‘Self-Love’ ทักษะวัยทำงานยุคใหม่ กุญแจเสริมใจแกร่งช่วยเพิ่ม Productivity

‘Self-Love’ ทักษะวัยทำงานยุคใหม่ กุญแจเสริมใจแกร่งช่วยเพิ่ม Productivity

รู้จักทักษะ “Self-Love” ฝึกรักตัวเองให้มากขึ้น เสริมพลังใจแถมช่วยเพิ่ม Productivity ให้ “วัยทำงาน” สู้งานสู้ชีวิตต่อในปีหน้า 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง เริ่มจากกล้าพูดว่า “ไม่” กับสิ่งที่สูบพลังใจหรือลดคุณค่าในตัวเรา

Key Points:

  • มีงานวิจัยทางจิตวิทยาจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ค้นพบว่าทักษะ “การรักตนเอง (Self-Love)” หรือ “การเห็นอกเห็นใจตนเอง (Self-Compassion)” เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่ม Productivity ให้ผู้คนทุกเพศทุกวัย
  • ผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อตนเองในระดับสูง มักจะไม่ตัดสินตนเองจากความผิดพลาด พวกเขาตระหนักว่าความล้มเหลวนั้นเป็นประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์
  • ในโลกยุคปัจจุบันนี้ที่ชีวิตการทำงานของผู้คนตกอยู่ในความผันผวนและไม่แน่นอน นักจิตวิทยาเห็นตรงกันว่าทักษะการรักตัวเองมีความสำคัญต่อผู้คนมากขึ้น

ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนเจอกับความเหนื่อยล้าจากปัญหาต่างๆ ในชีวิตมาไม่น้อย โดยเฉพาะ “วัยทำงาน” บางคนที่มีปัญหาเรื่องหน้าที่การงานจนเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจ แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป! ชวนส่งท้ายปีเก่าแล้วเริ่มต้นปีใหม่ 2567 ด้วยสุขภาพใจที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งนักจิตวิทยาแนะวิธีเพิ่มพลังใจให้เข้มแข็ง ด้วยการฝึกทักษะ “รักตัวเอง” หรือ “Self-Love” เพื่อพัฒนาตนเองและการงานให้ดีขึ้นได้ 

‘Self-Love’ ทักษะวัยทำงานยุคใหม่ กุญแจเสริมใจแกร่งช่วยเพิ่ม Productivity

 

  • ทุกคนล้วนเคยเจอความล้มเหลว ทักษะ "การรักตัวเอง" ช่วยไม่ให้จมอยู่กับความผิดพลาด และฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว

เซเรน่า เฉิน ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อธิบายไว้ว่า วัยทำงานทุกคนล้วนเคยประสบกับความล้มเหลวในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ไม่ดี, ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง, มีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ซึ่งคนเราก็มักจะตอบสนองด้วย 2 วิธี คือ 1.ตำหนิผู้อื่น 2.ตำหนิตนเอง แต่การตอบสนองด้วยสองวิธีดังกล่าว “ไม่มีประโยชน์อย่างยิ่ง”

รู้หรือไม่? วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว คือ การใจดีต่อตนเองให้มากขึ้นหรือที่เรียกว่า “การรักตัวเอง (Self-Love)” และ “การเห็นอกเห็นใจตนเอง (Self-Compassion)” มีงานวิจัยทางจิตวิทยาจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ค้นพบว่า “การรักตนเอง” เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่ม Productivity ให้ผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันสามารถช่วยเพิ่มการเติบโตทางอาชีพการงานได้ 

โดยในกลุ่มผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อตนเองในระดับสูง มักจะมีพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดเจนอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 

1. พวกเขาใจดีกับตนเองเสมอ และไม่ตัดสินตนเองว่าเป็นคนล้มเหลวจากความผิดพลาดของตนเอง

2. พวกเขาตระหนักว่าความล้มเหลวนั้นเป็นประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์

3. เมื่อพวกเขาล้มเหลวพวกเขามักจะมีการตอบสนองทางอารมณ์ที่สมดุลทั้งเชิงบวกและเชิงลบ พวกเขาปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแย่ในระยะเวลาหนึ่ง แต่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์เชิงลบเข้าครอบงำ สามารถฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้ไว

‘Self-Love’ ทักษะวัยทำงานยุคใหม่ กุญแจเสริมใจแกร่งช่วยเพิ่ม Productivity

 

  • เมื่อรักตัวเองมากขึ้นก็อยากพัฒนาตนเองมากขึ้นตามไปด้วย ถือเป็นทักษะสำคัญของวัยทำงานยุคนี้

คริสติน เนฟฟ์ ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยาศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมืองออสติน ให้มุมมองเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า เมื่อคนเรารักตัวเองมากขึ้น ก็จะมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในอาชีพการงาน เพราะมันนำไปสู่วิธีคิดแบบ Growth Mindset ส่งผลให้วัยทำงานปรับตัวได้ดี และมีความยืดหยุ่นในการทำงานและการใช้ชีวิต จึงพูดได้ว่า “ความเห็นอกเห็นใจในตนเอง” สามรถช่วยให้ผู้คนฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้ดีกว่าคนที่ใจร้ายกับตัวเองและมีทัศนคติเชิงลบ

ขณะที่ แครอล ดเว็ก ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ก็เปิดเผยมุมมองในทิศทางเดียวกัน เขาบอกว่าผู้ที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) มักจะมองว่าลักษณะบุคลิกภาพและความสามารถ เป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ใช่สิ่งตายตัว พวกเขามองเห็นศักยภาพในการเติบโต จึงมีแนวโน้มที่จะพยายามปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน โดยใช้ความพยายามและฝึกฝนทีละเล็กทีละน้อย ตลอดจนมีความคิดบวกและมองโลกในแง่ดี ซึ่งนำไปสู่การทำงานและการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ “ทักษะการรักตนเอง” ยังสามารถช่วยให้ผู้คนมองเห็นบทบาทที่เหมาะกับบุคลิกภาพของตนมากขึ้น เกิดการปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเมตตา ความเข้าใจ และไม่ตัดสิน ช่วยให้รู้สึกมั่นใจในตนเอง ช่วยบรรเทาความกลัวจากการไม่ยอมรับทางสังคม รวมถึงทำให้คนเราเต็มใจที่จะรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตมากขึ้น (ไม่ปิดกั้นโอกาสของตนเองเพียงเพราะคิดว่าตนเองทำไม่ได้)

นักจิตวิทยาเห็นตรงกันว่าทักษะนี้เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในโลกยุคหลังโควิดระบาดที่ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ต่างหยุดชะงัก แม้บางส่วนจะเริ่มฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ทำให้ชีวิตการทำงานของผู้คนตกอยู่ในความผันผวนและไม่แน่นอน ทักษะการรักตัวเองจึงมีความสำคัญต่อผู้คนในยุคนี้มากขึ้น ข่าวดีคือ.. ทักษะนี้สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้

‘Self-Love’ ทักษะวัยทำงานยุคใหม่ กุญแจเสริมใจแกร่งช่วยเพิ่ม Productivity

 

  • ทักษะ Self-Love ฝึกกันได้ เริ่มจากกล้าพูดว่า “ไม่” กับสิ่งที่บั่นทอนจิตใจเรา

ชารอน มาร์ติน นักจิตบำบัดที่มีใบอนุญาตและนักสังคมสงเคราะห์ทางคลินิก จากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ให้คำแนะนำว่าทักษะ Self-Love หรือการรักตัวเองนั้น สามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเอง อันดับแรกให้เริ่มจากให้ระบุการกระทำอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำเพื่อตัวเองซึ่งแสดงถึงความรักตัวเองได้ แล้วจดบันทึกเอาไว้พร้อมกำหนดเป้าหมายว่าจะทำมันให้สำเร็จภายในกี่วันกี่เดือน จากนั้นฝึกฝนความคิดเชิงบวกนั้นจนนำไปสู่การกระทำที่รักตัวเองได้ในที่สุด

สำหรับตัวอย่างของแนวความคิดหรือการกระทำที่แสดงออกถึงการรักตัวเอง (Self-Love) ได้แก่ 

1. รับรู้ว่าคุณเป็นมนุษย์คนหนึ่งและสมควรได้รับความรักและการให้อภัย

2. รับรู้และยืนยันความต้องการของคุณ และสื่อสารสิ่งเหล่านั้นกับผู้อื่นอย่างชัดเจน จัดลำดับความสำคัญความเป็นอยู่ที่ดีของชีวิตคุณ และต้องกล้าพูดว่า “ไม่” กับสิ่งที่ทำให้บั่นทอนพลังงานหรือลดคุณค่าของตัวคุณ

3. ฝึกดูแลบำรุงสุขภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของตัวเองด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย ฝึกสติทำสมาธิ นอนหลับให้เพียงพอ หรือเพลิดเพลินไปกับงานอดิเรก

4. เฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม เช่น ให้รางวัลตัวเองด้วยสิ่งที่คุณชอบ มันช่วยทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งไปการเติบโตของตัวเอง หรือแบ่งปันความสำเร็จกับเพื่อนที่คุณไว้ใจหรือคนที่คุณรัก

5. ฝึกคิดและพูดคุยเชิงบวกกับตัวเอง แทนที่จะคิดหรือพูดวิจารณ์ตนเองในเชิงลบ โดยคุณต้องยืนยันและย้ำเตือนถึงจุดแข็ง ความสามารถ และความมีคุณค่าคู่ควรกับสิ่งดีๆ ในโลกนี้ด้วยตัวคุณเอง

6. ฝึกยอมรับข้อบกพร่อง นิสัยใจคอ และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง รับรู้ว่าคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและคุณค่าของคุณไม่ได้ถูกกำหนดโดยมาตรฐานภายนอกหรือการเปรียบเทียบกับผู้อื่น

7. รับรู้ไว้เสมอว่าเมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณสามารถติดต่อกับคนในครอบครัวและเพื่อนที่ไว้ใจได้ หรือแม้กระทั่งติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอความช่วยเหลือในการบำบัดจิตใจ ..นี่ไม่ใช่การแสดงความอ่อนแอ แต่เป็นการแสดงความรักตนเองที่ช่วยให้คุณได้รับการดูแลแบบถูกวิธีที่คุณสมควรได้รับ

อย่างไรก็ตาม การรักตัวเองไม่ใช่การหลงตัวเอง นักจิตวิทยาและนักบำบัดไม่สนับสนุนการยกย่องตนเองให้เหนือกว่าผู้อื่น ข้อแตกต่างคือ คนที่หลงตัวเองเชื่อว่าพวกเขาเหนือกว่าผู้อื่น ปฏิเสธที่จะยอมรับข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดของตน อีกทั้งพวกเขายังขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นด้วย ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่รักตัวเองอย่างแท้จริงจะรับรู้ถึงข้อบกพร่องของตนเอง ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและรักตัวเองแม้จะมีข้อบกพร่องก็ตาม