เจเนอเรชันใหม่แห่ง LVMH ‘อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์’ การเดิมพันใหญ่ในธุรกิจไวน์ & สุรา
‘Moët Hennessy’ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการไวน์ และสุราเผชิญยอดขายร่วงรุนแรง การแต่งตั้งอเล็กซองดร์ บุตรชายคนที่สามของอาร์โนลต์เป็นรองซีอีโอ จึงนับเป็น ‘การเดิมพันครั้งสำคัญ’ ของ LVMH เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ และสร้างการเติบโตในอนาคต
KEY
POINTS
- ‘Moët Hennessy’ ยักษ์วงการไวน์ และสุราเผชิญยอดขายร่วงรุนแรง การแต่งตั้ง ‘อเล็กซองดร์’ วัย 32 ปีเป็นรองซีอีโอ จึงนับเป็น ‘การเดิมพันครั้งสำคัญ’ ของ LVMH เพื่อฟื้นฟูธุรกิจและสร้างการเติบโตในอนาคต
- ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการตลาดที่เฉียบคม และความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าเซเลบริตี้ อเล็กซองดร์ได้ปรับปรุงร้านเรือธง Tiffany จนกลายเป็นร้านที่ทำยอดขายสูงสุดของกลุ่มในปัจจุบัน
- Moët Hennessy เผชิญแรงกดดันด้านยอดขาย โดยได้ลดลง 8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในกลุ่ม
แม้มีอาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ แต่การจะตั้งตระหง่านต่อไปได้ยาวนาน ก็ต้องปั้นผู้สืบทอดให้เก่ง เมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้อาณาจักรแบรนด์หรู “LVMH” เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ “อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์” (Alexandre Arnault) วัย 32 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สามของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ จะขึ้นดำรงตำแหน่ง “รองซีอีโอ” ที่ Moët Hennessy ธุรกิจไวน์ และสุราของกลุ่มบริษัทมูลค่ากว่า 293,000 ล้านยูโร เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้สาธารณชนหันมาจับตาความสามารถของผู้นำรุ่นใหม่คนนี้
ทั้งนี้ อเล็กซองดร์ จะทำงานร่วมกับฌอง-ฌัก กีโญนี (Jean-Jacques Guiony) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH ผู้มากประสบการณ์ ซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นซีอีโอของ Moët Hennessy
“แนวคิด คือ อเล็กซองดร์ จะได้เป็นมือขวาที่ใกล้ชิดมาก” คนวงใน LVMH กล่าว “นี่จะทำให้เขาได้ประสบการณ์เพิ่มเติมในการบริหาร LVMH ขนาดย่อม เพื่อเตรียมตัวสำหรับบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต”
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า สำหรับกีโญนี วัย 62 ปี อดีตนักธนาคาร และผ่านประสบการณ์กว่าสองทศวรรษในการดูแลการเงินของ LVMH จะขึ้นมามีบทบาทฟื้นฟูแผนกไวน์ และสุราที่เผชิญแรงกดดันจากยอดขายคอนญัก และแชมเปญที่ร่วงในจีน และสหรัฐ แต่แผนคือ ในที่สุดเขาจะมอบตำแหน่งผู้นำให้อเล็กซองดร์ ตามที่คนวงในกล่าว
“ความรู้สึกคือ นี่เป็นการเปลี่ยนผ่าน โดยกีโญนี จะเป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยดูแลอเล็กซองดร์ ก่อนที่จะมอบตำแหน่งให้” ฌอง ดองจู (Jean Danjou) นักวิเคราะห์ธุรกิจหรูจาก Oddo BHF กล่าว
การปรับเปลี่ยนตำแหน่งระดับสูงภายใน LVMH ครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้เห็นถึงเส้นทางอาชีพที่โดดเด่นของ “อเล็กซองดร์” ณ กลุ่มสินค้าหรูอันดับหนึ่งของโลก
สำหรับลูกๆ ทั้งห้าคนของอาร์โนลต์ ต่างก้าวเข้าสู่บทบาทในบริษัทที่โดดเด่นมากขึ้น ขณะที่พ่อวัย 75 ปีของพวกเขากำลังค่อยๆ ถอยห่าง ทำให้เกิดกระแสคาดเดาต่างๆ ในห้องประชุมรวมถึงงานเลี้ยงสังคมทั่วปารีสเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่ง
- ครอบครัวอาร์โนลต์ โดยอาร์โนลต์กับภรรยาอยู่ตรงกลาง ส่วนจากซ้ายไปขวาเป็น อเล็กซองดร์, เฟรเดริก, ฌอง, เดลฟีน และอองตวน (เครดิต: LEWIS JOLY/SIPA/AP) -
สั่งสมประสบการณ์ใน Tiffany สู่ Moët Hennessy
ในการจะขึ้นมารับตำแหน่งรองซีอีโอของ Moët Hennessy อเล็กซองดร์ได้ออกจากตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารของ Tiffany & Co. โดยในช่วงที่ผ่านมา เขาได้สะสมประสบการณ์ไว้ไม่น้อย ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการตลาดที่เฉียบคม และความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าเซเลบริตี้ อเล็กซองดร์ได้ปรับปรุงร้านเรือธง Tiffany มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ จนกลายเป็นร้านที่ทำยอดขายสูงสุดของกลุ่มในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญที่มีศิลปินระดับโลกอย่าง Beyoncé และ Jay-Z รวมถึงแคมเปญที่มีสโลแกนว่า “Not your mother’s Tiffany” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับและทำให้แบรนด์ดูทันสมัยมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น การทำงานที่ Rimowa ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางนาน 4 ปี ยังมอบประสบการณ์ให้เขาในแผนกแฟชั่น และสินค้าหนัง ซึ่งเป็นแผนกที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่ม ช่วยเปลี่ยนแบรนด์ Rimowa จากแบรนด์ที่เน้นการใช้งานแบบเรียบง่ายของเยอรมนี ให้กลายเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หลงใหลแฟชั่น
LVMH ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายของ Tiffany อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของธนาคาร HSBC ประมาณการว่า ยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้นจากประมาณ 4,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ก่อนการซื้อกิจการ เป็น 5,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023
ขณะที่รายได้จากนาฬิกา และเครื่องประดับของกลุ่มลดลง 3% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ ท่ามกลางความอ่อนแอของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจีน
ฌอง ดองจู นักวิเคราะห์ธุรกิจหรูจาก Oddo BHF กล่าวว่า ขณะที่ Tiffany กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองจากแบรนด์เครื่องประดับ “ระดับกลาง” สู่แบรนด์หรู “ระดับสูง” เพื่อสู้กับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Cartier อเล็กซองดร์จะถอนตัวจากการบริหารในระหว่างนี้ โดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงคาดว่าจะใช้เวลาถึง 10 ปี และต้องใช้งบประมาณลงทุนหลายพันล้าน
ในขณะเดียวกัน อเล็กซองดร์ได้เข้าไปร่วมในธุรกิจไวน์ และสุรากับกีโญนีอย่างใกล้ชิด โดยแหล่งข่าวภายในรายงานว่า ลูกชายคนที่สามผู้นี้แสดงความสนใจส่วนตัว และสร้างความสัมพันธ์ในภูมิภาคการผลิตไวน์สำคัญอย่างแคว้น Burgundy ของฝรั่งเศส
อเล็กซองดร์กับพิสูจน์ฝีมือในสนามรบใหม่
แม้ว่า Moët Hennessy อาจไม่ใช่แผนกที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่ม แต่เป็นที่ตั้งของแบรนด์สำคัญตั้งแต่คอนญัก Hennessy ไปจนถึงแชมเปญ Veuve Clicquot และเมื่อเร็วๆ นี้ได้เผชิญแรงกดดันด้านยอดขาย โดยได้ลดลง 8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากความต้องการคอนญัก และแชมเปญลดลงหลังจากช่วงบูมในยุคโควิด-19
ยิ่งไปกว่านั้น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในสหรัฐ อาจสร้างความท้าทายเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัว หากทรัมป์ปฏิบัติตามที่ขู่ไว้โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากยุโรป 10-20% และเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนสูงถึง 60%
อย่างไรก็ตาม การที่อเล็กซองดร์ มีชื่อเสียง และมีความสัมพันธ์กับว่าที่ประธานาธิบดี อาจเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจ
“เขาเป็นชายหนุ่มผู้มีความก้าวหน้า เป็นบุตรชายของหนึ่งในนักธุรกิจ และผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป และของโลก” ทรัมป์เขียนในแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) หลังจากรับประทานอาหารค่ำร่วมกับอเล็กซองด์ และภรรยาของเขาที่รีสอร์ตมาร์อาลาโกเมื่อปีที่แล้ว
สำหรับซีอีโอของ Moët Hennessy ที่จะอำลาตำแหน่งมีชื่อว่า ฟิลิป ชอส (Philippe Schaus) ซึ่งได้รับการยกย่องว่า บริหารบริษัทให้ผ่านพ้นช่วงที่ตลาดตกต่ำมาได้ดี ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเข้าซื้อกิจการครั้งสำคัญ เช่น การควบรวมไร่องุ่น Joseph Phelps ในพื้นที่ Napa Valley รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อปี 2022 ทว่าปัจจุบันนี้ ภารกิจในการฟื้นฟู และพัฒนาองค์กรให้เติบโตยิ่งขึ้นได้ตกเป็นของอเล็กซองดร์ และกีโญนีแล้ว
“เราจำเป็นต้องทบทวนตลาดจีนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคอนญัก” ดองจูจาก Oddo กล่าว แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าภาวะตกต่ำในตลาดสุราเป็นวัฏจักรโดยส่วนใหญ่
เขาเสริมว่า “นักลงทุนหลายคนคิดว่าอเล็กซองดร์ต้องการโอกาสนำพาสิ่งที่ใหญ่กว่าภายในกลุ่ม และนี่คือการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้เขาสามารถทำได้ทันเวลา”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์