"พีท พีรเดช" จากเด็กหลังห้อง สู่ CEO อายุน้อยแห่ง Upbit Thailand
เปิดใจ "พีรเดช ตันเรืองพร" หรือ "พีท" จากเด็กหลังห้องที่หมกมุ่นเรื่องเกม สู่การเป็น CEO แห่งบริษัท Upbit Thailand และประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ในวัย 34 ปี
พีรเดช ตันเรืองพร หรือ พีท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แห่งบริษัท Upbit Thailand และประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เริ่มต้นเล่าถึงความเป็นเด็กหลังห้องที่หมกมุ่นเรื่องเกม โดยย้อนกลับไปช่วงมัธยมต้นที่เรียกว่าแทบจะใช้ชีวิตอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เลิกเรียนจนกระทั่งกลับถึงบ้านตอนบ่ายสามโมงจนถึงเจ็ดโมงเช้าของอีกวันที่ต้องรีบออกไปโรงเรียน แล้วใช้วิธีไปหลับที่โรงเรียนแทน เป็นอย่างนี้อยู่เกือบสองปี
สาเหตุที่ชื่นชอบการเล่นเกม ไม่ใช่แค่เพราะระบบการต่อสู้ หาไอเท็ม หรือเก็บสะสมค่าพลังเพียงเท่านั้น แต่เพราะระบบ "community" ที่ทำให้มีสังคมในเกม ได้ทำความรู้จักกับหลายๆ คนที่อยู่บนโลกออนไลน์เหมือนกัน แม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันช่วงชีวิตนั้นก็ราวกับถูกดูดเข้าไปในเกมแบบไม่รู้ตัว เรียกว่าโลกทั้งใบแทบจะอยู่ในเกมเลยก็ว่าได้
กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาข้ามผ่านช่วงดังกล่าวมาได้ พีรเดช เล่าว่า คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมาก เพราะเตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง ท้ายที่สุดจึงลองเสนอให้ไปเข้าค่ายฤดูร้อนที่อเมริกา ด้วยความตื่นเต้นจึงตัดสินใจไป ก่อนจะพบว่าค่ายดังกล่าวไม่มีอินเทอร์เน็ต จึงเป็นการใช้ชีวิตกลางป่าโดยตัดขาดจากโลกภายนอกประมาณ 6 สัปดาห์
หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าต้องทรมานแน่ๆ แต่เขากลับได้ค้นพบว่า ชีวิตมันก็สนุกได้โดยไม่ต้องมีเกมเลย เหมือนได้เรียนรู้แล้วว่าการอยู่ในสังคมจริงๆ เป็นอย่างไร โลกภายนอกกว้างใหญ่มาก มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย
"ที่ผมจะสื่อคือไม่ใช่ทุกคนที่มีอาการติดเกมต้องไปค่ายเหมือนกับผม แต่ผมอยากให้พ่อแม่ลองหากิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกได้ทำดู การห้ามปรามอาจจะยิ่งทำให้เขาอยากเล่นเกมมากขึ้น ผมคิดว่าการสร้างตัวเลือก หรือการลองให้เขาไปอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกใหม่ไปเลยอาจจะดีกว่า แล้วเขาก็จะพบว่ามันมีอะไรสนุกๆ อีกเยอะนอกเหนือจากโลกของเกม" พีรเดช กล่าว
ก้าวสู่วัยทำงาน พีรเดชเริ่มรู้จัก "คริปโทฯ" ครั้งแรกในปี 2012 จนกระทั่งในปี 2014 ที่เริ่มศึกษาจริงจัง เพราะเข้าทำงานที่บริษัท MOL Global ซึ่งเป็นบริษัทด้าน E-Payment ที่มีสาขาในต่างประเทศหลากหลาย ทำให้ต้องทำธุรกรรมข้ามประเทศอยู่บ่อยครั้ง จึงลองศึกษาดูว่าแล้วจะสามารถใช้คริปโทฯ ทำธุรกรรมแทนได้หรือไม่? และด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างก็ได้คำตอบว่า "ไม่" เช่น เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญด้าน IT Security มากพอ ซึ่งจะเป็นเรื่องสาหัสมาก หากมีการโจรกรรมข้อมูลเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้รู้จักคริปโทฯ ค่อนข้างดีตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
พีรเดช ให้สัมภาษณ์ถึงการขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO แห่ง Upbit Thailand โดยพาย้อนกลับไปในช่วงก่อนก่อตั้ง โดย partners ฝั่งไทยเล็งเห็นว่า Upbit ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโทฯ จากประเทศเกาหลีใต้ ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความเชี่ยวชาญ ความปลอดภัยด้าน IT และเคยทำด้านแอปพลิเคชันเทรดหุ้น Stockplus รวมถึงเคยอยู่วงการ FinTech (Financial Technology) มาก่อน ทำให้สุดท้ายจึงได้มีการลงทุนเปิด Upbit สาขาประเทศไทย ซึ่ง partners ต่างๆ ของ Upbit ประเทศไทยเล็งเห็นถึงศักยภาพของตัวเขา จึงได้มอบโอกาสในการดำรงตำแหน่ง CEO ของ Upbit Thailand ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
"ในการทำงานนั้นเราควรมี Next Big Goal หรือมโนคติว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายถัดไปของเราคืออะไร อยากไปยืนอยู่จุดไหน แล้วจึงย่อยส่วนนี้ให้เป็นเป้าหมายที่เล็กลงมา ค่อยๆ ทำทีละส่วน เพื่อไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั้น แต่หากตอนนี้ยังไม่มี Next Big Goal ก็ไม่เป็นไร แค่ลองใช้ชีวิตให้หลากหลาย หมั่นหาความรู้ ค้นหาในสิ่งที่ชอบและถนัด แล้วเราก็จะได้รู้จักตัวเองดีขึ้นในที่สุด" พีรเดช ยกตัวอย่างเสริม
อย่างในอดีต เขามีความสนใจในหลายอุตสาหกรรมมาก ช่วงที่เข้าสู่วงการ IT ใหม่ๆ ก็มีเป้าหมายย่อยหลายอย่างที่อยากทำ เช่น อยากรู้ว่าเด็ก MBA เขาเรียนอะไรกัน ก็จะไปหาคอร์สเรียนกับหนังสือที่เด็ก MBA ใช้เรียนมาศึกษาเอง รวมถึงด้าน Coding หรือการเขียนโปรแกรม ที่อยากเข้าใจด้วยว่าอะไรมันทำงานอย่างไร โดยเฉพาะหากต้องบริหารมันหรือสร้างผลิตภัณฑ์ด้านนี้ ก็ยิ่งต้องเข้าใจเนื้อในว่ามันเป็นอย่างไร เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ผู้อื่นเห็นว่าเขาสามารถทำได้
พีรเดช มองว่า อีกสิ่งที่สำคัญคือ "grit" หมายถึง การไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ประสบการณ์บางอย่างมันก็แค่เรื่องยากเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่ทำต่อมันก็ไม่สำเร็จ ซึ่งเขามองว่าเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เรื่องที่ใหม่มากๆ มักจะยากสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้น ไม่อยากให้ทุกคนมองความยาก เป็นเรื่องที่แปลกหรือผิดปกติ แต่ควรจะต่อสู้กับมัน เพื่อค้นหาตนเอง และไปสู่ "Next Big Goal" ในท้ายที่สุด