Timeline ดูหนังมาร์เวลเรื่องไหนก่อน-หลัง ถึงจะรู้เรื่อง
“Doctor Strange In the Multiverse of Madness” หรือหนัง #หมอแปลก 2 ทำให้คนกลับมาสนใจหนังมาร์เวล และอยากทำความเข้าใจกับจักรวาลมาร์เวลอันซับซ้อนกันอีกครั้ง แต่หนังมีถึง 28 เรื่อง ต้องดูเรื่องไหนก่อนหลังถึงจะไม่งง เราเรียงลำดับ Timeline มาให้แล้ว
จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2008 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งในปี 2022 นี้ได้ดำเนินมาถึงเฟส 4 มีภาพยนตร์ออกมาให้ดูกันทั้งสิ้น 28 เรื่องแล้ว รวมถึงเรื่องล่าสุด Doctor Strange In the Multiverse of Madness ที่ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นถึงความเชื่อมโยงกันของเนื้อหาในหนังหลายเรื่อง และความเกี่ยวพันกันของซูเปอร์ฮีโร่หลายตัวในจักรวาล
เชื่อแน่ว่าใครที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ระดับฮาร์คอร์ต้องมีงุนงงกันบ้างว่า ถ้าจะทำความเข้าใจจักรวาลมาร์เวลอันสลับซับซ้อน ต้องเริ่มดูภาพยนตร์เรื่องไหนแล้วต่อด้วยเรื่องไหน
แน่นอนว่าคุณจะดูตามลำดับหนังที่ปล่อยออกมาก็ได้ ซึ่งเริ่มจาก Iron Man (2008), Thor (2011), The Avengers (2012) เรื่อยมาจนถึง Doctor Strange 2 (2022) ที่กำลังเข้าโรงฉายอยู่ในปัจจุบัน
แต่คุณจะดูหนังมาร์เวลโดยเรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้อีกเช่นกัน เพราะหนังบางเรื่องออกฉายทีหลัง แต่เหตุการณ์ในเรื่องกลับเกิดก่อน
วันนี้เราจะมาเรียง Timeline ของหนังมาร์เวล ตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกัน
Timeline ตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจักรวาลมาร์เวล
1. ‘Captain America: The First Avenger’ (2011)
เรื่องราวของ สตีฟ โรเจอร์ส (คริส อีแวนส์) ทหารร่างกายอ่อนแอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ยุค 40) ซึ่งเข้าร่วมโครงการสร้าง “ซูเปอร์โซลเจอร์” ของรัฐบาล และได้กลายมาเป็น “กัปตันอเมริกา” ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นผู้นำของเหล่าอเวนเจอร์
คุณจะได้เห็นการทำงานของ SSR ที่กลายมาเป็นหน่วยชีลด์ (S.H.I.E.L.D.) ในภายหลัง ช่วง “เอนด์เครดิต” เป็นการปรากฎตัวของ “นิค ฟิวรี” เพื่อปูทางไปสู่การก่อตั้งกลุ่มอเวนเจอร์สขึ้นภายหลัง
2. ‘Captain Marvel’ (2019)
เป็นหนังลำดับที่ 21 ของมาร์เวล ออกฉายเมื่อปี 2019 นี่เอง แต่เนื้อหากลับย้อนไปในยุคแรกๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้งหน่วยชีลด์
เราจะได้เห็น “นิค ฟิวรี” ในยุค 90 ตอนที่ยังหนุ่ม เป็นเพียงเจ้าหน้าที่หน่วย S.H.I.E.L.D. ธรรมดาๆ และยังมีดวงตาครบทั้งสองข้าง ตลอดจนความเป็นมาของ แครอล แดนเวอร์ส (บรี ลาร์สัน) ก่อนที่ค้นพบตัวตน กลายมาเป็น “กัปตันมาร์เวล” ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีพลังสุดยอดในจักรวาลมาร์เวล
ดู Captain Marvel แล้วจะทำให้เข้าใจว่า การปรากฎตัวของแครอล หรือ กัปตันมาร์เวลในหนัง Infinity War และ Endgame นั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน
3. ‘Iron Man’ (2008)
หนังมาร์เวลเรื่องแรกที่ออกฉายในปี 2008 แต่ถ้าเรียงตามลำดับเหตุการณ์แล้วจะเป็นเรื่องที่ 3 ใน Timeline
เรื่องราวของ “โทนี สตาร์ก” (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) มหาเศรษฐีพันล้าน นักประดิษฐ์อัจฉริยะและเจ้าของธุรกิจค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล กับการเดินทางไปสู่การเป็น “ไอรอน แมน” ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นเสาหลักของจักรวาลมาร์เวล
หลังจากถูกกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถานจับตัวไป เขาใช้ความเชี่ยวชาญที่มีสร้างชุดเกราะจากวัสดุที่พอจะหาได้หลบหนีออกมา ก่อนจะพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นชุดเกราะ ไอรอน แมน ในที่สุด
4. ‘Iron Man 2’ (2010)
“โทนี สตาร์ก” พบบททดสอบในการเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้โลก และจุดบกพร่องของชุดเกราะ “ไอรอน แมน” ที่ได้ “นิค ฟิวรี” ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้บัญชาการหน่วยชีลด์แล้ว เข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับขอให้เขาเป็นที่ปรึกษาโครงการอเวนเจอร์ส
การเปิดตัวสปายสาว นาตาชา โรมานอฟ หรือ “แบล็ค วิโดว์” (สการ์เลตต์ โจแฮนสัน)
เอนด์เครดิต - มีค้อนวิเศษโผล่มาให้เห็นเพื่อปูทางไปสู่การมาถึงของ “ธอร์”
5. ‘The Incredible Hulk’ (2008)
การถือกำเนิดของยอดมนุษย์ตัวเขียว “ฮัลค์” นำแสดงโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ซึ่งรับบทนี้เพียงภาคเดียวก่อนจะได้ “มาร์ค รัฟฟาโล” มาเล่นแทนในภาคต่อๆ ไป
หนังเรื่องนี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับจักรวาลมาร์เวลเฉพาะในช่วงเอนด์เครดิตซึ่งเราได้เห็น โทนี่ สตาร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้หน่วยชีลด์ และกัปตันอเมริกานอนแช่อยู่ในน้ำแข็ง
6. ‘Thor’ (2011)
เทพเจ้าสายฟ้า “ธอร์” (คริส เฮมสเวิร์ธ) ปรากฎตัวใน MCU เป็นครั้งแรกหลังถูกเทพบิดา “โอดิน” ขับออกจากแอสการ์ดมายังโลกมนุษย์ในสภาพไร้พลังอำนาจของเทพเจ้า เพื่อเรียนรู้การเป็นเทพเจ้าที่ดี
ธอร์ ขยายขอบเขตของคนดูด้วยการพาไปทำความรู้จักกับจักรวาลมาร์เวลในส่วนที่นอกเหนือไปจากโลกมนุษย์ ทำให้เราคุ้นเคยกับ “แอสการ์ด” รู้จักกับ “โลกิ” และตัวละครอีกหลายตัวในดินแดนแห่งเทพ ขณะที่ “ฮอว์กอาย” (เจเรมี่ เรนเนอร์) และเจ้าหน้าที่ ฟิล โคลสัน (คลาร์ก เกร็ก) ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวภายในหน่วย S.H.I.E.L.D. บนพื้นโลก ควบคู่กันไปด้วย
7. ‘The Avengers’ (2012)
ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นภาคแรกของหนัง “อเวนเจอร์ส” แต่เนื้อหากลับต่อเนื่องจาก Thor ภาคแรก ทำให้ต้องดูเรื่องนี้ก่อนจะไปดู Thor 2 ถึงจะไม่งง (ดู Thor, The Avergers, Thor 2)
“โลกิ” ที่สู้แพ้ “ธอร์” ในภาคแรก ได้คฑา Mind Stone มาไว้ในครอบครอง จึงใช้มันเปิดประตูมิติ พาเผ่าพันธุ์ต่างดาว Chitauri มาบุกโลกเพื่อแก้แค้นพี่ชาย “นิค ฟิวรี” จึงต้องรวมพลเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มาปกป้องโลกภายใต้ชื่อกลุ่ม “อเวนเจอร์ส” ที่ประกอบด้วย กัปตันอเมริกา, ไอรอน แมน, ธอร์, แบล็ค วิโดว์, ฮอว์กอาย และฮัลค์ (มาร์ค รัฟฟาโล)
“เทสเซอร์แรคต์” (Tesseract) หรือ สเปซสโตน 1 ใน 6 อินฟินิตี้ สโตน ที่ถูกพาดพิงถึงในหนังหลายเรื่อง เข้ามีบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้
เอนด์เครดิต - มี “ธานอส” โผล่มาให้เห็น
8. ‘Thor: The Dark World’ (2013)
เนื้อเรื่องต่อเนื่องจาก The Avengers หลังเสร็จศึก Chitauri ที่นิวยอร์ก โลกกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ยังมีเผ่าพันธุ์โบราณ “ดาร์ค เอลฟ์” รอเวลากลับมาสร้างหายนะให้โลกอีกครั้ง โดยใช้ อีเธอร์ (Ether) หรือ Reality Stone นำความมืดมาสู่จักรวาล แต่ต้องรอให้เกิดปรากฎการณ์โลกทั้ง 9 เรียงตัวกัน ซึ่งหลายพันปีจะเกิดขึ้น
อีเธอร์พุ่งเข้าไปอยู่ในตัว เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ทแมน) คนรักของธอร์ ทำให้ มาเลคิธ (Malekith) แม่ทัพดาร์ค เอลฟ์ ตื่นขึ้น และยกพลมาบุกแอสการ์ดจนทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าซึ่งจะทำให้เราได้เห็นความสัมพันธ์อันซับซ้อนของสองพี่น้อง “ธอร์” และ “โลกิ”
เอนด์เครดิต – คนดูได้รู้ว่า “อินฟินิตี้ สโตน” มีอยู่ทั้งหมด 6 ก้อน เมื่อ “อีเธอร์” ถูกนำไปฝากไว้กับ The Collector ผู้อาวุโสแห่งจักรวาล ที่พูดออกมาว่า "มาแล้ว 1 เหลืออีก 5"
9. ‘Guardians of the Galaxy’ (2014)
มีคำอธิบายเรื่อง “อินฟินิตี้ สโตน” ว่าทำไม ธานอส ถึงอยากได้นักหนา และการเปิดตัวแก๊งท่องอวกาศสุดป่วนที่ จอมโจรอวกาศ ต้นไม้ ยักษ์ แรคคูนพูดมาก และผู้หญิงตัวเขียว มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“สตาร์ลอร์ด” (คริส แพรตต์) จอมโจรชื่อดัง ขโมย “ดิ ออร์บ” หนีมาโดยไม่รู้ว่าข้างในมี Power Stone อันทรงพลังอยู่ ธานอสส่งลูกเลี้ยง “กาโมร่า” (โซ ซัลดานา) มาขโมยอัญมณีชิ้นนี้ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา
สตาร์ลอร์ด กับ “เดอะ แก๊ง” สุดเกรียน แดร็กซ์, กรู๊ท, ร็อคเก็ต แรคคูน, กาโมร่า ที่ตอนแรกตีกันแทบเป็นแทบตาย หันมาร่วมมือกันจนค้นพบความจริงเกี่ยวกับ Power Stone และธานอส
10. ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ (2017)
เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังภาคแรก 2 เดือน เหล่าการ์เดี้ยนทั้ง 5 กลายมาเป็นทีมเดียวกันอย่างแท้จริง มีการไขปริศนาชาติกำเนิดของ สตาร์ลอร์ด ว่าเป็นลูกของ “อีโก้” ซึ่งเป็นการปูพื้นเรื่อง “เซเลสเชียล” (Celestial) สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังราวเทพเจ้า สามารถสร้างและทำลายสิ่งมีชีวิตในจักรวาลลงได้ และจะเข้ามามีบทบาทอีกครั้งในเรื่อง Eternals (2021)
11. ‘Iron Man 3’ (2013)
หลังจากไปท่องอวกาศกันมาหลายเรื่อง มาร์เวลก็พาเรากลับมายังพื้นโลก หลังจบศึกกับมนุษย์ต่างดาวใน The Avengers
“โทนี่ สตาร์ก” เกิดความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอที่จะปกป้องโลก และคนที่รัก เลยหมกมุ่นกับการสร้างชุดเกราะใหม่ๆ ที่เจ๋งกว่าเดิมออกมา แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ความสัมพันธ์กับคนรักมีปัญหา สุดท้ายเขาก็ค้นพบว่าการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ “ไอรอน แมน” นั้นไม่จำเป็นต้องมีชุดเกราะก็ได้
12. ‘Captain America: The Winter Soldier’ (2014)
การหักเหลี่ยมเฉือนคมภายในหน่วยชีลด์ ทำให้ฮีโร่ที่ใสซื่อ ไม่ทันโลกเพราะถูกแช่แข็งมานานนับศตวรรษอย่าง “กัปตันอเมริกา” เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม และแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นแกนนำของกลุ่ม “อเวนเจอร์ส” ออกมาให้เห็นมากขึ้น
เอนด์เครดิต – เปิดตัว วันด้า หรือ สการ์เลต วิทช์ (เอลิซาเบธ โอลเซน) กับ ควิกซิลเวอร์ (แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) สองฝาแฝดจากประเทศโซโคเวียที่จะมีบทบาทสำคัญในภายหลัง
13. ‘Avengers: Age of Ultron’ (2015)
ปัญญาประดิษฐ์ “อัลตรอน” (Ultron) ที่ “โทนี่ สตาร์ก” สร้างขึ้นมารักษาสันติภาพของโลก เกิดวิวัฒนาการผิดพลาด กลายเป็นหุ่นที่พยายามจะทำลายล้างมนุษยชาติแทน เหล่าอเวนเจอร์สเลยต้องมารวมทีมกันปกป้องโลกอีกครั้ง
นอกจากจะสู้กับ “อัลตรอน” แล้ว พวกเขายังต้องสู้กับซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงพลังมหาศาลอย่างฝาแฝด “สการ์เลต วิทช์” และ “ควิกซิลเวอร์” ที่แค้น “โทนี่ สตาร์ก” เพราะพ่อกับแม่ต้องตายในตอนที่ประเทศโซโคเวีย บ้านเกิดของทั้งคู่ ถูกถล่มจนเละในการทำศึกระหว่างอัลตรอนกับอเวนเจอร์ส
เปิดตัว “วิชั่น” (พอล เบททานี) แอนดรอยด์ที่ได้มี Soul Stone ฝังไว้ที่หน้าผาก จึงมีพลังไร้เทียมทาน
สตาร์ก กับ กัปตัน มีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องการปกป้องโลก ซึ่งจะนำไปสู่การแบ่งฝ่ายต่อสู้กันเองระหว่างเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ใน Captain America: Civil War
14. ‘Ant-Man’ (2015)
ดร.แฮงค์ พิม (ไมเคิล ดักลาส) นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของจักรวาลมาร์เวล ค้นพบ “อนุภาคพีม” (Pym Particle) ที่สามารถเปลี่ยนขนาดโมเลกุลของสิ่งได้ตามต้องการ เขาประดิษฐ์ชุดแอนท์แมนที่ทำให้คนใส่สามารถย่อ/ขยายส่วนร่างกาย แล้วยังสามารถสื่อสารกับมดได้อีกด้วย
อดีตนักโทษ “สกอตต์ แลงก์” (พอล รัดด์) ขโมยชุดแอนท์แมนมาลองใส่ดู พอรู้ว่ามันทำให้ตัวเล็กจิ๋วลงได้ก็เลยกลัว เอาชุดไปคืนที่เดิม แต่กลับถูก “แฮงค์” เกลี้ยกล่อมให้ใส่ชุดนี้ต่อ แล้วเปลี่ยนตัวเองจากจอมโจรกลายเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกแทน
แฮงค์ เคยอยู่หน่วยชีลด์มาก่อนแต่ลาออกเพราะถูกเซ้าซี้จะเอาชุดแอนท์แมน และเทคโนโลยีอนุภาคพีมไปใช้ เขาฝึกฝนสกอตต์ให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ก่อนจะส่งไปบุกสำนักงานอเวนเจอร์สเพื่อขโมยของบางอย่าง ทำให้เกิดการต่อสู้กับฟอลคอนที่รับรู้ถึงความเก่งของแอนท์แมน แล้วชวนมาเข้ากลุ่มอเวนเจอร์สในภายหลัง
เอนด์เครดิต 1 – แฮงค์ พิม มอบชุด The Wasp ให้ โฮป ลูกสาวที่อาจจะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวต่อไปของจักรวาลมาร์เวล
เอนด์เครดิต 2 – กัปตันกับฟอลคอนพบเบาะแสของ “บัคกี้” ที่ถูกไฮดร้าล้างสมองให้เป็น “วินเทอร์โซลเจอร์” ซึ่งการหาทางช่วยเพื่อนรักของกัปตันนี่แหละที่เป็นชนวนเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาทะเลาะกับ โทนี่ สตาร์ก จนกลายมาเป็น Civil War ในหนังเรื่องต่อไป
15. ‘Captain America: Civil War’ (2016)
หนังเริ่มต้นเฟส 3 ของจักรวาลมาร์เวล
ต้นเหตุของ Civil War มาจากความไม่ลงรอยกันของกัปตันกับโทนี่เรื่องที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะออก “สนธิสัญญาโซโกเวีย” เพื่อควบคุมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่บางครั้งก็ปฏิบัติการเกินเลยจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น
เรื่องนี้ทำให้เกิดรอยร้าวภายในกลุ่มอเวนเจอร์ที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ ทีมไอรอน แมน กับทีมกัปตัน อเมริกา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่กัปตันปกป้องเพื่อนรัก “บัคกี้” ซึ่งถูกไฮดร้าล้างสมองให้กลายเป็น “วินเทอร์ โซลเยอร์” แล้วส่งตัวไปก่อเหตุรุนแรง ขณะที่โทนี่พยายามจะจับตัว "บัคกี้" มาลงโทษให้ได้ เลยทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น
เปิดตัว “แบล็ค แพนเธอร์” (แชดวิค โบสแมน) และสไปเดอร์แมน (ทอม ฮอลแลนด์) ที่จะมีหนังเดี่ยวของตัวเองออกมาภายหลัง
16. 'Black Widow' (2021)
หนังเพิ่งออกฉายเมื่อปี 2021 นี่เอง แต่เหตุการณ์ในหนังนั้นต่อเนื่องจาก ‘Captain America: Civil War’ ที่ “แบล็ควิโดว์” เลือกช่วยกัปตันอเมริกา ทำให้เธอกลายเป็นอาชญากรผู้ละเมิดสนธิสัญญาโซโคเวีย ถูกตามล่าจนต้องหลบหนีออกจากสหรัฐฯ
หนังพาเราไปรู้จักปูมหลังของ “นาตาชา โรมานอฟ” ที่ก่อนหน้านี้เรารู้กันแค่ว่าเธอเป็นสายลับมือพระกาฬจากรัสเซีย แต่จริงๆ แล้วพ่อแม่ของเธอถูกองค์กร “เรดรูม” ของโซเวียตฆ่าตายในยุคสงครามเย็น แล้วจับตัวเธอกับน้องสาว “เยเลนา” ไปเข้าโปรแกรมสร้างนักฆ่า “วิโดว์” เพื่อส่งไปแทรกซึมยังประเทศต่างๆ
นอกจากเป็นการปิดฉากตัวละคร “นาตาชา โรมานอฟ” อย่างเป็นทางการ (แฟนมาร์เวลน่าจะรู้บทสรุปของเธอจาก Endgame กันมาแล้ว) ยังเป็นการปูทางให้แบล็ควิโดว์คนใหม่ ซึ่งก็คือ “เยเลนา เบโลวา” (ฟลอเรนซ์ พิวจ์) ที่น่าจะมีบทบาทต่อไปในอนาคต
17. ‘Black Panther’ (2018)
ทีชัลลา (แชดวิค โบสแมน) ที่ไปเปิดตัวมาแล้วใน Civil War กลับมาสานต่อเรื่องราวของตัวเองที่กลายมาเป็นราชาผู้ปกครองประเทศวากันด้าในแอฟริกา ซึ่งครอบครองสุดยอดเทคโนโลยี แถมยังเป็นประเทศเดียวบนโลกที่มี “ไวเบรเนี่ยม” แร่ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล (ใช้ทำโล่กัปตันอเมริกา และชุดเกราะ แบล็ค แพนเธอร์)
ชูริ น้องสาวของทีชัลลา เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่ประดิษฐ์อุปกรณ์สุดล้ำต่างๆ แถมยังสามารถแก้ไข “บัคกี้” จากการถูกล้างสมองได้โดยไม่กระทบกระเทือนความทรงจำ มีข่าวลือว่าเธออาจได้เป็นตัวเอกใน “แบล็ค แพนเธอร์” ภาค 2 แทนพี่ชายก็เป็นได้
18. ‘Spider-Man: Homecoming’ (2017)
เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เดือนหลัง Civil War ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) เจอบททดสอบในการใช้ชีวิตเด็กนักเรียนมัธยมกับการเป็นฮีโร่ให้สมดุลย์ โดยมี โทนี่ สตาร์ก คอยให้คำแนะนำ และมี วัลเชอร์ (ไมเคิล คีตัน) เป็นศัตรูตัวฉกาจ
19. ‘Doctor Strange’ (2016)
นอกจากแนะนำว่า สตีเฟน สเตรนจ์ (เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์) ศัลยแพทย์มือดีผู้หยิ่งยโส กลายมาเป็น “ด็อกเตอร์ สเตรนจ์” จอมเวทย์สูงสุดผู้เชี่ยวชาญการใช้เวทมนต์ได้อย่างไรแล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้รู้ว่า “ดวงตาแห่งอากามอตโต” หรือ Eye of Agamotto เครื่องรางที่หมอแปลกสวมอยู่ แท้จริงแล้วคือ Time Stone อัญมณีที่สามารถควบคุมเวลาได้
เอนด์เครดิต – การมาเยือนของ ธอร์ ที่ปูทางไปสู่หนังเรื่องต่อไป Thor: Ragnarok
20. ‘Thor: Ragnarok’ (2017)
เนื้อเรื่องดำเนินต่อจาก Doctor Strange และ Avengers: Age of Ultron
เอนด์เครดิต - ปูทางไปสู่มหาสงครามใน Avengers: Infinity War
เทพบิดาหายตัวไป โลกิ เลยปลอมเป็น โอดิน ปกครองแอสการ์ด แต่ไร้ความสามารถจนทำให้ เฮล่า (เคท แบลนเชตต์) เทพีแห่งความตายผู้เป็นพี่สาว หลุดออกจากที่คุมขัง และคิดขึ้นครองบัลลังก์แอสการ์ด
ธอร์กับโลกิร่วมมือกันสู้กับ เฮล่า แต่แพ้ยับเยิน ค้อนโยลเนียร์ถูกทำลาย ขณะที่ธอร์ถูกอัดกระเด็นไปถึงดาวซาคาร์ ดาวป่าเถื่อนสุดขอบจักรวาลที่ปกครองโดย The GrandMaster ผู้ชั่วร้าย เขาถูกบังคับให้ต่อสู้กับนักรบที่ไม่เคยแพ้ใคร
ปรากฎว่าคนๆ นั้นคือ ฮัลค์ ที่หายหน้าหายตาไปนานนับตั้งแต่ The Avengers 2 ทั้งคู่ช่วยกันแหกคุกออกมาแล้วเดินทางกลับแอสการ์ดเพื่อหยุดยั้งมหาสงคราม Ragnarok ที่จะทำให้ดินแดนบ้านเกิดของธอร์ต้องจบสิ้นลง
"ธอร์" ค้นพบการใช้พลังโดยไม่จำเป็นต้องมีค้อน
เปิดตัว Valkyrie นักรบหญิงผู้แข็งแกร่งที่ทำให้ธอร์หลงเสน่ห์
21. ‘Ant-Man and the Wasp’ (2018)
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงก่อน Infinity War
สกอตต์, โฮป และแฮงก์ รวมตัวกันไปช่วย เจเน็ต แวน ไดน์ (มิเชล ไฟเฟอร์) ภรรยาของแฮงก์ แม่ของโฮป ออกจากมิติควอนตัม แต่โชคร้าย สกอตต์กลับไปติดอยู่ที่นั่นซะเองแล้วหาทางออกไม่ได้
ภาคต่อของ Ant-Man ทำให้คนดูได้รู้จักกับ “มิติควอนตัม” ที่ผู้อยู่ในนั้นสามารถเดินทางข้ามเวลาได้หลายพันปี แถมยังกระโดดไปโลกคู่ขนานได้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลต่อปฏิบัติการย้อนเวลาใน End Game รวมไปถึงปูพื้นให้คนดูเข้าใจโลกคู่ขนาน หรือ Multiverse ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักของหนังเฟส 4
22. ‘Avengers: Infinity War’ (2018)
หนังปิดฉากเฟส 3 ของจักรวาลมาร์เวล ที่ ธานอส (จอช โบรลิน) มาแบบเต็มตัวเสียทีกับการแย่งชิง “อินฟินิตี้ สโตน” ทั้ง 6 เม็ดกันอย่างโกลาหล
เนื้อหาของหนังต่อเนื่องจากตอนจบของ Thor Ragnarok ที่ยานของธอร์ซึ่งพาชาวแอสการ์ดลี้ภัยมาเจอเข้ากับยานของธานอสจึงถูกถล่มจนเละ ธานอสได้ทั้ง Space Stone และ Tesseract ไปครอง แล้วยังส่งลูกสมุนไปชิง Time Stone จากด็อกเตอร์ สเตรนจ์ มาได้อีกเม็ด
Mind Stone ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ วิชั่น และวันด้า ก็ถูกตามไปแย่งมาเช่นกัน แต่กัปตัน นาตาชา และฟอลคอน มาช่วยไว้ได้ทัน และพากันไปหลบภัยที่วากานด้า ระหว่างที่ ชูริ พยายามผ่าตัดเอา Mind Stone ออกจากหัวของ วิชัน เหล่าฮีโร่ที่เหลือ และนักรบวากานด้าก็ตั้งทัพประจันหน้ากับกองกำลังธานอสที่ยกทัพมาบุก
ธอร์ได้รับการช่วยเหลือจากแก๊ง Guardians of the Galaxy (ร็อคเก็ต, กรูท) พากันเดินทางไปยังดาวคนแคระเพื่อขอให้สร้างอาวุธให้ใหม่จนได้ Storm Breaker มา ขณะที่แก๊งการ์เดี้ยนที่เหลือเดินทางไปชิง Reality Stone จาก The Collector ที่โนแวร์ แต่ถูกธานอสแย่งไปได้ แถมยังจับตัวกาโมร่าไปบังคับขู่เข็ญจนรู้ที่ซ่อนของ Soul Stone
ไอรอนแมน, สไปเดอร์แมน, ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ไปเจอกับแก๊งการ์เดี้ยนที่ดาวไททัน จึงร่วมมือกันสู้กับธานอส ที่ได้ Time Stone ไปครองอีกเม็ด เพราะหมอแปลกมอบให้แลกกับการไว้ชีวิตไอรอนแมน
วัตถุประสงค์ของธานอสในการรวบรวม อินฟินิตี้ สโตน ทั้ง 6 เม็ด ได้รับการเปิดเผยแล้วว่าทำไปเพื่ออะไร
ธอร์วาร์ปกลับโลกมาช่วยพรรคพวกที่วากานด้า แต่ธานอสก็กลับมาเช่นกัน และสามารถแย่ง Mind Stone ไปครอง ทำให้ได้อัญมณีครบทุกเม็ด จึงใช้พลังของถุงมือดีดนิ้ว กำจัดสิ่งมีชีวิตไปครึ่งจักรวาล ก่อนจะกลับดาวไททั่นบ้านเกิด
เอนด์เครดิต – นิค ฟิวรี ส่งสัญญาณเตือนภัยออกไปได้สำเร็จก่อนจะสลายเป็นฝุ่น คาดว่าน่าจะส่งไปถึง “กัปตันมาร์เวล” ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล
23. ‘Avengers: Endgame’ (2019)
กัปตันมาร์เวลมาแล้ว และได้ร่วมขบวนกับเหล่าอเวนเจอร์ที่เหลือไปหาธานอสบนดาวไททันเพื่อพาทุกคนที่ถูกดีดนิ้วสลายไปกลับมา แต่ธานอสทำลายอัญมณีทั้งหมดทิ้งไปแล้วจึงหมดหนทาง
5 ปีต่อมา สกอตต์ แลงก์ (แอนท์แมน) หลุดออกมาจากมิติควอนตัมโดยบังเอิญ จึงไปบอกเหล่าอเวนเจอร์ที่เหลือถึงการเดินทางข้ามเวลาไปรวบรวม อินฟินิตี้ สโตน มาให้ได้ก่อนธานอสจะก่อเรื่อง แผนการนี้ลงเอยด้วยการเสียสละตัวเองที่สุดแสนสะเทือนใจ และนำไปสู่การปิดฉากกลุ่มอเวนเจอร์สชุดเดิมที่มีกัปตันอเมริกา และไอรอนแมนเป็นแกนนำ
หนังทำให้เราได้เห็นว่าซูเปอร์ฮีโร่ที่รอดชีวิตต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่คนรัก คนในครอบครัวต้องตายไปอย่างไร ขณะที่บางคนก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้
ท้ายเรื่องมีการยกขบวนเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มาสู้กับธานอสกันอีกรอบ ในแบบที่เรียกว่าขนกันมาแทบครบทุกตัว และคงยากที่ซูเปอร์ฮีโร่จะมารวมตัวกันได้มากแบบนี้
24. ‘Spider-Man: Far From Home’ (2019)
หนังเดี่ยวภาค 2 ของสไปเดอร์แมน เหตุการณ์เกิดขึ้นหลัง “Endgame”
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ที่ยังเจ็บปวดกับการจากไปของ โทนี่ สตาร์ก ผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อและอาจารย์ ขอวางมือจากการเป็นซูเปอร์ฮีโร่เพื่อไปใช้ชีวิตนักเรียนธรรมดา เขาไปทัศนศึกษาที่ยุโรปกับเพื่อนร่วมโรงเรียน และเอ็มเจ (เซนดายา) สาวที่เขาหลงรัก แต่ก็หนีไม่พ้น ต้องสู้กับสัตว์ประหลาดที่ถูกความผันผวนจากการดีดนิ้วของ ธานอส ดึงมาโผล่ในมิตินี้
ปิดท้ายด้วยการถูก มิสเทริโอ (เจค จิลเลนฮาล) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพ ป้ายสีว่าสไปเดอร์แมนเป็นคนร้ายไม่ใช่ฮีโร่ แถมยังถูกนักข่าวเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเขาคือไอ้แมงมุม
25. 'Spider-Man: No Way Home' (2021)
เป็นการเปิดประตูไปสู่ทิศทางใหม่ของหนังมาร์เวลเฟส 4 ซึ่งจะโฟกัสไปที่คอนเซปต์ “พหุจักรวาล” (Multiverse) โดยมี “ด็อกเตอร์ สเตรนจ์” เป็นแกนนำคนใหม่
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไปหาหมอแปลกให้ร่ายเวทย์ ทำให้คนบนโลกลืมว่าเขาคือสไปเดอร์แมน แต่กลับเกิดความผิดพลาดขึ้นจนทำให้พหุจักรวาลปั่นปวน มีตัวละครจากจักรวาลอื่นเข้ามาสร้างความวุ่นวายในจักรวาลหลักกันเยอะแยะมากมาย
เช่น ตัวร้ายจากหนังสไปเดอร์แมนภาคอื่นๆ อย่าง ด็อก อ็อค (อัลเฟรด โมลินา), กรีน ก็อบลิน (วิลเลียม เดโฟ), อิเล็กโตร (เจมี่ ฟ็อกซ์) รวมไปถึงตัวละครเซอร์ไพรส์ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ได้ลั่นโรง
เป็นหนังที่ปูพื้นเรื่อง Multiverse ให้คนดูเข้าใจว่าตัวละครสามารถโดดข้ามจักรวาลไปมาได้ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของหนังมาร์เวลให้กว้างออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ใน Multiverse
26. 'Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings' (2021)
เปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่เอเชียคนแรกของเอเชียที่ได้เป็นตัวเอก แถมยังมีหนังเดี่ยวเป็นของตัวเอง นั่นก็คือ “ชางชี” (ซิมู หลิว)
ต้องรอดูกันต่อไปว่า ชางชี, เคที่ (อควอฟินา), เซียหลิง ผู้เป็นน้องสาว จะมีบทบาทอย่างไรต่อไปในจักรวาลมาร์เวล รวมไปถึงวงแหวน “เท็นริงส์” ของวิเศษที่ชางชีได้รับตกทอดมาจากผู้เป็นพ่อ ว่าจะมีพลังอำนาจมากแค่ไหน
เอนด์เครดิต 1 – ชางชี, เคที่ ถูกหว่องเรียกตัวไปวิเคราะห์พลังของวงแหวน “เท็นริงส์” ร่วมกับกัปตันมาร์เวล และบรูซ แบนเนอร์ (ฮัลค์) โดยหว่องบอกว่ามันส่งสัญญาณไปทั่วมัลติเวิร์ส สามารถรับรู้ได้แม้แต่ในคามาร์ทาร์จ
เอนด์เครดิต 2 – เซียหลิง ขึ้นปกครององค์กร “เท็นริงส์” แทนพ่อ แถมยังพูดว่า “เท็นริงส์จะกลับมา”
27. 'Eternals' (2021)
เปิดเฟส 4 ของจักรวาลมาร์เวลด้วยการแนะนำซูเปอร์ฮีโร่เผ่าพันธุ์ใหม่ “อีเทอร์นัล” ซึ่งมีพลังราวเทพเจ้า
เหล่า "อีเทอร์นัล" ถูกส่งมาปกป้องมนุษย์โลกจากการรุกรานของ “ดีเวียนส์” ตั้งแต่เมื่อ 7 พันปีก่อน และคอยเฝ้าระวังอยู่ห่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้ โดยจะไม่เข้ามาแทรกแซงจนเกิดความเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (เช่น ตอนที่เกิดเรื่องธานอส)
คนดูจะได้รู้จักซูเปอร์ฮีโร่ใหม่แกะกล่อง 10 ตัว ได้แก่ เอแจ็ค (ซัลมา ฮาแย็ค) หัวหน้าทีมผู้มีพลังเทพผู้ปราดเปรื่อง, อิคาริส (ริชาร์ด แมดเดน) พลังเทพดวงตาเพลิง, เซอร์ซี (เจ็มมา ชาน) พลังเทพแปลงสสาร, ธีนา (แองเจลีนา โจลี) พลังเทพสงคราม, คิงโก (คุมาอิล นานเจียนี) พลังเทพมืออัคคี
ดรูอิก (แบร์รี โคแกน) พลังเทพควบคุมจิตใจ, ฟาสโทส (ไบรอัน ไทรี เฮนรี) พลังเทพแห่งปัญญา, สไปรท์ (ลีอา แมคฮิวจ์) พลังเทพสร้างภาพลวงตา, กิลกาเมช (มาดงซอก) พลังเทพแห่งพละกำลัง, มัคคารี (ลอเรน ริดลอฟฟ์) พลังเทพความเร็ว
นอกจากนี้ยังมี เดน วิตแมน ที่จะกลายมาเป็น “แบล็คไนท์” ซูเปอร์ฮีโร่ที่น่าจะได้รับบทเด่นในภายหลัง เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ให้ดาราเบอร์ใหญ่แบบ "คีธ แฮริงตัน" มารับบทนี้
มีคำอธิบายถึง เซเลสเชียล (Celestial) ที่เคยเกริ่นเอาไว้ใน Guardians of the Galaxy มากขึ้น รวมไปถึงจุดกำเนิดของจักรวาล
เอนด์เครดิต – เปิดตัว อีรอส (แฮรี สไตล์ส) น้องชายธานอส และเสียงปริศนาที่คาดว่าเป็น มาเฮอร์ชาลา อาลี หรือ เบลด (Blade) ซูเปอร์ฮีโรลูกครึ่งแวมไพร์
28. 'Doctor Strange in the Multiverse of Madness' (2022)
สานต่อคอนเซปต์เรื่องพหุจักรวาล (Multiverse) ว่าสามารถก่อให้เกิดความบ้าคลั่ง วุ่นวายได้มากขนาดไหน พร้อมเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ “อเมริกา ชาเวซ” (โซชิลต์ โกเมซ) ที่สามารถเปิดประตูข้ามมิติไปยังพหุจักรวาลต่างๆ ได้
หนังมีเรื่องราวต่อเนื่องมาจากซีรีส์ WandaVision ซึ่งขับเน้นให้เห็นว่า “สการ์เลตต์ วิทช์” หรือ วันด้า แม็กซิมอฟฟ์ มีพลังขั้นเทพแค่ไหน
เอนด์เครดิต – เปิดตัว “คลีอา” (ชาร์ลิซ เธอรอน) ที่มาตามหมอแปลกไปแก้ไขเรื่องวุ่นๆ ในจักรวาลอื่น