เปิดบุคลิกนิสัยของ ‘อาร์โนลต์’ ขยันลงพื้นที่ ละเอียดถึงเก้าอี้ รองเท้าที่พนักงานใส่

เปิดบุคลิกนิสัยของ ‘อาร์โนลต์’ ขยันลงพื้นที่ ละเอียดถึงเก้าอี้ รองเท้าที่พนักงานใส่

เผย ‘บุคลิกนิสัย’ ของ ‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ ในการบริหารพนักงานและพา LVMH ให้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าลงไปดูพื้นที่ด้วยตาตัวเอง ใส่ใจรายละเอียดที่หลายคนมองข้ามอย่างเก้าอี้ รองเท้าของพนักงาน และไม่หยุดอยู่กับความสำเร็จในปัจจุบัน

KEY

POINTS

  • อาร์โนลต์ขึ้นชื่อในฐานะบุคคลที่น่าเกรงขาม มีคนเล่าว่า เวลาที่อาร์โนลต์เข้ามาในห้องประชุม อุณหภูมิในห้องจะลดลง 8 องศา
  • อาร์โนลต์เริ่มต้นวันทำงานที่ 8 โมงเช้าและเลิกงานตอน 2 ทุ่มครึ่ง โดยเขายืนยันว่า “ทุกเช้า ผมรู้สึกสนุกเมื่อมาถึงที่ทำงาน”
  • ในห้องประชุมของอาร์โนลต์ ประดับด้วย 3 รูปภาพที่วาดโดยศิลปินแอนดี้ วอร์ฮอล และภาพวาดของปิกัสโซ

บนเวที 10 อันดับมหาเศรษฐีโลกที่มักสร้างตัวจากธุรกิจเทคโนโลยีสุดล้ำ กลับมีชายคนหนึ่งที่ “แตกต่าง” สร้างอาณาจักรจากธุรกิจดั้งเดิม แม้ไม่ได้พึ่งพาเทรนด์เทคโนโลยี แต่สามารถคว้าอันดับ 3 ของมหาเศรษฐีโลก และเคยขึ้นสู่อันดับ 1 มาแล้ว เขาคือ “เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์” (Bernard Arnault) ผู้กุมบังเหียนอาณาจักรแบรนด์หรู LVMH โดยมหาเศรษฐีผู้นี้และครอบครัวมีมูลค่าทรัพย์สินมหาศาลกว่า 194,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7 ล้านล้านบาท

แม้ว่าหลายคนต่างเอ่ยกันว่า เศรษฐกิจโลกช่วงนี้ย่ำแย่และเงียบเหงา หลายธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก แต่ LVMH ที่ขายสินค้าระดับหรูและราคาสูง กลับยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างมั่นคงได้ภายใต้การนำของอาร์โนลต์ จึงน่าสนใจว่าเขามีแนวคิด บุคลิกและแนวทางการบริหารคนอย่างไร ถึงทำให้ LVMH ยิ่งใหญ่จนถึงทุกวันนี้

เปิดบุคลิกนิสัยของ ‘อาร์โนลต์’ ขยันลงพื้นที่ ละเอียดถึงเก้าอี้ รองเท้าที่พนักงานใส่ - เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (เครดิต: AFP) -

ตรวจตราท้องที่ด้วยตัวเอง แม้อายุ 75 ปีก็ตาม

ท่ามกลางบรรดาเจ้าสัวที่มักมอบหมายงานให้ลูกน้องแล้วนั่งรอรับรายงาน แต่อาร์โนลต์กลับมีสไตล์การบริหารที่แตกต่าง เขาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยทุกช่วงเช้าของวันเสาร์ เขาจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ตรวจเยี่ยมสาขาร้านแบรนด์เนมในเครือ โดยมีเหล่าผู้บริหาร บอดี้การ์ด และลูก ๆ ผลัดกันติดตาม

ในระหว่างการเยี่ยมชมแต่ละร้าน อาร์โนลต์จะมองหาจุดบกพร่องที่อาจทำลายบรรยากาศอันหรูหราของร้าน เมื่อพบแล้ว ก็จะยิงข้อความและอีเมลไปยังผู้บริหารระดับสูงของสาขาให้รีบแก้ไข โดยแจ้งจุดบกพร่องเป็นข้อ ๆ อย่างละเอียด

อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์ (Alexandre Arnault) รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารของแบรนด์ Tiffany & Co. ในเครือ LVMH เล่าว่า เมื่อพ่อของเขามาเยี่ยมร้านในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อไม่นานมานี้ เขาให้ความเห็นละเอียดยิบไปหมด รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในร้านอย่างเก้าอี้พนักงานขาย หรือรองเท้าที่พนักงานใส่ สิ่งที่คนทั่วไปมักมองข้ามไป แต่สำหรับคนที่เคยเห็นร้านค้ามาเป็นหมื่น ๆ แห่งตลอดหลายปี สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งแรกที่อาร์โนลต์สังเกตเห็นเลย

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาร์โนลต์สังเกตเห็นรองเท้าของพนักงานขาย จึงเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ชายคนนั้นใส่รองเท้า Nike อะไรซักอย่าง” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม โดยบอกว่านี่ไม่ใช่รองเท้ารุ่น Air Force 1s ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Nike กับ Tiffany ซึ่งขายในราคา 400 ดอลลาร์ อีกทั้งพนักงานขายควรจะใส่เสื้อผ้าของ LVMH ด้วย

เหตุผลก็เพราะว่า พนักงานขายเปรียบเสมือน “ทูต” ที่สื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ การที่พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าของ LVMH นั้น ไม่เพียงแต่เสริมภาพลักษณ์ความหรูหรา และคุณภาพที่แบรนด์มุ่งมั่น แต่ยังเสมือนการโฆษณาแบรนด์แบบเคลื่อนที่ นำเสนอแฟชั่นและสไตล์ล่าสุดให้กับลูกค้าโดยตรง

มีบุคลิกอันน่าเกรงขาม

การประชุมงานจะเริ่มต้นตรงเวลา อาร์โนลต์ยินดีที่จะพูดภาษาอังกฤษกับผู้บริหารต่างชาติ แต่ยืนกรานว่าพวกเขาควรเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วย ยิ่งเร็ว จะยิ่งดี

ตัวอาร์โนลต์นั้นขึ้นชื่อในฐานะบุคคลที่น่าเกรงขาม พนักงานบริษัททั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ รวมถึงบุคคลภายนอกที่เคยร่วมงานกับเขามาหลายปี ต่างรู้สึกทึ่งและหวาดหวั่นในตัวเขา มีคนเล่าว่า เวลาที่อาร์โนลต์เข้ามาในห้องประชุม อุณหภูมิในห้องจะลดลง 8 องศา

ส่วนอีกคนเล่าว่า เขารังเกียจความพึงพอใจกับสภาพเดิม ๆ อย่างมาก ดังนั้น วิธีที่แย่ที่สุดในการเริ่มประชุมคือการบอกเขาว่ายอดขายแข็งแกร่ง “นั่นจะทำให้คุณโดนเขาด่า”

การรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเริ่มต้นประชุมอาจถือเป็นความผิดพลาด เพราะสื่อถึงความพอใจในสถานะปัจจุบัน สำหรับอาร์โนลต์ เขาคาดหวังเป้าหมายที่ท้าทายกว่าและกลยุทธ์เชิงรุกมากกว่าการหยุดอยู่กับความสำเร็จในปัจจุบัน

ในกิจวัตรประจำวันของเขา อาร์โนลต์เริ่มต้นวันทำงานที่ 8 โมงเช้าและเลิกงานตอน 2 ทุ่มครึ่ง ที่เขาปฏิบัติตามตารางเวลานี้ ไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยานที่เหลืออยู่จากการโลดแล่นในอุตสาหกรรมแบรนด์เนมมาหลายทศวรรษ แต่เนื่องจากเขายืนยันว่า “ทุกเช้า ผมรู้สึกสนุกเมื่อมาถึงที่ทำงาน”

ชื่นชอบศิลปะทางประวัติศาสตร์

หากพูดถึงการแต่งกาย มหาเศรษฐีผู้นี้เป็นคนรูปร่างสูง (185 เซนติเมตร) และผอมเพรียว ใส่สูทเบลเซอร์สีกรมท่าของ Dior คอเต่าสีดำ กางเกงขายาวสีเข้ม รองเท้าโลฟเฟอร์ Berluti และสวมนาฬิกาข้อมือรุ่น Tambour ของ Louis Vuitton สีเงิน

ที่ สำนักงานใหญ่ LVMH บริเวณถนน Avenue Montaigne ห่างจากแม่น้ำแซนเพียง 1 บล็อคในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ในห้องประชุมของอาร์โนลต์ประดับด้วย 3 รูปภาพที่วาดโดยศิลปิน แอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) และภาพวาดของ ปิกัสโซ (Picasso)

ในช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณหลังคาของ มหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre Dame Cathedral) แห่งกรุงปารีสในปี 2019 จนอาคารเสียหายอย่างหนัก มหาวิหารนี้ถือเป็นมรดกโลกสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง โดยเริ่มก่อสร้างในปี 1163 ระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7

ด้วยความที่อาร์โนลต์ชื่นชอบในศิลปะ และเพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ เขาและ LVMH จึงร่วมบริจาคทุนในการบูรณะนี้สูงถึง 200 ล้านยูโร หรือราว 7,900 ล้านบาท จนมีส่วนช่วยให้มหาวิหารกลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้อีกครั้งในปลายปีนี้

อนาคตทายาทของ LVMH

คำถามอนาคตทายาทอาณาจักรนี้กำลังดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำแทน เนื่องจากอาร์โนลต์ก็เข้าสู่วัย 75 ปีแล้ว หรือเรียกว่าอยู่ในช่วงวัยเกษียณ

อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีผู้นี้เปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “ผมมีสมาชิกในครอบครัว 5 คนทำงานอยู่ใน LVMH ดูกันว่า ใครสักคนจะมีความสามารถพอที่จะขึ้นมาบริหารต่อ” โดยเขากล่าวว่าไม่มีแผนจะเกษียณอายุ และตั้งใจจะไปเยี่ยมชมร้านค้าทุกวันเสาร์ตราบเท่าที่เขาจะทำได้

อาร์โนลต์เสริมต่อว่า “เศรษฐกิจปี 2024 อาจจะไม่ดีเท่าปี 2023 ก็ได้ แต่แผนการทั้งหมดของผม มุ่งเน้นไปที่ปี 2030 ทุกอย่างที่เราทำ ล้วนมีเป้าหมายไปถึงปีนั้น” นั่นหมายความว่า เขาอาจยังไม่วางมือจากอาณาจักรในเร็ว ๆ นี้

ในการคาดเดาเกี่ยวกับแผนสืบทอดตำแหน่งซีอีโอของ LVMH อาจจะยังคงอยู่ไปอีกพักใหญ่ เนื่องจากตัวอาร์โนลต์เองเพิ่งปรับเพิ่มเกษียณอายุของซีอีโอที่ LVMH จาก 75 ปี เป็น 80 ปี ซึ่งต่อมาเขาได้รับจดหมายจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีวัยเก้าสิบปีที่บอกว่า เขาทำผิดพลาดที่ตั้งเกษียณอายุใหม่ไว้ต่ำเกินไป

เปิดบุคลิกนิสัยของ ‘อาร์โนลต์’ ขยันลงพื้นที่ ละเอียดถึงเก้าอี้ รองเท้าที่พนักงานใส่ - ครอบครัวอาร์โนลต์ โดยอาร์โนลต์กับภรรยาอยู่ตรงกลาง ส่วนจากซ้ายไปขวาเป็น อเล็กซองดร์, เฟรเดริก, ฌอง, เดลฟีน และอองตวน (เครดิต: LEWIS JOLY/SIPA/AP) -

เมื่อไม่นานมานี้ อาร์โนลต์เพิ่งเสนอชื่อเฟรเดริกให้เป็นผู้บริหารอันดับสองของหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งของเขา ซึ่งผู้สังเกตการณ์บางคนตีความว่า อาจเป็นการสนับสนุนโอกาสในอนาคตของลูกชายคนนี้

ขณะที่ลูกสาวของอาร์โนลต์ที่ชื่อเดลฟีน เป็นสมาชิกครอบครัว “เพียงคนเดียว” ที่อยู่ในคณะกรรมการบริหารของ LVMH ซึ่งบ่งบอกว่าอาร์โนลต์กำลังพิจารณาว่า ลูกคนอื่น ๆ ของเขาจะมีความสามารถพอสำหรับตำแหน่งระดับสูงนี้หรือไม่

ซิดนีย์ โทเลดาโน (Sidney Toledano) ผู้บริหารคนสำคัญที่อยู่กับบริษัทมานานกล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าอาร์โนลต์จะหยุดทำงานเลยนะ ไม่ใช่เพราะเงินหรอก แต่เพราะความรับผิดชอบในตอนนี้ เพราะเขาสร้างบางสิ่งขึ้นมาและก็อยากจะส่งต่อ ถือเป็นก้าวต่อไปของเขาที่จะต้องตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อครอบครัว เพื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ และเพื่อให้ LVMH ยังคงดำเนินอย่างมั่นคงต่อไป”

 

อ้างอิง: lvmhbritreutersbloombergbusiness