโรคเอ็นร้อยหวายเสื่อมได้ง่ายมากขึ้น
“รองช้ำ” ถือเป็นหนึ่งในโรคที่เชื่อเหลือเกินว่าหลาย ๆ คนคุ้นชื่อ แต่ก็เชื่ออีกเช่นกันว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเจ้าโรครองช้ำที่ว่านี้คือโรคอะไรกันแน่ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเป็นโรคนี้อยู่ แล้วปล่อยให้ส้นเท้าของตัวเองนั้นมีอาการเรื้อรัง จนสุดท้ายก็กลายเป็นรบกวนความสุขในการใช้ชีวิต
โรครองซ้ำ และ โรคเอ็นร้อยหวายเสื่อม ทั้ง 2 โรคนี้ มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก โดยจะทำให้แต่ละก้าวที่เดินนั้นรู้สึกเจ็บปวด จนใช้ชีวิตได้อย่างไม่ราบรื่น และบางรายกว่าจะหายก็อาจใช้เวลานานเป็นปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เกิดจากการใช้งานเท้าอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้น การเลือกรองเท้าที่ถูกสุขลักษณะ และรู้จักวิธีดูแลเท้าของตัวเองให้ดี จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สาวๆ ทุกคนไม่ควรละเลยมองข้าม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
รองเท้าแฟชั่น ส่งผลเกิดโรครองช้ำและเอ็นร้อยหวายเสื่อม
นพ.ชาคร ริมชลา แพทย์ด้านศัลยศาสตร์กระดูกและข้อการผ่าตัดเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวว่าโรครองช้ำและโรคเอ็นร้อยหวายเสื่อม เป็นโรคที่พบได้บ่อย เพราะชีวิตคนเราใช้งานเท้าอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดความเสื่อมและความไม่ยืดหยุ่นขึ้นได้ อันนำมาซึ่งอาการตึง อักเสบ และเจ็บปวดในที่สุด
ทั้งนี้ รองเท้าที่เราใส่เพื่อปกป้องเท้า และเพื่อเสริมบุคลิกภาพนั้น มีส่วนในการบีบรัดเท้าให้ผิดรูป หรือทำให้อยู่ในลักษณะที่ไม่สบายได้ไม่มากก็น้อย จึงเป็นเหตุให้หากเลือกใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม แล้วใส่เป็นประจำนานๆ ก็จะส่งผลให้มีโอกาสเกิดโรครองช้ำ และโรคเอ็นร้อยหวายเสื่อมได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ที่นิยมใส่รองเท้าแฟชั่นหลากหลายรูปแบบมากกว่าผู้ชาย
เหตุผล?รองเท้าแฟชั่น อันตรายต่อเท้าและคุณภาพชีวิต
สำหรับเหตุผลที่ทำให้รองเท้าแฟชั่นผู้หญิงส่งผลต่ออันตรายเท้าและคุณภาพชีวิตของผู้สวมใส่ มีดังต่อไปนี้
รองเท้าส้นสูง ที่ใส่แล้วเสริมบุคลิกภาพที่ดี
ในความเป็นจริงนั้นมีส่วนในการทำให้กระดูกสันหลังบริเวณระดับเอว “แอ่นมากเกินไป” ซึ่งเมื่อใส่เป็นเวลานาน ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลัง
การใส่ส้นสูง จะส่งผลทำให้เอ็นร้อยหวายไม่ต้องยืดมากตลอดเวลา
เพราะส้นเท้ากับเข่าจะใกล้กันมากขึ้น ซึ่งเมื่อถอดส้นสูงออกแล้วลงเดิน ก็จะทำให้เกิดความตึงมากกว่าปกติ และเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรครองช้ำและเอ็นร้อยหวายเสื่อมได้
เมื่อใส่รองเท้าส้นสูง หรือของรองเท้าแฟชั่นที่มีลักษณะเรียวไปที่ปลายเท้าเป็นเวลานานๆ จะทำให้เท้าเราผิดรูปได้
รองเท้าแฟชั่นผู้หญิงสวยๆ ส่วนใหญ่จะบีบหน้าเท้าเราทั้งหมด ทำให้นิ้วเอียงผิดรูป และเมื่อใส่เป็นประจำ เท้าก็จะค่อยๆ ผิดรูปไปเรื่อยๆ จนเป็นหนึ่งในปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรครองช้ำและเอ็นร้อยหวายเสื่อมได้
รองเท้าแฟชั่นผู้หญิงส่วนใหญ่ มีพื้นรองเท้าที่บางเกินไป ไม่เหมาะสม
โดยปกติรองเท้าที่ดี พื้นรองเท้าจะประกอบไปด้วย 3 ชั้น คือ ชั้นที่สัมผัสกับฝ่าเท้า ชั้นนอกสุดที่สัมผัสกับพื้น และชั้นกลางซึ่งเป็นตัวช่วยรับแรงและกระจายน้ำหนักเวลา เดิน วิ่ง กระโดด ซึ่งรองเท้าแฟชั่นผู้หญิงโดยมากไม่ถูกสุขลักษณะดังกล่าว จึงทำให้เมื่อก้าว เดิน วิ่ง กระโดด ทำกิจกรรม จะมีแรงสะท้อนกลับขึ้นมาที่เท้ามากเกินไป ทำให้ กระดูก เอ็น ข้อ และกล้ามเนื้อเท้า ทำงานหนัก รับแรงสะท้อนจากพื้นตลอดเวลา และเกิดความเสื่อมเร็วขึ้นมากขึ้นในที่สุด
พื้นรองเท้าด้านใน
ในความเป็นจริงควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปเท้าของแต่ละคน ซึ่งบางคนเท้ามีลักษณะแบน บางคนมีลักษณะเท้าโก่งสูง หรือบางคนเป็นแบบอุ้งเท้าปกติ แต่รองเท้าแฟชั่นส่วนมากไม่ได้ออกแบบมาให้เลือกเหมาะกับเท้าแต่ละแบบได้ จึงทำให้เมื่อใส่รองเท้าที่พื้นรองเท้าด้านในไม่สอดรับกับรูปเท้า ก็จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้าไปอีก
นพ.กรกช ธรรมผ่องศรี ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าและข้อเท้า โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ ข้อดีมีสุข กล่าวว่า "โรครองช้ำ" ในทางการแพทย์จะเรียกกันอีกชื่อว่า “โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ” หรือ “พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ” เป็นโรคที่ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บส้นเท้าบริเวณฝั่งที่เหยียบลงไปบนพื้น ซึ่งหากปล่อยให้เรื้อรังจะรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน คือ ไม่สามารถเดิน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เหมือนปกติ
ทั้งนี้ สาเหตุของโรครองช้ำนั้น เกิดจากเส้นเอ็นพังผืดฝ่าเท้ามีการอักเสบ ซึ่งโดยปกติแล้ว ที่ฝ่าเท้าของเราทุกคนจะมีพังผืดฝ่าเท้าอยู่ และเมื่อพังผืดเส้นนี้เกิดอาการตึงจากการใช้งานโดยที่เราไม่ได้ทำการยืดเหยียดให้ดี ก็จะทำให้เกิดการอักเสบที่จุดเกาะพังผืดบริเวณส้นเท้า และเกิดเป็นอาการเจ็บในที่สุด
3 ปัจจัยที่กระตุ้นให้เสี่ยงโรครองช้ำง่ายขึ้น
รองช้ำ คือ โรคที่ทุกคนสามารถเป็นได้ในทุก ๆ ช่วงอายุ ซึ่งสาเหตุปัจจัยที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรครองช้ำ ได้แก่
1. เส้นเอ็นร้อยหวายหรือพังผืดฝ่าเท้าตึงเกินไป ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งอาจเกิดได้จากการไม่ค่อยได้ยืดคลายเส้นเอ็น ใช้งานอย่างเดียว เช่น ยืนนาน ๆ เดินนาน ๆ แล้วไม่เคยยืดเส้นเอ็นเลย น่องก็จะตึง พังผืดฝ่าเท้าก็จะตึง และทำให้เป็นโรครองช้ำในที่สุด
2. เส้นเอ็นเริ่มเสื่อม จากอายุที่มากขึ้น ยิ่งหากเป็นคนที่มีน้ำหนักมาก ประกอบอาชีพที่ต้องยืน เดินทั้งวัน ก็จะยิ่งเสี่ยงเป็นรองช้ำได้ง่ายกว่าคนปกติ ซึ่งเส้นเอ็นที่เริ่มเสื่อมนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับเส้นเชือกที่ใช้งานมานาน มีอาการบวม อักเสบ จึงทำให้เจ็บบริเวณบริเวณส้นเท้า
3. สวมใส่รองเท้าที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แล้วใช้งานเท้าหนักเกินไป เช่น ใส่รองเท้าพื้นแข็ง แล้วยืนนาน ๆ ยืนตลอดทั้งวัน ทำงานที่ต้องเดินทั้งวัน ก็จะทำให้เป็นรองช้ำได้
สังเกตอาการอย่างไร เมื่อสงสัยว่าเป็นโรครองช้ำ
สังเกต อาการโรครองช้ำ ที่เป็นสัญญาณเอกลักษณ์สำคัญที่สุด คือ First Step Pain หรือ Morning Pain ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการตื่นเช้ามาแล้ว ก้าวแรกที่ลุกจากเตียงลงเดินจะรู้สึกเจ็บ เพราะตอนกลางคืนที่นอนหลับ เอ็นจะไม่ได้ใช้งาน เอ็นจึงเคยชินอยู่ในท่าที่หย่อน แต่เมื่อตื่นลุกขึ้นก้าวลงเดินจากเตียง เอ็นจะถูกดึงให้ยืดกลับมาเพื่อใช้งาน จึงทำให้เกิดอาการเจ็บแปลบขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินต่อเนื่องไปสักประมาณ 5-10 นาที เอ็นก็จะเริ่มกลับมายืดหยุ่นเป็นปกติ ทำให้อาการเจ็บน้อยลง ทั้งนี้ อาการ Morning Pain อาจไม่ได้จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นแค่เฉพาะการเดินหลังจากที่ตื่นนอนตอนเช้าเท่านั้น แต่จะเกิดได้จากการเดินหลังจากที่เรานั่งนาน ๆ โดยที่ไม่ได้ใช้งานเท้า แล้วกลับมาเดินจึงค่อยเจ็บก็ได้ เช่น ขับรถนาน ๆ นั่งดูทีวีนาน ๆ แล้วก้าวแรกที่ลงจากรถ หรือลุกเดินจากที่นั่งดูทีวี ก็จะรู้สึกเจ็บ เป็นต้น
ซึ่งด้วยความที่โรครองช้ำในช่วงแรก ๆ นั้นเหมือนจะเป็น ๆ หาย ๆ อาการยังเป็นไม่มาก จึงทำให้หลายคนอาจเพิกเฉย แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน ตัวโรคก็จะทวีความรุนแรงขึ้นได้ โดยจะทำให้เราเจ็บมากขึ้น เดินไม่ได้นานเหมือนปกติ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
เลือกรองเท้าให้ห่างไกลโรครองช้ำและเอ็นร้อยหวายเสื่อม
แนวทางสำหรับการเลือกรองเท้า ให้ปลอดภัยจากโรครองช้ำ และเอ็นร้อยหวายเสื่อมมากที่สุด เบื้องต้นแนะนำว่าควรใส่รองเท้าแฟชั่นให้น้อยที่สุด เพราะเป็นสาเหตุของปัญหาปวดเท้า เท้าผิดรูป สำหรับรองเท้าส้นสูงก็ควรใส่เท่าที่จำเป็น ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องใช้ “การบริหารเท้า” เข้าช่วยแทน เพื่อให้กล้ามเนื้อน่อง ยืดหยุ่น และลดความเสี่ยงในการเกิดโรครองช้ำ และเอ็นร้อยหวายเสื่อมให้น้อยลง อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำในการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม เพื่อห่างไกลจากโรครองช้ำและเอ็นร้อยหวายเสื่อมนั้น มีดังต่อไปนี้
ควรเลือกรองเท้าที่ใหญ่กว่าขนาดเท้าอย่างน้อยครึ่งเบอร์
เพราะระหว่างวันเมื่อเท้าใช้งานอย่างต่อเนื่อง ขนาดเท้าของเราจะใหญ่ขึ้นได้กว่าเดิม ทำให้หากเลือกใส่รองเท้าที่พอดีเกินไป ก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการคับ รองเท้ากัด ใส่ไม่สบายได้
เวลาลองรองเท้า ควรลองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างน้อย 10-15 นาที และพยายามใส่เดิน วิ่ง กระโดด หรือทำกิจกรรมเสมือนการใช้งานจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการสะท้อนภาพความเป็นจริงในการใช้งาน ว่ารองเท้านั้นเหมาะกับเรามากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ การลองใส่แต่เพียงรู้สึกว่าพอดี ทำให้หลายครั้งเมื่อซื้อรองเท้ามาแล้วใส่ใช้จริง จะรู้สึกไม่สบาย คับ แน่น รองเท้ากัด ใส่ไม่ได้ จนทำให้เสียรองเท้าไปฟรีๆ ได้ หรือหากฝืนใส่ไป ก็เป็นการทำร้ายเท้า และกลายเป็นปัจจัยเสริมที่เพิ่มโอกาสในการเป็นโรครองช้ำ และเอ็นร้อยหวายเสื่อมได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม โรครองช้ำ และเอ็นร้อยหวายเสื่อม แม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็เป็นโรคที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน จนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ดังนั้น การใส่ใจในการเลือกรองเท้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ถึงแม้สำหรับคุณผู้หญิงอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในการใส่รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าแฟชั่นได้มากนัก ก็จำเป็นต้องรู้จักดูแลเท้าตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงป่วยจนคุณภาพชีวิตต้องถูกทำลายภายหลัง ทั้งนี้ หากพบอาการปวดเท้า เจ็บฝ่าเท้า ปวดข้อเท้า เป็นประจำ ต่อเนื่อง ไม่หาย รู้สึกเจ็บปวดเวลาก้าวเดิน ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และทำการรักษาเท้าของเราให้หายดี เพื่อจะได้กลับมามีชีวิตที่เคลื่อนไหว เดินเหิน ทำกิจกรรมได้อย่างสะดวกสบาย มีความสุขในทุกๆ ย่างก้าว
อ้างอิง:โรงพยาบาลพญาไท 3 , โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ ข้อดีมีสุข