คนรุ่นใหม่ฮิตวิ่งมาราธอน เพราะรองเท้าวิ่งเริ่ด แถมได้อวดสุขภาพ
การวิ่งมาราธอนในทุกวันนี้ไม่ได้ส่งเสริมแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่สำหรับคนรุ่นใหม่บางส่วนแล้วยังเป็นการอวดโฉมรองเท้าวิ่งสุดล้ำและสถิติการวิ่งของตัวเองในโลกออนไลน์อีกด้วย ทำให้การวิ่งมาราธอนที่กระแสเงียบไปช่วงหนึ่งกลับมาบูมอีกครั้ง
แม้ว่าการ “วิ่งมาราธอน” จะเริ่มเป็นรู้จักมากขึ้นในโอลิมปิกปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ซึ่งในขณะนั้นมีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร หลังจากนั้นกระแสการวิ่งเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 กระแสความนิยมดังกล่าวได้ทำให้ผู้คนรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “จ็อกกิง” จากนั้นในปี 1994 โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ร่วมวิ่งมาราธอนของนาวิกโยธิน ทำให้ผู้หญิงหลายล้านคนแห่เข้าร่วมวิ่งฮาล์ฟมาราธอนและการแข่งขันอื่นๆ แม้ว่าหลังจากนั้นกระแสการวิ่งมาราธอนจะไม่ได้หายไปไหน แต่ความนิยมก็เริ่มลดลง
จนกระทั่งในปี 2024 กระแสความนิยมดังกล่าวก็กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการแข่งขันมาราธอนที่ปารีสในเดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมา สร้างสถิติสูงสุดตลอดกาลด้วยจำนวนผู้เข้าเส้นชัย 54,175 คน และสถิตินี้ก็ถูกทำลายถึงสองครั้งด้วยกัน ครั้งแรกคือในเดือนกันยายน โดยเบอร์ลิน (54,280 คน) และในเดือนพฤศจิกายนโดยนิวยอร์ก (55,646 คน) และยังมีผู้คนอีกหลายแสนคนที่เข้าร่วมการแข่งขันเหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณว่ากระแสการวิ่งมาราธอนกำลังกลับมา
การวิ่งระยะทาง 42.195 กิโลเมตร ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะนักวิ่งที่ผอมเพรียวอีกต่อไป แต่ดึงดูดนักวิ่งทุกรูปแบบและทุกความเร็ว โดยเฉพาะนักวิ่งอายุน้อย แม้ว่าจำนวนนักวิ่งมาราธอนที่เข้าเส้นชัยในปี 2019 ยังต่ำกว่าครึ่งล้านคน แต่ก็มีกลุ่มคนใหม่ๆ เข้ามาร่วมวิ่งในระยะทางนี้ด้วย
จากข้อมูลของ Running USA ซึ่งเป็นองค์กรติดตามอุตสาหกรรมชั้นนำ พบว่าสัดส่วนของนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยในช่วงอายุ 20 - 24 ปี เพิ่มขึ้นจากประมาณ 5% เป็น 8% ตั้งแต่ปี 2021
เอเวอรี แคทซ์ วัย 27 ปี จากเมืองปาล์มโคสต์ รัฐฟลอริดา เป็นตัวอย่างของการวิ่งระยะไกลในวัย 20 ต้นๆ ที่เริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปี 2024 เพื่อสุขภาพ การควบคุมน้ำหนัก และวิ่งมาราธอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่เมืองแจ็กสันวิลล์ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ผู้คนสนุกสนานกับกิจกรรมนี้เท่านั้น แต่ยังมีนักวิ่งหลายคนที่คอยให้กำลังใจกันในกลุ่มบนเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียอื่นๆ ด้วย
การที่คน Gen Z ให้ความสำคัญกับการวิ่งระยะไกลนั้นแตกต่างจากคน Gen Y มากพอสมควร โดยเฉพาะสาวๆ Gen Z ดูเหมือนจะชื่นชอบการวิ่งมาราธอน และนำไปแชร์กันบน Strava ซึ่งเป็นโซเชียลที่นักวิ่งและนักกีฬาคนอื่นๆ ใช้ติดตามการออกกำลังกายของตัวเองและยังสามารถดูสถิติของเพื่อนๆ หรือคนที่เราติดตามอยู่ได้ด้วย
สำหรับนักวิ่งมาราธอน Gen Z ในปี 2024 เป็นผู้หญิง 20% แซงหน้าผู้ชายรุ่นเดียวกัน ที่คิดเป็น 15%
นอกจากนี้สโมสรวิ่งทั่วประเทศยังดึงดูดให้ผู้คนสมัครวิ่งมาราธอนผ่านโซเชียลมีเดียด้วย โดยนักวิ่งขาประจำประมาณ 25% บน Strava เป็นสมาชิกของสโมสรต่างๆ ถือว่าเพิ่มขึ้นจาก 19% ตั้งแต่ปี 2019 ตามข้อมูลของบริษัท
ไม่ใช่แค่เรื่องของ “โซเชียลมีเดีย” แต่การปรับปรุงดีไซน์ “รองเท้าวิ่ง” ยังถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่และผู้ที่วิ่งระยะทางไกล โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยในการซัพพอร์ตการวิ่งทำให้บริษัทผลิตรองเท้าสามารถสร้างสรรค์รองเท้ารุ่นที่มีพื้นรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดีโดยไม่ต้องเพิ่มน้ำหนัก แบรนด์ต่างๆ เช่น Hoka และ On ก็ใช้ประโยชน์จากการเติบโตของรองเท้าพื้นหนาแบบมาร์ชเมลโลว์
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทที่พัฒนารองเท้าที่มีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์แบบสปริงฝังอยู่ในพื้นรองเท้าเพื่อช่วยให้ผู้วิ่ง วิ่งได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่ต้องเสียพลังงานมากขึ้น
โดยตัวอย่างแบรนด์รองเท้าวิ่งที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ไนกี้, โฮก้า, ออน, นิวบาลานซ์ และ อาดิดาส เป็นต้น
และในการแข่งขันบางรายการพบว่ามีอินฟลูเอนเซอร์ด้านการวิ่งชื่อดังบนโซเชียลมีเดียเข้าร่วมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการโฆษณาที่ได้ผลเป็นอย่างดี ในขณะที่รายการอื่นๆ พยายามขุดค้นข้อมูลการแข่งขันของตนเองเพื่อทำการตลาดให้กับงานของตัวเองได้ดีขึ้น
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้จัดงาน Grandma's Marathon รัฐมินนิโซตา พบว่างานนี้ไม่ได้ดึงดูดผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหรือละแวกใกล้เคียงเท่านั้น แต่ผู้เข้าร่วมงาน 55-70% เป็นผู้เข้าร่วมงานเป็นครั้งแรกจากที่อื่น
ดังนั้นในปี 2022 ผู้จัดงานจึงได้ทำการขยายการตลาดออกไปให้กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้โฆษณาบน เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม เพื่อขยายไปยังสถานที่จัดงาน เช่น บอสตัน แฟล็กสตาฟ รัฐแอริโซนา โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด และซานฟรานซิสโก
ทั้งนี้การแข่งขันที่จะจัดขึ้นริมฝั่งทะเลสาบสุพีเรียในเดือนมิถุนายน 2025 นี้ ก็ขายบัตรหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน ถือว่าเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
อ้างอิงข้อมูล : The Wall Street Journal
