ปีใหม่ งานใหม่ ทำไมหลายคนเลือก ‘ลาออก’ เดือน ‘ธันวาคม’ ?
การ “ลาออก” ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พบได้ทั่วไปในทุกองค์กร แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพอถึงช่วงสิ้นปี เพื่อนร่วมงานบางคนก็เริ่มวางแผนลาออก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากเริ่มงานใหม่ในปีใหม่ แต่แท้จริงอาจแล้วมีเหตุผลมากกว่านั้น
Key Pionts:
- ช่วง “สิ้นปี” โดยเฉพาะ “ธันวาคม” ถือเป็นเวลาที่พนักงานบางคนวางแผนที่จะ “ลาออก” เพื่อที่จะได้เริ่มงานใหม่ในช่วงต้นปี ทำให้เป็นช่วงที่เริ่มมีตำแหน่งงานว่างเพิ่มมากขึ้นด้วย
- บางองค์กรมักเลือกจ่าย “โบนัส” ให้พนักงานในเดือนธันวาคม ดังนั้นพนักงานที่มีแผนจะลาออกอยู่แล้วก่อนหน้านี้ จึงรอลาออกหลังจากได้รับโบนัส เพราะมองว่าเป็นสวัสดิการที่สมควรได้
- ไม่ใช่แค่มีตำแหน่งงานให้เลือกเยอะเพียงอย่างเดียว แต่สิ้นปีเป็นช่วงที่หลายคนทบทวนตัวเองโดยเฉพาะการทำงานที่ผ่านมา หรือต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำให้ตัดสินใจลาออกได้ง่ายขึ้น
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมพอถึงช่วงสิ้นปีถึงเป็นช่วงที่เพื่อนร่วมงานในองค์กร ยื่นใบ “ลาออก” หลายคน ? ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้งานใหม่ หรือหมดไฟในการทำงานไปแล้ว แต่ก็ยังมีเหตุผลอื่นที่บางคนอาจไม่รู้ นั่นก็คือ เดือน ม.ค. - ก.พ. เป็นช่วงที่องค์กรต่างๆ เริ่มทยอยรับพนักงานใหม่ รวมถึงเปิดรับตำแหน่งใหม่เพิ่มเติม และองค์กรเดิมที่ทำงานอยู่ส่วนมากมักจ่ายเงินโบนัสในเดือน ธ.ค. ทำให้พนักงานบางคนที่มีความต้องการเปลี่ยนงานอยู่แล้วเลือกลาออกในช่วงนี้
การตัดสินใจ “ลาออก” ในเดือน ธ.ค. ไม่ได้มีแค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ในต่างประเทศอย่างสหรัฐ หรืออังกฤษ ก็เคยมีรายงานว่าพนักงานลาออกมากที่สุดในช่วงสิ้นปีเช่นกัน
- รอรับโบนัสก่อน ค่อยลาออกไปเริ่มงานใหม่
“โบนัส” เป็นสวัสดิการพิเศษที่นายจ้างตกลงจ่ายให้ลูกจ้างเพื่อเป็นรางวัลตอบแทน นอกเหนือจาก “เงินเดือน” จึงไม่ถือว่าเป็นค่าจ้าง และนายจ้างก็สามารถกำหนดจำนวนเงินหรือช่วงเวลาการจ่ายเงินได้ตามที่องค์กรเห็นสมควร โดยเฉพาะในปีที่องค์กรมีผลประกอบการดี การทำงานเป็นไปตามเป้าหมาย หรือมี “กำไร” ก็จะทำให้พนักงานมีโอกาสได้รับโบนัสมากขึ้น
หลายองค์กรมักเลือกจ่ายโบนัสให้พนักงานในช่วงสิ้นปีไปจนถึงต้นปี เพราะถือเป็นการตอบแทนพนักงานที่ทำงานเพื่อองค์กรมาตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นการจูงใจให้พนักงานอยู่ทำงานต่อกับองค์กรต่อไป
แม้ว่าโบนัสจะสามารถจ่ายช่วงไหนก็ได้ เช่น รายปี, รายครึ่งปี, รายสี่เดือน หรือรายสามเดือน แต่องค์กรส่วนมากมักจ่ายเป็น “รายปี” ในช่วง “สิ้นปี” เพราะต้องวัดผลประกอบการขององค์กรเสียก่อน รวมถึงผลงานของพนักงานก่อน ในหลายองค์กรจึงเลือกจ่ายโบนัสในเดือน ธ.ค. หรือไม่ก็ไปจ่ายในช่วงต้นปีอย่างเดือน ม.ค. หรือ ก.พ. เพราะฉะนั้นใครที่กำลังคิดจะลาออกหรือเปลี่ยนงานจึงมักรอรับโบนัสก่อนแล้วค่อยไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่น แต่ก็ไม่ได้มีแค่เหตุผลนี้เท่านั้นที่ทำให้ช่วงสิ้นปีเป็นเวลาที่ใครบางคนตัดสินใจลาออก
- ปีใหม่ งานใหม่ มีตำแหน่งงานมากมายให้เลือกสมัคร ?
ข้อมูลจาก Enhancv ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานของบัลแกเรียแนะนำว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการ “ลาออก” คือเดือน ธ.ค. เพราะเป็นเวลาที่มีพนักงานลาออกจากหลายองค์กรเป็นจำนวนมาก ทำให้มีตำแหน่งงานว่างจำนวนมากขึ้นเช่นกัน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเลือกงานในตำแหน่งใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสที่จะได้งานมากขึ้น แต่การลาออกก็จำเป็นต้องวางแผนและแจ้งล่วงหน้าด้วย เพื่อให้องค์กรสามารถหาคนมาทำงานในตำแหน่งเดิมได้ทันเวลา
นอกจากนี้ในช่วงเริ่มต้นของปี ไม่ว่าจะเป็นเดือน ม.ค. หรือ ก.พ. ยังถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการสัมภาษณ์งานใหม่ เพราะในช่วงหลังหยุดยาวปีใหม่การทำงานในองค์กรต่างๆ ยังค่อนข้างราบรื่น ไม่มีเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัวเท่าไรนัก รวมถึงเป็นช่วงที่ผู้บริหารหรือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจรับพนักงานใหม่เข้ามาที่ออฟฟิศบ่อยๆ ทำให้การสัมภาษณ์และตัดสินใจรับเข้าทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าช่วงอื่นของปี
แม้แต่ในเว็บไซต์หางานยอดนิยมของไทยเองอย่าง JobsDB ยังแนะนำว่า เทคนิคการส่งใบสมัครงานที่มีโอกาสจะได้งานสูงก็คือ ส่งในช่วงปลายเดือน ธ.ค. เพื่อที่เมื่อเปิดต้นปีมา ใบสมัครงานของเราจะอยู่ในลำดับแรกๆ ในการคัดกรองใบสมัครงานของ HR และหากผ่านการคัดเลือกก็มีสิทธิ์จะได้เริ่มงานตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ.
ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก The Washington Post ระบุว่า ในช่วงปลายปี 2021 มีชาวอเมริกันประมาณ 4.3 ล้านคนลาออกจากงาน โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม และจากรายงานของ “สำนักงานสถิติแรงงาน” พบว่า มีตำแหน่งงานว่างถึง 10.9 ล้านตำแหน่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนเริ่มมองหางานที่รายได้ดีกว่า สวัสดิการดีกว่า หรือมีการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ถึงจะผ่านช่วงเวลาที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักไปแล้ว แต่ในช่วงสิ้นปี 2022 ที่ผ่านมา ก็ยังพบว่าเป็นช่วงที่มีพนักงานลาออกเป็นจำนวนมากอยู่ดี และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐเท่านั้น ข้อมูลจาก Joblu ระบุว่า มีพนักงานลาออกเป็นจำนวนมากในอังกฤษ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ขณะที่พนักงานในสิงคโปร์มากกว่าร้อยละ 50 วางแผนว่าจะลาออกในเดือน ม.ค.
- วันหยุดยาว-พักร้อน มีผลต่อการตัดสินใจลาออก ?
อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจว่าทำไมเดือน ธ.ค. จึงกลายเป็นเดือนแห่งการลาออก ก็คือ บางคนยังรู้สึกไม่พอใจกับคุณภาพของการลาพักร้อน หรือวันหยุดประจำปี เพราะจากการสำรวจของ Visier พบว่าในปี 2021 พนักงานหลายคนเปิดเผยว่าพวกเขามีแนวโน้มที่คิดจะลาออกจากงานในช่วงลาพักร้อนหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานที่ตอบแบบสำรวจคิดที่จะลาออกในช่วงพักร้อน และอีกร้อยละ 44 ของพนักงานเหล่านั้นก็ลาออกหลังลาพักร้อนจริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้ใครบางคนตัดสินใจลาออกในช่วงปลายปี เช่น
1. ปณิธานปีใหม่
เหตุผลแรกที่พนักงานส่วนใหญ่มองว่าเดือน ธ.ค. คือเดือนที่ดีที่สุดในการลาออกก็เพราะเดือน ม.ค. กำลังจะมาถึง และถือว่าเป็นเดือนที่มีความคาดหวังมากมาย เหมาะแก่การเปลี่ยนแปลงตัวเอง และวางแผนชีวิตใหม่ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นการหางานใหม่ที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองก็ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายปีใหม่ด้วย
2. การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เดือน ธ.ค. เป็นเดือนที่หลายคนเลือกที่จะเปลี่ยนงาน เพราะเป็นอีกช่วงหนึ่งของปีที่มีการแต่งงานกันมากที่สุด (รวมถึงการเลิกรา) ดังนั้นบางคนอาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือย้ายบ้านหลังแต่งงาน ทำให้ต้องพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนงานด้วยเช่นกัน
3. สะท้อนภาพการทำงานที่ผ่านมาทั้งปีในช่วงวันหยุด
เมื่อหลายคนเริ่มเตรียมตัวสำหรับวันหยุด ก็มักจะมีเวลาไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านมามากขึ้น และถ้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับงานตลอดทั้งปี ในช่วงเวลานี้ก็จะเป็นการตกผลึกความคิดโดยเฉพาะการตัดสินใจลาออก
4. หมดหวังกับงานที่จะตามมาหลังปีใหม่
ข้อนี้จะต่อยอดมาจากการตกผลึกความคิด เพราะเมื่อไม่พอใจกับงานของตัวเอง และคิดว่าอาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังหยุดปีใหม่ ทำให้การตัดสินใจลาออกเป็นไปได้ง่ายขึ้น
นอกจากเดือน ธ.ค. - ก.พ. ที่หลายคนมักใช้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการทำงาน อีกหนึ่งเดือนที่ได้รับความนิยมในการ “ลาออก” ไม่แพ้กันก็คือเดือน ก.ค. เพื่อที่จะรู้ว่าจะผ่านการทดลองงานก่อนสิ้นปีหรือไม่ ถ้าผ่านก็จะได้อยู่ต่อยาวๆ แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะได้หางานใหม่ได้ทัน หรือไม่ก็จะได้มีช่วงเวลาหยุดพัก 1-2 เดือน แล้วค่อยกลับมาตั้งต้นใหม่
ท้ายที่สุดนี้การ “ลาออก” ไม่ได้มีหลักเกณฑ์หรือช่วงเวลาตายตัว เพราะจากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นนั้นก็เป็นเพียงการสำรวจว่าช่วงไหนที่ลาออกแล้วจะมีโอกาสได้งานใหม่สูงขึ้น แต่ถ้าเราตัดสินใจดีแล้วว่าต้องการลาออก หรือมีงานใหม่ที่น่าสนใจและเหมาะกับตัวเองเข้ามาพอดี ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ลาออกได้โดยไม่ต้องรอเดือนที่เหมาะสม แต่ก็ต้องวางแผนให้ดีเพื่อไม่ให้กระทบกับองค์กรและเพื่อนร่วมงานที่ต้องรับช่วงงานต่อจากเรา
อ้างอิงข้อมูล : Enhancv, JobsDB, Joblu, Visier, The Washington Post, My Business และ กฎหมายแรงงานฯ