“สมัครงานล้างแค้น” เทรนด์ใหม่เจน Z ร่อนใบสมัครไปทั่ว เพราะถูกมองข้าม-ด้อยค่า
“สมัครงานล้างแค้น” (Rage Applying) เทรนด์ใหม่ของแรงงานวัย “เจน Z” ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมองข้ามและไร้คุณค่าต่อองค์กร จนต้องยื่นใบสมัครหลายแห่ง เพื่อหวังจะหนีออกจากบริษัทไม่เห็นค่าของตน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือน รีบตัดสินใจรับงานใหม่ อาจไม่ใช่เรื่องดี
สมัยยุคก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด หากพนักงานออฟฟิศมีวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย หรือคิดว่าทนไม่ไหวกับการทำงาน แม้แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็ยังถูกเผาไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาอาจตัดสินใจลาออกจากงานแบบหุนหันพลันแล่น พร้อมเก็บข้าวของโยนลงกล่องออกไปวันนั้นเลย แต่ทุกวันนี้ที่การทำงานมีทั้งแบบไฮบริด ผสมผสาน และทำงานจากระยะไกลเป็นหลัก ทำให้เหล่าพนักงานใช้การ “สมัครงานล้างแค้น” แทน
“สมัครงานล้างแค้น” หรือ Rage Applying เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหมู่พนักงานชาวเจน Z ที่ไม่มีความสุขในการทำงานปัจจุบัน เพราะพวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมองข้ามและไร้คุณค่าต่อองค์กร ไม่เป็นที่รู้จักในหน่วยงานและไม่เคยไม่รับคำชม จึงทำให้พวกเขาสมัครงานไปทั่ว เพื่อระบายความคับข้องใจ
เทรนด์นี้คล้ายกับ “การลาออกครั้งใหญ่” (The Great Resignation) ที่ใช้การตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการลงมือสมัครงานใหม่ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และกลายเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เจอที่ทำงานใหม่ที่แย่กว่าเก่าก็ได้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต้องออกโรงเตือน
- “สมัครงานล้างแค้น” มาจากไหน?
ในโลกแห่งการทำงาน พวกเราทุกคนต่างต้องเจอกับวันแย่ ๆ ด้วยกันทั้งนั้น แต่บางครั้งวันเหล่านั้นก็เลวร้ายเกินกว่าที่จะรับไหว จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากทนทำงานที่นี่อีกต่อไป จึงใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการร่อนใบสมัครไปทั่วทุกเว็บไซต์หางาน โดยไม่ได้คิดอะไรเยอะ แถมยังทำให้รู้สึกดีขึ้นอีกด้วย
เทรนด์ดังกล่าว เริ่มขึ้นจากผู้ใช้งาน TikTok รายหนึ่งโพสต์คลิป “ฉันโมโหที่บริษัทมาก เลยสมัครงานด้วยความโกรธไป 15 แห่ง และมันช่วยให้ฉันได้งานที่เงินเดือนเพิ่มขึ้น 25,000 ดอลลาร์ แถมเป็นที่ที่น่าทำงานด้วยมาก นั่นแหละ จงสมัครงานล้างแค้นไป จะกว่าคุณจะเจองานที่ใช่”
ปัจจุบันวิดีโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านครั้ง มีคนกดถูกใจมากกว่า 300,000 ครั้ง และมีคนคอมเมนต์มากกว่า 3,000 ครั้ง โดยคนส่วนใหญ่ระบุว่าได้นำวิธีนี้ไปใช้ และได้ผลจริง แน่นอนว่ามันอาจช่วยให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเรียนรู้ในตำแหน่งงานใหม่ ๆ แต่การสมัครงานแบบหว่านแหมันจะดีจริง ๆ หรือ?
แจ็ค เคลลี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ The Compliance Search Group บริษัทจัดหาพนักงานและสรรหาบุคลากร เป็นกังวลกับเทรนด์ดังกล่าวว่าอาจจะทำให้หลายคนต้องติดอยู่กับงานที่ตนไม่ได้อยากทำจริง ๆ ในระยะยาว
“คุณต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจหางานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้คุณอาจรีบคว้าข้อเสนอที่ดีเอาไว้ เพราะต้องการจะหนีจากบริษัทเดิม จนไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน ว่าแท้จริงแล้วคุณต้องการอะไรกันแน่” เขากล่าวเสริม
- อยากเปลี่ยนงาน ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องคิดให้ดี
ความผันผวนทางเศรษฐกิจยังส่งผลให้หลายบริษัทประกาศปลดพนักงาน ส่งผลให้พนักงานบางส่วนเริ่มไม่ไว้ใจในหน้าที่การงานของตน เริ่มหาแผนสำรองไว้ในกรณีที่พวกเขาตกงาน ด้วยการสมัครงานหลาย ๆ แห่ง จนเกิดเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “Career Cushioning” ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากการสมัครงานล้างแค้นเท่าใดนัก
เจน ลิมม์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขในที่ทำงาน แนะนำว่า หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในอาชีพ อย่ารีบชิงลาออกจากงาน หรือสมัครงานหลายแห่งเอาไว้ เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้วใน “การสำนึกผิดครั้งใหญ่” (The Great Remorse) ที่ออกจากงานเก่าแล้วดันไปได้งานใหม่ที่ไม่ชอบ
“แทนที่จะหนีไปตายเอาดาบหน้า ควรอดทนไว้ก่อน และไปคุยกับหัวหน้าเกี่ยวกับความกังวลในตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณ และดูว่าพวกเขามีนโยบายหรือมีอะไรรับประกันหรือไม่”
สอดคล้องกับความเห็นของ พอล รูเบินสไตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคล ของ Visier บริษัทวิเคราะห์และเก็บข้อมูลบุคคลกล่าวว่า “หากนายจ้างไม่ความเชื่อมั่นแล้ว พนักงานจะคิดว่าบริษัทกำลังอยู่ในจุดวิกฤติและจะต้องเกิดหายนะขึ้นแน่ ๆ ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความวิตกกังวล และทำให้เกิดการสมัครงานล้างแค้นขึ้น”
ขณะที่ เคลลี เผยว่า การสื่อสารที่น้อยไป หรือการสื่อสารที่ผิดพลาดมักเป็นสาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือสภาพแวดล้อมในที่ทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงาน หรือระหว่างหัวหน้าและพนักงาน
ถึงแม้จะบอกว่าการสมัครงานล้างแค้นนั้นเกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบ แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นความรู้สึกแย่ต่องานที่ทำและองค์กรที่สะสมมาเนิ่นนานและรอวันปะทุ ดังนั้นจึงอาจพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าการสมัครงานล้างแค้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คิดมาก่อน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้พิจารณารับงานใหม่ให้ถี่ถ้วน ให้นานกว่าตอนที่ตัดสินใจสมัครงาน ก่อนที่จะรับข้อเสนองานใด ๆ ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องการจะทำจริงหรือไม่
“คุณไม่จำเป็นต้องรับงานเพียงเพราะว่าเขาเสนอ คุณเลยสนอง แต่คุณควรไปสัมภาษณ์งานหลาย ๆ ที่ดูก่อน นี่ตังหากที่จะทำให้คุณได้เปรียบและเฉียบแหลมขึ้น เพราะจะทำให้คุณได้เปรียบเมื่อรู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหนของตลาดงาน และทักษะที่คุณมี เป็นสิ่งนายจ้างกำลังตามหาอยู่หรือไม่” ลิซ ไรอัน ซีอีโอของ Human Workplace บริษัทฝึกสอนและที่ปรึกษากล่าว
ท้ายที่สุดแล้วการสมัครงานล้างแค้นอาจจะทำให้คุณได้พบกับเจ้านายใหม่ที่ดี ค่าตอบแทนที่สูง และเป็นงานในฝันที่คุณต้องการ แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือคุณต้องเตรียมตนเองให้พร้อมอยู่เสมอ ทั้งการอัปเดตเรซูเม่และการเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพราะฝ่ายนายจ้างก็เป็นคนเลือกคุณด้วยเช่นกัน