“Doctor Strange 2” ขึ้นแท่น หนังเปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดปี 65
“Doctor Strange 2” เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกในสหรัฐด้วยรายได้ 185 ล้านดอลลาร์ ครองบัลลังก์หนังทำรายได้เปิดตัวสูงสุดในปีนี้ ขณะรายได้รวมทั่วโลกเก็บได้ราว 450 ล้านดอลลาร์
วันที่ 9 พ.ค. บ็อกซ์ ออฟฟิศ (Box Office) ของสหรัฐ ได้รายงานรายได้ของภาพยนตร์ประจำสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 6-8 พ.ค.) โดย “Doctor Strange in the Multiverse of Madness” หรือ “หมอแปลก” ภาค 2 ทำรายได้เปิดตัว 3 วันแรกไป 185 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดของปีนี้ ล้มแชมป์เก่าอย่าง “The Batman” เวอร์ชัน “โรเบิร์ต แพตทินสัน” ที่ทำรายได้ไป 134 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ Doctor Strange 2 ยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอันดับ 2 รองจาก “Spider-Man: No Way Home” ภาพยนตร์จาก “จักรวาลมาร์เวล” (Marvel Cinematic Universe: MCU) เรื่องก่อนหน้า ที่กวาดรายได้เปิดตัวไปมากถึง 260 ล้านดอลลาร์
รายได้เฉพาะวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันแรกที่ภาพยนตร์เข้าฉายสามารถทำรายได้ไปถึง 90 ล้านดอลลาร์ โดยครองอันดับที่ 7 ของรายได้วันเปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ซึ่งมากกว่ารายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกของ “Doctor Strange” ภาคแรกที่ทำรายได้ในสหรัฐไปเพียง 85 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
Doctor Strange 2 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 4,534 แห่งทั่วสหรัฐ ได้เฉลี่ยต่อจออยู่ที่ประมาณ 40,802 ดอลลาร์ และรายได้ 33 ล้านดอลลาร์ มาจากการเข้าฉายในระบบ IMAX
ขณะที่รายได้นอกสหรัฐ (ไม่นับรวมจีนที่ยังไม่ได้กำหนดวันเข้าฉาย รัสเซียและยูเครนที่กำลังทำสงครามกัน) อยู่ที่ราว 265 ล้านดอลลาร์ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 450 ล้านดอลลาร์ จากการเข้าฉายเพียง 3 วันเท่านั้น
บ็อกซ์ ออฟฟิศ คาดการณ์ว่า Doctor Strange 2 จะยังคงสามารถเก็บรายได้ต่อไปได้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นเข้าฉาย จนกระทั่งวันที่ 27 พ.ค. ที่ “Top Gun: Maverick” ภาคต่อของภาพยนตร์ในตำนานจะเข้าฉาย ตามมาด้วย “Jurassic World Dominion” การปิดฉากไตรภาคของภาพยนตร์โลกไดโนเสาร์ ที่เข้าฉายวันที่ 10 มิ.ย. และ การกลับมาของเทพเจ้าสายฟ้า “Thor: Love and Thunder” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องต่อไปของจักรวาลมาร์เวล เข้าฉายวันที่ 8 ก.ค.
ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวล ทั้ง 27 เรื่อง สามารถทำเงินได้มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์ทั้งหมด มีเพียงภาพยนตร์แค่ 3 เรื่องเท่านั้นที่ทำรายได้ต่ำกว่าหลัก 400 ล้าน คือ "The Incredible Hulk" (2551) ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของจักรวาล ทำรายได้ต่ำสุดเพียง 264 ล้าน
ตามมาด้วย "Captain America: The First Avenger" (2554) การเปิดตัวของกัปตันอเมริกา และ "Black Widow" (2564) ที่ออกฉายในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนดิสนีย์ตัดสินใจนำเข้าฉายใน Disney Plus สตรีมมิงของค่ายในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ก็ยังสามารถครองอันดับที่ 13 ของภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดของปี 2564 ด้วยรายได้ 379 ล้านดอลลาร์
ส่งผลให้จักรวาลมาร์เวลกลายเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดของโลกด้วยมูลค่ากว่า 26,113 ล้านดอลลาร์
สำหรับรายได้ภาพยนตร์อันดับอื่น ๆ ที่น่าสนใจ (และน่าเป็นห่วง) คงจะหนีไม่พ้น “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของโลกเวทมนตร์ (Wizard World) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเก็บรายได้เพิ่มในสหรัฐได้เพียง 4 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ทำให้รายได้รวมในสหรัฐทำไปได้ 86 ล้านดอลลาร์ จากการฉายแล้วร่วม 3 สัปดาห์ อาจจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในแฟรนไชส์ที่ทำรายได้ในสหรัฐไม่ถึงหลักร้อยล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 363 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งมีโอกาสสูงอย่างมากที่ค่าย Warner Bros. จะไม่สร้างภาคต่อ
ที่มา: Box Office Mojo, Comic Book, Insider