“Dirty Coffee” Fluid Art ดื่มได้...ความเป็นมาและความเท่
“Dirty Coffee” คืออะไร ทำไมฮิตจัง... “พาคามาร่า” แนะนำเมนูใหม่ “กาแฟเดอร์ตี้” สไตล์โตเกียว เสิร์ฟถึง 31 สิงหาคมนี้
เมนูกาแฟยอดนิยมประเภท สเปเชียลตี้ คอฟฟี่ อันดับต้น ๆ ต้องมี กาแฟเดอร์ตี้ หรือ Dirty Coffee รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ แนะนำ Dirty Coffee สไตล์โตเกียวต้นตำรับ ในคอนเซปต์ Work Hard, Dirty Harder
เดอร์ตี้ คอฟฟี่ (Dirty Coffee) กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคอกาแฟ จากเสน่ห์ที่ชัดเจนในรสชาติ และมีความหลากหลายในแก้วเดียว
พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ (Pacamara Coffee Roasters) แบรนด์ สเปเชียลตี้คอฟฟี่ที่ใส่ใจควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ จากโรงงานแปรรูป โรงสีเมล็ดและโรงคั่วกาแฟ ภายใต้การดูแลของแบรนด์ พร้อมคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟชั้นดีจากแหล่งปลูกชั้นนำทั่วทุกมุมโลก ผ่านฝีมือการแปรรูปโดยผู้เชี่ยวชาญ ก่อนนำเมล็ดกาแฟไปคั่วอย่างพิถีพิถันเพื่อดึงเอาเอกลักษณ์และรสชาติที่โดดเด่นของเมล็ดกาแฟออกมาด้วยเครื่องคั่วระดับไฮเอนด์
ความเป็นมาของ กาแฟเดอร์ตี้ (Dirty Coffee) เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของร้าน Bear Pond Espresso เอสเพรสโซ่บาร์ชื่อดังย่าน Shimokitazawa ในโตเกียว และได้นำเมนูนี้ไปเปิดตัวครั้งแรกให้คอกาแฟได้ลิ้มรสที่ร้าน Joe The Art of Coffee ในนิวยอร์กจนโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ความพิเศษของ Dirty Coffee คือเมนูกาแฟนมที่เสิร์ฟแยกชั้นกันอย่างชัดเจนระหว่าง ‘นมเย็นจัด’ ที่อยู่ด้านล่างของแก้ว กับ ‘ช็อตเอสเพรสโซ่’ หรือ ‘ริสเทรตโต้’ (Ristretto-การสกัดช็อตเอสเพรสโซ่ที่เข้มข้นกว่าปกติ) ที่อยู่ด้านบน จึงต้องเสิร์ฟใน แก้วใสแช่เย็น เท่านั้น เพื่อให้มองเห็นการแยกชั้นเป็นลวดลายต่าง ๆ
ดังนั้นคำว่า เดอร์ตี้ (Dirty) จึงไม่ได้หมายถึงสกปรก แต่มาจาก คราบของกาแฟที่เปรอะเปื้อนภายในแก้วนมสีขาวบริสุทธิ์
วิธีดื่ม จะไม่ใช้ช้อนคนส่วนผสมก่อนดื่ม แต่ให้ยกขึ้นจิบตามที่บาริสต้าเสิร์ฟทันที เพื่อให้ได้รสชาติของส่วนผสมแต่ละชั้นอย่างชัดเจน โดยแต่ละจิบที่ดื่มไปเรื่อย ๆ ก็จะได้รสสัมผัสและกลิ่นที่แตกต่างกันไป อันเป็นเสน่ห์พิเศษของเมนูนี้
ความเท่ของ Dirty Coffee : นอกจากกรรมวิธีการชงกาแฟที่ทำให้กาแฟแยกชั้นชัดเจน ยังสร้างศิลปะแบบเลอะ ๆ หรือ Fluid Art มองเห็นส่วนผสมของนม-กาแฟ-ไซรัป ที่ต้องใส่ในแก้วใส หรือ Mason Jar เกิดเฉดสีที่ต่างกันและการไหลของของเหลวที่ค่อย ๆ ผสมกัน
Fluid Art แรกเริ่มใช้กับงานเพ้นท์ติ้ง จากการเทสีอะคริลิค (ของเหลว) และการเคลือบ โดยไม่ใช้พู่กัน ริเริ่มโดย David Alfaro Siquerios เมื่อยุค 1930s เป็นศิลปะแนวแอ็บสแตร็คท์ มีเทคนิคที่แตกต่างจากการวาดภาพสีน้ำและภาพสเก็ตช์
ศิลปิน Fluid Art จะรู้สึกเพลิดเพลิน มีความสุข ในขณะเดียวก็มีความกดดัน เกิดความคาดหวัง เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการทำงานศิลปะ
Dirty Coffee (Credit: coffeetutorial.com)
ร้านกาแฟแนว Dirty : ร้านดังที่สุดคือ Bear Pond Espresso ร้านต้นกำเนิดในโตเกียว โดยเจ้าของร้าน Katsuyuki Tanaka ที่พา Dirty Coffee ไปโด่งดังถึงนิวยอร์ก และทำให้นิวยอร์กเกอร์หลงใหลในกาแฟเดอร์ตี้
จากนั้นไม่นานก็เกิดเป็น Dirty Chai คือชาผสมเอสเพรสโซ่ ในคาเฟ่เก๋ ๆ ที่เสิร์ฟกาแฟเดอร์ตี้ และเมนูใหม่ Dirty Chai สูตรทั่วไปคือ ชาเข้มข้น มีทั้งชาดำใส่เครื่องเทศ หรือชามาซาล่า, นมอุ่น และเอสเพรสโซ่ 1-2 ช็อต
ชาเดอร์ตี้ (Credit: hy-vee.com)
เครื่องเทศในชาเดอร์ตี้ ได้แก่ คาร์ดามอม, อบเชย, กานพลู, ขิง, พริกไทยดำ ไม่แน่ว่า ชาเดอร์ตี้ (Dirty Chai) อาจเด่นดังไม่แพ้ Dirty Coffee เพราะนักโภชนาการระบุว่า ชาผสมเครื่องเทศ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ร้านกาแฟในนิวยอร์กที่เสิร์ฟ Dirty Chai เช่น Irving Farm Coffee Roasters ย่านอัพเพอร์เวสต์ไซด์ ในนิวยอร์ก, Gregorys Coffee ย่านอีสต์มิดทาวน์ เมนูชาลาเต้กับเอสเพรสโซ่ช็อต กลิ่นมะนาว, The Bean ย่านอีสต์ วิลเลจ เสิร์ฟชาลาเต้ใส่นมมะพร้าว เป็นต้น
พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ มีเมนู เซนต์ เดอร์ตี้ (Saint Dirty) กาแฟเดอร์ตี้สุดคลาสสิก หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ยอดนิยมตลอดกาล จากช็อตดับเบิ้ล ริสเทรตโต้ (Double Ristretto) ท็อปอยู่บนนมเย็นจัดสูตรลับเฉพาะ ที่มอบรสสัมผัสหอมเข้มข้นกลมกล่อมหวานมันได้อย่างลงตัว
สำหรับรสชาติใหม่ โตเกียว เดอร์ตี้ เบลนด์ (Tokyo Dirty Blend) มาจากเมล็ดกาแฟเบลนด์พิเศษขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะจากส่วนผสมของเมล็ดกาแฟต่างประเทศที่คัดสรรจาก 3 ทวีป 3 ประเทศ ผ่านการคั่วที่ควบคุมโดยทีมโรสเตอร์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เทคนิคการสกัดช็อตกาแฟแบบพิเศษและควบคุมอัตราส่วนโดยบาริสต้า เพื่อให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำกับช็อตดับเบิ้ล ริสเทรตโต้ (Double Ristretto) ในสไตล์โตเกียวแท้ ๆ ที่รสชาติออกหวานแบบเมเปิ้ลไซรัป ผสมมอลต์บิสกิต และดาร์กช็อกโกแลต และมีบอดี้ที่ดี (Full Body)
โตเกียวสไตล์ เดอร์ตี้
เมนูแรกคือ โตเกียวสไตล์ เดอร์ตี้ (Tokyo Style Dirty) ความลงตัวของช็อตดับเบิ้ล ริสเทรตโต้ (Double Ristretto) ที่ท็อปด้านบนด้วยนมสดเย็นจัด ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งแม้ไม่ได้เติมความหวานเลย แต่เดอร์ตี้แก้วนี้ก็สามารถดึงความหอมหวานที่มาจากรสชาติกาแฟอย่างแท้จริงออกมาได้อย่างลงตัว
Sandcastle Dirty แก้วละ 135 บาท
อีกเมนู แซนด์แคสเซิล เดอร์ตี้ (Sandcastle Dirty) เปิดประสบการณ์ในการดื่มเดอร์ตี้ด้วยความหวานกลมกล่อมของนมเย็นจัดสูตรลับเฉพาะและช็อตดับเบิ้ล ริสเทรตโต้ (Double Ristretto) ทำให้เดอร์ตี้แก้วนี้มีรสชาติที่คอมเพล็กซ์ เมื่อจิบไปเรื่อย ๆ จะมีรสสัมผัสและกลิ่นที่แตกต่างกันไป โดยเสน่ห์พิเศษของเมนูนี้คือความหอมหวานของคาราเมลแคนดี้และมอลต์บิสกิต ที่จะมาสร้างความเพลิดเพลินให้อย่างไม่รู้จบ
กรีนมาร์เบิล เดอร์ตี้ 135 บาท
กรีนมาร์เบิล เดอร์ตี้ (Green Marble Dirty) เดอร์ตี้คอนเซปต์ใหม่ที่เอาใจคนรักมัทฉะโดยเฉพาะ ด้วยผงมัทฉะเกรดพรีเมียมจากเมืองอุจิ (Uji) จังหวัดเกียวโต นำมาผสมผสานกับนมเย็นจัดสูตรลับเฉพาะ ที่นอกจากสีสันสวยงามน่ารับประทานแล้ว รสชาติของมัทฉะเดอร์ตี้แก้วนี้ยังกลมกล่อม หอม และนุ่มนวลเป็นพิเศษอีกด้วย
เครื่องดื่ม เดอร์ตี้ (Dirty Beverage) เปิดให้คอกาแฟลิ้มลองได้ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่ร้าน พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ (Pacamara Coffee Roasters) ทุกสาขา
และอีก 3 สาขาใหม่เร็ว ๆ นี้ที่ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ สุขุมวิท 39, ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ และเซ็นทรัลลาดพร้าว (สมาชิกแอพพลิเคชัน พาคามาร่า ระดับแพลตตินั่ม รับสิทธิ์ซื้อเครื่องดื่ม 1 แถม 1 ในเมนู “Work Hard, Dirty Harder” ได้ทุกวันพุธ)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ FB: PACAMARA