‘LISA BLACKPINK’ เจ้าแม่ Brand Ambassador ลูกรักแบรนด์หรูระดับโลก
นอกจากงานเพลงที่โกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว “LISA BLACKPINK” ยังเป็นลูกรักของแบรนด์หรูระดับโลกอีกมากมาย และมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับแบรนด์เหล่านั้น จนทำให้เธอขึ้นแท่นศิลปินหญิงที่มีรายได้สูงตามไปด้วย
Key Points:
- “LISA BLACKPINK” ไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่ในวงการเพลงเท่านั้น แต่ในแวดวงแฟชั่นเธอก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะรับหน้าที่เป็น “Global Brand Ambassador” ให้กับแบรนด์ดังมากมาย
- ไม่ใช่แค่แบรนด์แอมบาสเดอร์เท่านั้น แต่ลิซ่ายังมีผลงานการออกแบบร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะสินค้าที่มีจำนวนจำกัดที่เป็นคอลเลกชันของตัวเอง
- อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้ลิซ่าขึ้นแท่นลูกรักแบรนด์หรูก็คือ สินค้าที่เธอสวมใส่ออกสื่อ ไม่ว่าจะมีราคาสูงแค่ไหน ก็ขายหมดได้ในเวลาเพียงไม่นาน เช่น สร้อยคอ B.Zero1 ราคา 62,000 ดอลลาร์ ที่ถูกจองจนหมดเกลี้ยงในเวลาเพียง 5 วัน
นอกจาก “LISA BLACKPINK” หรือ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล จะประสบความสำเร็จในฐานะศิลปิน K-POP ทั้งผลงานเดี่ยวและเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังระดับโลก รวมถึงได้เข้าร่วมการแสดงคาบาเรต์ชื่อดังระดับตำนานอย่าง Crszy House แล้ว อีกหนึ่งบทบาทที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ การเป็น “Global Brand Ambassador” ของแบรนด์สินค้าและบริการมากมาย โดยเฉพาะสินค้าระดับ Luxury Brands ส่งผลให้เธอมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก South China Morning Post ระบุว่า ลิซ่ามีทรัพย์สินรวมสุทธิอยู่ที่ประมาณ 14,000,000 ดอลลาร์ หรือ 499,212,000 บาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2023) ทำให้เธอมีรายได้รวมมากเป็นอันดับ 3 ของสมาชิก BLACKPINK ทั้ง 4 คน โดยอันดับ 1 ได้แก่ JISOO (จีซู) 20 ล้านดอลลาร์, โรเซ่ (ROSÉ) 18 ล้านดอลลาร์ และ เจนนี่ (JENNIE) 10 ล้านดอลลาร์
- LISA ไม่ได้ดังแค่งานเพลง แต่ยังสุดปังในฐานะตัวแทนแบรนด์หรู
แม้ว่า LISA BLACKPINK จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะศิลปินหญิงมากความสามารถ ที่นอกจากผลงานที่มีร่วมกับวงแล้ว เพลงโซโล่อย่าง “Lalisa” ก็เป็นมิวสิกวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดบน YouTube ภายใน 24 ชั่วโมง หลังเปิดตัวในปี 2019 ด้วยจำนวนการดู 74 ล้านครั้ง ทำให้สถิติของเพลง Me! จาก Taylor Swift ถูกทำลายลง และผลงานโซโล่ของเธอก็ทำให้คว้ารางวัลระดับโลกอย่าง MTV VMAs และ MTV EMAs มาได้
ไม่ใช่แค่งานเพลงและการทัวร์คอนเสิร์ตเท่านั้น แต่มีรายงานอีกว่าเธอมีรายได้ประมาณ 200,000 ดอลลาร์ (7,032,000 บาท) จากการโพสต์ภาพหรือคลิปวิดีโอกับสินค้าของแบรนด์ต่างๆ ลงบนอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อการโปรโมต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลิซ่าถือเป็นศิลปิน K-POP ที่มีการรับรองโดย Guinness World Records ว่ามีผู้ติดตามในอินสตาแกรมสูงสุดที่ 86.9 ล้านฟอลโลเวอร์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์ต่างๆ เลือกลิซ่ามาเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ เพราะนอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ได้ดีแล้ว ยังส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วโลกมองเห็นสินค้าได้ไม่ยาก
มากไปกว่านั้น ศิลปินดังอย่าง “LISA BLACKPINK” ไม่ได้รับโปรโมตสินค้าเฉพาะแบรนด์ทั่วไปเท่านั้น แต่ในตลาดของ “แบรนด์หรู” ก็ถือว่าเป็น “Global Brand Ambassador” ที่น่าจับตามองเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ลิซ่ามีโอกาสได้ร่วมออกแบบสินค้ากับแบรนด์หรูเหล่านั้นอีกด้วย หรือแม้แต่สร้อยคอราคาเหยียบแสนที่เธอใส่โปรโมตก็ขายหมดภายในเวลาเพียง 5 วัน สร้างรายได้ให้กับแบรนด์มากถึงประมาณ 2,000 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์หรูที่ลิซ่ารับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในหมวดเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ ได้แก่ Celine, Bvlgari และ Prada
ลิซ่าในงาน Prada FW2020 (VOGUE)
- การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ปัจจัยสำคัญดันรายได้แบรนด์พุ่ง
แม้ว่าหน้าที่หลักของการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จะเน้นไปที่การโปรโมตสินค้า เช่น ถ่ายแบบ เดินแบบ หรือนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกสื่อ เช่น คอนเสิร์ต รายการต่างๆ และถ่ายทำมิวสิควิดีโอ แต่สำหรับ LISA BLACKPINK นอกจากหน้าที่เหล่านั้นแล้ว เธอยังมีส่วนร่วมสำคัญในการออกแบบสินค้าอีกด้วย
เหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาในแวดวงแบรนด์หรูได้ไม่น้อยก็คือ การร่วมออกแบบนาฬิการุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หรูอย่าง “BVLGARI” ที่มีเพียงแค่ 1,000 เรือนเท่านั้น และที่สำคัญไฮไลต์ของนาฬิกาเรือนนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวและความเป็นตัวตนของลิซ่า ด้วยการเลือก “ดอกเอเดลไวส์” ที่เธอชื่นชอบมาสลักที่ด้านหลังของนาฬิกาพร้อมกับตัวอักษร “L” ซึ่งมาจากชื่อของเธอ
นาฬิกา BVLGARI BVLGARI X LISA (Lofficiel)
สำหรับดอกเอเดลไวส์ถือว่าเป็นดอกไม้ที่สามารถผลิบานได้แม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วกลางเทือกเขาแอลป์ที่มีความหนาวเย็นและมีแสงแดดจัด ในส่วนของตัวเรือนนั้นทำจาก โรสโกลด์ 18k และมีความโดดเด่นอยู่ที่หน้าปัดนาฬิกาสีเขียวอมฟ้า มีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาดหน้าปัด 33 มิลลิเมตร 700 เรือน ราคาเรือนละ 238,000 บาท และขนาด 23 มิลลิเมตร 300 เรือน ราคาเรือนละ 208,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้นแต่เมื่อครั้งที่ลิซ่าได้เข้าร่วมงานสำคัญของวงการแฟชั่นของแบรนด์ BVLGARI ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ กับงาน “Bulgari Eden The Garden of Wonders” พร้อมสวมใส่สร้อยคอ B.Zero1 ในการโปรโมตแบรนด์ ซึ่งสร้อยเส้นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสินค้ารุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตเพียงแค่ 600 เส้นเท่านั้น มีราคาอยู่ที่เส้นละ 62,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,184,260 บาท) แต่กลับถูกจองจนหมดเกลี้ยงภายใน 5 วัน สร้างรายได้ให้ BVLGARI มากกว่า 1,300 ล้านบาท และยังส่งผลให้เครื่องประดับชิ้นอื่นของแบรนด์ถูกจับจองไปด้วย ทำให้แบรนด์โกยรายได้ไปมากกว่า 2,000 ล้านบาท
อีกหนึ่งแบรนด์หรูในเครืออาณาจักรแฟชั่นระดับโลก LVMH อย่าง “Celine” ก็ดึงลิซ่ามาร่วมงานในฐานะ Global Brand Ambassador เช่นกัน และยังส่งกระเป๋ารุ่น “AVA TRIOMPHE BAG IN TRIOMPHE CANVAS AND CALFSKINTAN” ให้เธอได้ถือเป็นคนแรกของโลก ก่อนที่กระเป๋าจะวางขายจริงเสียอีก รวมถึงเคยส่งกระเป๋าที่มีอยู่เพียงแค่ 3 ใบในโลกให้กับลิซ่าอีกด้วย เพราะก่อนหน้านี้ด้วยความโด่งดังบวกกับสไตล์การแต่งตัวของลิซ่าทำให้สินค้าแต่ละชิ้นของ Celine ที่ลิซ่านำมาใช้ก็ขายดีจนหมดเกลี้ยงทุกรุ่น โดยเฉพาะในทวีปเอเชียที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญของเครือ LVMH
ลิซ่าและกระเป๋ารุ่น AVA TRIOMPHE BAG IN TRIOMPHE CANVAS AND CALFSKINTAN (แพรว)
อ่านข่าว :
‘CELINE’ จากร้านรองเท้าเด็ก สู่แบรนด์ดัง ที่ Lisa BLACKPINK ช่วยดันให้ปัง
นอกจากเสื้อผ้าและเครื่องประดับแล้ว เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ปี 1984 และมีสินค้าขายดีเป็นลิปสติกหลากหลายเฉดสีอย่าง “M.A.C Cosmetic” ก็มีลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เช่นเดียวกัน โดยลิซ่ายังร่วมงานกับแบรนด์เปิดตัวคอลเลกชัน M.A.C. X L ออกมาอีกด้วย
ลิซ่าและ M.A.C. X L (K Popping)
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแบรนด์ที่ “LISA BLACKPINK” รับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยแต่ละแบรนด์ก็เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์หรูชั้นนำระดับโลกที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างมากสำหรับวงการแฟชั่น
ท้ายที่สุดนี้ แม้ว่ารายละเอียดการต่อสัญญาของลิซ่าและ YG ค่ายต้นสังกัดจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะออกมาในรูปแบบใด หลังมีความคลุมเครือมาตั้งแต่ช่วงต้นปี (แม้ว่าจะต่อสัญญาแบบวงไปแล้ว) แต่เราก็ยังเห็นลิซ่าออกงานและโปรโมตสินค้าต่างๆ ที่เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาตลอด โดยเฉพาะการออกงานเดี่ยวแม้ว่าก่อนหน้านี้ BLACKPINK จะมีแบรนด์ที่เป็นพรีเซนเตอร์ร่วมกัน แต่ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนปล่อยแคมเปญที่มี 4 สาวพร้อมหน้ากันออกมา จึงมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าแบรนด์หรูต่างๆ เลือกที่จะทำสัญญากับลิซ่าเป็นการส่วนตัวหรือไม่
อ้างอิงข้อมูล : South China Morning Post, Sportskeeda, Yahoo, Stylecaster และ Nation