เทรนด์ดูแลสุขภาพองค์รวมโตแรง อายุ 16-30 ปี เน้นตรวจสุขภาพ

เทรนด์ดูแลสุขภาพองค์รวมโตแรง อายุ 16-30 ปี เน้นตรวจสุขภาพ

แนวโน้มธุรกิจสุขภาพ Preventive Healthcare มีการเติบโตเป็นเทรนด์ของทั่วโลก รพ.พระรามเก้า'ชูWellness Center ตอบโจทย์ GenZ ดูแลสุขภาพองค์รวม

KEY

POINTS

  • โรงพยาบาลพระรามเก้า มองเห็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพระดมทุนเพื่อสร้างตึกใหม

ปัจจุบันแนวโน้มธุรกิจสุขภาพ Preventive Health การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมีการเติบโตเป็นเทรนด์ของทั่วโลก  โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z  หรือกลุ่มคนอายุ 16-45 ปี ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพ ดูแลผิวพรรณ ปรึกษาปัญหาการนอน และรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

“นพ.วิทยา วันเพ็ญ” รองกรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้สัมภาษณ์“กรุงเทพธุรกิจ” ว่า โรงพยาบาลพระรามเก้า มองเห็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพมาแรงมากตั้งแต่ปี 2016 จึงระดมทุนเพื่อสร้างตึกใหม่และเปิดใช้เมื่อปี 2020 เรียกว่าอาคาร B มาจากคำว่า Better Quality of Life  เน้นให้บริการคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช็คอัพร่างกาย ออกกําลังกาย ปรึกษาเรื่องโภชนาการ มาปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการนอน ทําหน้าเสริมความงาม ทําเลสิก ฉีดโบท็อกซ์ทําเลสิก รองรับคนไข้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ดูแลสุขภาพ  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

W9 เปิดบริการตรวจจุลินทรีย์ในช่องปาก ค้นหาความไม่สมดุลในร่างกาย

‘9CARE’ รพ.พระรามเก้า เสมือนยกรพ.รพ.ไว้ที่บ้าน

กลุ่มอายุ 16-30 ปีเติบโตสูงสุด

สำหรับอาคาร Better Quality of Life  เอาไว้รองรับไว้กลุ่ม GenY GenZ ที่ให้ความสนใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ปัจจุบันมีแนวโน้มเข้ามาเช็กอัปดูแลสุขภาพตัวเอง เข้ามาดื่มวิตามินดูแลพรรณ รวมกระทั่งปรึกษาเรื่องปัญหาการนอน เพราะเชื่อว่าการนอนดีจะป้องกันโรคได้ ทําให้กลุ่มเวลเนสเติบโตไปด้วย 

โดยชั้น 11 เป็นสถาบันรักษาความเจ็บปวดและสร้างเสริมความเข้มแข็ง (Fix & FIT) สำหรับดูแลสุขภาพเชิงรุก มียิมที่เป็นเมดิคอลเกรด มีเทรนเนอร์ดูแลสุขภาพเน้นกล้ามเนื้อหลักให้แข็งแรง ดูแลการออกกําลังกาย เน้นสร้างกล้ามเนื้อไว้รองรับเมื่อยามเข้าสู่วัยที่กล้ามเนื้อเสื่อม

ผู้ที่มาใช้บริการของรพ.พระรามเก้า ที่มีการเติบโตสูงสุด คือ กลุ่ม 16-30 ปี กลุ่มนี้เริ่มสนใจมาตรวจสุขภาพ ตรวจฮอร์โมน ความสูง กระตุ้นพัฒนาการ ซึ่งพบว่ามีกลุ่มที่เป็นโรคสาวก่อนวัย แพทย์จะฉีดฮอร์โมนที่ช่วยหยุดการเจริญเติบโตไว้เพื่อให้กระดูกขยาย ทำให้ความสูงเพิ่มขึ้นจนกว่ากระดูกปิด รวมทั้งพัฒนาการช้า สมาธิสั้น พบจิตแพทย์ปรับพฤติกรรมบางคนต้องทานยาด้วย

เทรนด์ดูแลสุขภาพองค์รวมโตแรง อายุ 16-30 ปี เน้นตรวจสุขภาพ

“Digital Transformation”ดูแลสุขภาพสะดวกรวดเร็ว

ส่วนกลุ่มอายุ 20 กว่าปีเรียกเฟิร์สจ๊อบเบอร์ กลุ่มนี้จะเป็นแบบเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ไม่อยากทํางานหนักเกินไป เช็กอัปสุขภาพตรวจทุกปีพอไปทำงานมีความเครียด มาปรึกษาจิตแพทย์ตั้งแต่ปัญหากับหัวหน้างาน ช่องว่างระหว่างวัย นอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์พอไป ทํางาน แล้วไปกระตุ้นให้ยิ่งเครียด ทําให้มีอาการซึมเศร้าตามมาได้ 

“จริงๆแล้วการออกกำลังกาย ต้องเริ่มตั้งแต่อายุ30-40 ขึ้นไปเพราะอายุ 50 ปีขึ้นไปกล้ามเนื้อจะเริ่มลดสัดส่วนโดยธรรมชาติ  แต่ถ้าออก กําลังกายอย่างต่อเนื่อง สร้างกล้ามเนื้อไว้ ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะจะทําให้กล้ามเนื้อไม่เสื่อม  โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้ อย่างเช่น กล้ามเนื้อคอ บ่าไหล่ กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อต้นขา และการออกกำลังกายเป็นคาร์ดิโอ เปรียบเหมือนการล้างท่อทําให้หลอดเลือดไม่อุดตัน  ควรออกกําลังกายให้ได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขั้นต่ำครั้งละประมาณ 30 นาทีขึ้นไป และคาร์ดิโอทําให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นให้ การหายใจเร็วขึ้นแล้วให้มีเหงื่อออก เป็นการซ้อมร่างกายทั้งเส้นเลือดทั้งหัวใจ ทั้งสมองมีความสดชื่นอยู่ตลอด"

“นพ.วิทยา" กล่าวว่าเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี โรงพยาบาลพระรามเก้า ได้นำ Telemedicine การให้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การใช้แอปพลิเคชันบนมือถือในการติดตามสุขภาพและรับคำแนะนำจากแพทย์ การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ผลการตรวจเลือดและผลการตรวจเอกซเรย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค วางแผนการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น ใช้ AI ในการตอบคำถามและให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยผ่านช่องทางออนไลน์ และการบริหารจัดการคิวและนัดหมายแพทย์

ผู้ที่มาใช้บริการมีทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยต่างชาติ มีประมาณ 20 % ส่วนใหญ่จะมารักษาโรคยากและซับซ้อน เช่นโรคไต โรคหัวใจ โรคสมอง โรคมะเร็ง แผลเบาหวาน กลุ่มนี้จะเป็นเบบี้บูมเมอร์อายุ 60 ขึ้นไป 

โดยปี 2024 ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 17 % โดยมีเป้าเพิ่มเป็น 20 -25%

  • ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV 
  • กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจีน 
  • กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มอาหรับ 

โดยปี  2023 เริ่มรับคนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้น ปี 2024 คนไข้กลุ่มอาหรับโตเป็นพันเปอร์เซ็นต์เลย  ผู้ที่มาใช้บริการจะจ่ายเงินเองประมาณกว่า 60% และจ่ายด้วยประกันประมาณ 20 -27% ที่เหลือเป็นองค์กรส่วนลูกค้าที่เป็นต่างชาติจ่ายเองกับอยู่ในความดูแลของสถานทูต

ผลการดำเนินงานปี 2018 รายได้ 2,727 ล้านบาท เติบโต 5.8 % ปี 2019 รายได้ 2,876 ล้านบาท เติบโต 9.9% ปี 2020รายได้ 2,633 ล้านบาท เติบโต 7.7%  ปี 2021รายได้ 3,026 ล้านบาท เติบโต 8.2% ปี 2022 รายได้ 4,151ล้านบาท เติบโต 16.5% ปี 2023 รายได้ 4,253ล้านบาท เติบโต 13.1% ปี2024 รายได้ 4,691ล้านบาท เติบโต 14.8% โดยรายได้ทั้งหมดเติบโต10.3 %อัตรากำไรสุทธิคิดเป็น 27.8 %โดย CAGR 5 ปีอยู่ที่ 12 %