ประกาศแล้ว! 6 ร้านใหม่คว้า 'ดาวมิชลิน' ปี 2567 ด้าน 'เจ๊ไฝ' ยังได้ 1 ดาวอีกปี
เปิดโผ 6 ร้านใหม่คว้า 1 ดาว #มิชลิน ครั้งแรก! ในปี 2567 ด้านร้าน “เจ๊ไฝ” ยังคงรักษา 1 ดาวไว้ได้ต่อเนื่อง ขณะที่ร้านอาหารน้องใหม่คว้า 2 ดาวมิชลินได้เป็นครั้งแรก คือ Gaa (กา) และ Baan Tepa (บ้านเทพา)
วันนี้ (13 ธ.ค. 67) “มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย” ประกาศผล “รางวัลมิชลิน” ประจำปี 2567 ภายใต้ชื่องาน “Michelin Guide Ceremony 2567” โดยบรรยากาศในงานประกาศผลเป็นไปด้วยความคึกคัก อีกทั้งมีร้านน้องใหม่ที่เพิ่งจะคว้า 1 ดาวมิชลินได้เป็นครั้งแรกถึง 6 ร้านด้วยกัน ส่วนร้านเจ๊ไฝยังคงครอง 1 ดาวมิชลินไว้ได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้
ขณะที่ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสุดหรูที่คว้ารางวัล 2 ดาวมิชลิน มีด้วยกันทั้งหมด 7 ร้าน แบ่งเป็นร้านน้องใหม่ 2 ร้าน (ขยับเลื่อนขึ้นมาจากร้านที่เคยได้ 1 ดาวมิชลิน) และร้านเดิมอีก 5 ร้านที่ยังคงรักษา 2 ดาวเอาไว้ได้ต่อเนื่องอีกปี
- ร้านน้องใหม่ที่สามารถคว้า 1 ดาวมิชลินได้เป็นครั้งแรกในปี 2567
สำหรับร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน หรือ High quality cooking, worth a stop หมายถึง ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม โดยปีนี้มีร้านอาหารน้องใหม่ที่สามารถคว้า 1 ดาวมิชลินมาครองได้สำเร็จ ได้แก่
1. Inddee (อินดี) กรุงเทพฯ ร้านอาหารอินเดียน้องใหม่ ตั้งอยู่ที่ซอยหลังสวน นำเสนออาหารอินเดียสมัยใหม่
2. Samrub Samrub Thai (สำรับสำหรับไทย) กรุงเทพฯ ร้านอาหารไทยของเชฟปริญญ์ ตั้งอยู่ในซอยยมราช ย่านสีลม
3. Resonance (เรโซแนนซ์) กรุงเทพฯ เป็นร้านเชฟเทเบิลไฟน์ไดนิ่ง อยู่ในซอยชัยพฤกษ์ (สุขุมวิท 65)
4. Nawa (นว) กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในโครงการ Parklane Ekkamai (สุขุมวิท 61)
5. Mia (มีอา) กรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นในบ้านสไตล์เอเชีย ตั้งอยู่ที่ซอยเล็กๆ ด้านหลัง K-Village มีชั้นล่างเป็นบาร์
6. Wana Yook (วรรณยุค) กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในโครงการ 515 Victory ถนนพญาไท ย่านราชเทวี
- ร้านอาหารสุดหรูน้องใหม่ที่ได้รับ “รางวัล 2 ดาวมิชลิน” เป็นครั้งแรกในปี 2567
สำหรับร้านอาหาร 2 ดาวมิชลิน หรือ Excellent cuisine, worth a detour หมายถึง ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม ซึ่งร้านน้องใหม่ที่เพิ่งจะได้ 2 ดาวปีนี้เป็นปีแรก! ได้แก่
1. Gaa (กา) กรุงเทพฯ
2. Baan Tepa (ร้านบ้านเทพา) กรุงเทพฯ
- รางวัล Michelin Green star ในปี 2567 มีทั้งหมด 4 ร้าน
ส่วนอีกรางวัลที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ รางวัล “Michelin Green star” (Sustainable Gastronomy) เพื่อเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร โดยผู้คว้ารางวัลนี้ในปี 2567 มี 4 ร้านด้วยกัน ได้แก่
1. ร้านฮาโอมา (Haoma), กรุงเทพฯ ทำอาหารตามคอนเซ็ปต์ We grow what we cook, We cook what we love. โดยทางร้านมุ่งมั่นที่จะเป็นร้านอาหารปลอดคาร์บอนอีกด้วย
2. ร้านพรุ (PRU), ภูเก็ต ทำอาหารตามคอนเซ็ปต์ ปลูก ดูแล เข้าใจ
3. ร้านจำปา (Jampa) หรือร้านพรุจำปา, กรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารยุโรปร่วมสมัย ทำอาหารตามคอนเซ็ปต์ Zero waste ใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุดไม่ให้เหลือทิ้ง
4. ร้านแฌม บาย ฌองขมิเชล โลรองต์ (J’AIME by Jean-Michel Lorain), กรุงเทพฯ เน้นความยั่งยืนของการทำอาหารฝรั่งเศสด้วยการใช้วัตถุดิบของไทย
นอกจากนี้ในปีนี้มีการประกาศ “รางวัลพิเศษ” 4 รางวัล ให้แก่บุคลากรดีเด่นในอุตสาหกกรรมร้านอาหารบนเวที “Michelin Guide Ceremony 2567” อีกหลากหลายรางวัล ได้แก่
- รางวัลพิเศษ “Service Award” มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ 2567 ได้แก่ “หลุยส์ บูร์ชัวร์” (Louise Bourgeois) จาก ร้านเชฟส์เทเบิล (Chef’s Table)
- รางวัลพิเศษ “Young Chef Award” มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ 2567 ได้แก่ “เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ” จากร้านบ้านเทพา (Baan Tepa)
- รางวัลพิเศษ “Opening of the year award” มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ 2567 ได้แก่ “วิชชุพล เจริญทรัพย์” แห่งร้าน นว (Nawa) ที่เพิ่งเปิดตัวร้านอาหารเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา
- รางวัลพิเศษ “Sommelier award” มิชลิน ไกด์ ไทยแลนด์ 2567 ได้แก่ “ธนากร บอทอร์ฟ” จากร้าน อินดี (Inddee)
- ร้านอาหารที่เคยได้ "ดาวมิชลิน" และยังคงรักษาดาว 1 ดวงและ 2 ดวงเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากร้านอาหารที่เคยได้ 1 ดาวและยังคงรักษา 1 ดาวมิชลินไว้ได้ต่อเนื่องในปี 2567 รวมทั้งสิ้น 22 ร้าน ได้แก่
1. Jay Fai (เจ๊ไฝ) กรุงเทพฯ
2. Signature (ซิกเนเจอร์) กรุงเทพฯ
3. Nahm (น้ำ) กรุงเทพฯ
4. Igniv (อิคนิฟ) กรุงเทพฯ
5. Chim by Siam Wisdom (ชิม บาย สยาม วิสดอม) กรุงเทพฯ
6. Haoma (ฮาโอมา) กรุงเทพฯ
7. Saneh Jaan (เสน่ห์จันทน์) กรุงเทพฯ
8. Sushi Masato (ซูชิมาซาโตะ) กรุงเทพฯ
9. Aksorn (อักษร) กรุงเทพฯ
10. Canvas (แคนวาส) กรุงเทพฯ
11. 80/20 (เอ็ทตี้ ทเวนตี้) กรุงเทพฯ
12. Cadence by Dan Bark (เคเดนซ์ บาย แดน บาร์ค) กรุงเทพฯ
13. Khao Ekkamai (ข้าว สาขาเอกมัย) กรุงเทพฯ
14. Elements, Inspired by Ciel Bleu (เอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ) กรุงเทพฯ
15. Potong (โพทง) กรุงเทพฯ
16. PRU (พรุ) จ.ภูเก็ต
17. Côte by Mauro Colagreco (โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค)
18. Maison Dunand (เมซอง ดูนานด์) กรุงเทพฯ
19. Le Normandie (เลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์) กรุงเทพฯ
20. Suan Thip (สวนทิพย์) จ.นนทบุรี
21. Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) กรุงเทพฯ
22. Le Du (ฤดู) กรุงเทพฯ
ขณะที่ร้านอาหารที่เคยได้ 2 ดาว และยังคงรักษา 2 ดาวมิชลินไว้ได้ต่อเนื่องในปี 2567 มีทั้งหมด 5 ร้าน ได้แก่
1. Sorn (ศรณ์) กรุงเทพฯ
2. Mezzaluna (เมซซาลูน่า) กรุงเทพฯ
3. R-Haan (อาหาร) กรุงเทพฯ
4. Sühring (ซูห์ริง) กรุงเทพฯ
5. Chef’s Table (เชฟส์เทเบิล) กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ในปี 2567 ยังมีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ จากมิชลินไกด์จำนวน 196 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 28 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 4 ร้าน) และมีร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected จำนวน 216 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 37 ร้าน) อีกด้วย
สำหรับ Michelin Guide และรางวัลดาวมิชลิน มีต้นกำเนิดจากสองพี่น้อง André and Edouard Michelin ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตยางรถยนต์ในชื่อว่า Michelin และในช่วงนั้นกิจการของทั้งคู่เจริญรุ่งเรืองและเติบโตอย่างเต็มที่ และในปี 2432 ทั้งคู่คิดว่าควรจัดทำคู่มือสำหรับคนขับขี่รถยนต์ โดยใช้ชื่อว่า Michelin Guide เพื่อสำรวจเส้นทาง แล้วทำข้อมูลแนะนำที่เป็นประโยชน์กับนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น แผนที่ สถานที่พักผ่อน รวมไปถึงร้านอาหารด้วย
หลังจากนั้นบรรดาร้านอาหารต่างๆ ที่ได้รับคำแนะนำจาก Michelin Guide ได้กลายเป็นหนึ่งในคู่มือท่องเที่ยวของโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว โดยทาง Michelin Guide ใช้การจัดอันดับโดยให้คะแนนเป็นดาวมิชลิน ทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน และก็ยังคงใช้การให้คะแนนด้วยดาวมาจนถึงปัจจุบันด้วย ครอบคลุมการมอบรางวัลให้แก่ร้านอาหารใน 40 ประเทศทั่วโลก
โดยรางวัล “ดาวมิชลิน” ในแต่ละระดับ มีเกณฑ์การตัดสินจะวัดจาก 5 เกณฑ์หลักๆ ด้วยกัน คือ คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้, ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการรังสรรค์อาหาร, เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่นำเสนอผ่านมื้ออาหาร, ความคุ้มค่าสมราคา, ความคงที่ของรสชาติ