ชีวิตพังพินาศใน 3 วินาที | วรากรณ์ สามโกเศศ
มีข่าวหลายชิ้นมากตลอดปี 2566 ซึ่งเป็นเรื่องราวของการทำร้ายฆ่ากันด้วยอารมณ์ ผู้ที่ก่อเหตุมีทั้งวัยรุ่น วัยกลางคน วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยผู้สูงอายุมากในทุกอาชีพและทุกฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม
ถ้าหมุนเวลากลับไปได้ คนเหล่านี้คงไม่กระทำเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อหมุนเวลาไม่ได้ก็ต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกายและใจอยู่ในคุก ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเวลาเพียง “3 วินาที” เท่านั้น
ผู้ใช้นามว่าคุณ Pirom Ruayruen ได้นำข้อเขียนลงในโซเชียลมีเดียเมื่อหลายปีก่อนอย่างน่าสนใจและน่าใคร่ครวญยิ่ง ผมขออนุญาตนำมาสื่อสารต่อเพื่อเป็น “อาหารสมอง” จากการทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่จะผ่านไปนี้ หัวข้อคือ “คนดีๆ พังพินาศได้ใน 3 วินาที เพราะอะไร?”
เรื่องที่ 1 ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่ง รูปหล่อ ร่ำรวย อายุ 33 ปี ได้แต่งงานกับบุตรสาวของบุคคลในกลุ่มทุนใหญ่ เธอทั้งสวยและฉลาด อายุ 28 ปี ต่อมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรฝาแฝดชาย-หญิงน่ารักคู่หนึ่ง เขาเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ทำงานจริงจัง
คติพจน์ประจำใจคือ “...ไม่มีเรื่องใดในโลกที่เป็นเรื่องยาก ขอเพียงเราตั้งใจทำจริงเท่านั้น...” คืนหนึ่งเขาได้ขับรถเบนซ์คันเก่งท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ชนกับรถจักรยานยนต์คันหนึ่งที่ฝ่าฝืนกฎจราจร ขับย้อนศรมา เขาจึงโมโหมาก เกิดการทะเลาะกันหนักหน่วง ในที่สุดเขาโดนวัยรุ่นพาลเกเรอายุยังไม่ถึง 18 แทงตาย
เรื่องที่ 2 ดาวมหาวิทยาลัยอายุ 20 ปี ใบหน้างดงาม สูง 170 ซ.ม. ได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพ่อแม่อย่างดีตั้งแต่เด็ก เชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีหลายชนิด และชำนาญภาษาต่างประเทศ มีรอยยิ้มอันอ่อนหวาน บุคลิกสง่างาม
คติพจน์ประจำใจว่า “...เพียงแต่คุณหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง ก็จะไม่มีเงามืด...” คืนวันหนึ่ง หลังจากจัดปาร์ตี้วันเกิดแล้ว เธอได้ทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่คบกันมากกว่า 1 ปี ด้วยความโมโหเธอจึงกระโดดตึก เสียชีวิต
เรื่องที่ 3 เจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง อายุ 60 ปี ก่อร่างสร้างตัวจากมือเปล่า ในวัยหนุ่มเขาประสบความสำเร็จในตลาดการค้า ได้สร้างอาณาจักรธุรกิจของตนเอง เขาอ่านตำราพิชัยสงครามของซุนหวู่จนชำนาญ และเชี่ยวชาญการทำธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital)
คติพจน์ประจำใจคือ “...เป็นผู้นำและผู้สร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด...” คืนวันหนึ่ง หลังจากการประชุมทางวิดีโอแล้ว เขาโมโหจึงได้ด่าพนักงานระดับล่างคนหนึ่งอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธพนักงานจึงหยิบเอาที่เขี่ยบุหรี่ทุบศีรษะเขาจนกะโหลกแตกตาย ทำให้ธุรกิจของเขาถูกทุบทำลายพังไปด้วย
เรื่องทั้ง 3 ที่กล่าวข้างต้นนี้ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีจุดสำคัญที่เหมือนกันคือ “ความโมโห” ที่เกิดขึ้นใน “3 วินาที”
ทำไมมีคนจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ วางแผนไว้รอบด้าน บนโต๊ะก็แปะติดคติพจน์การดำรงชีวิตต่างๆ กินอาหาร เครื่องดื่มประเภทบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงตลอด ในสมุดบันทึกก็จดสูตรลับต่างๆ ที่ใช้เพื่อการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงเพื่อให้มีอายุยืนยาว
แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเพราะความโกรธ ความโมโห และอารมณ์ชั่ววูบใน 3 วินาทีเท่านั้น เพราะว่าใน 3 วินาทีนี้ ไม่สามารถมีสติที่จะทนได้ ทนไม่ไหว ลืมที่จะอดทน ในที่สุดก็ทำให้ผลงานที่ได้สร้างมาพังทลายจนหมดสิ้น
...การแต่งงานต้องใช้เวลาดำเนินการที่ยาวนาน พูดเรื่องหย่าใช้เวลาเพียง 3 วินาที
...การคบเพื่อนสนิทต้องใช้เวลาที่ยาวนาน ครั้นจะโกรธกันก็ใช้เวลาเพียง 3 วินาที
...การมีภาพพจน์ที่ดีต้องใช้เวลาที่ยาวนาน การพูดผิดใช้เวลาเพียง 3 วินาที
...การสำรวมต้องใช้ความอดทนที่ยาวนาน อารมณ์ชั่ววูบใช้เวลาเพียง 3 วินาที
...พี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ครับ คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่ฉลาดมาชั่วชีวิต แต่ถ้าทำเรื่องเหลวไหลเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างก็อาจพังทลายไปหมดได้
ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะมีอารมณ์โกรธหรือโมโหเกิดขึ้นในเวลาใดก็ตาม ขอให้จำไว้ว่าจงกลั้นลมหายใจ ทำจิตตัวเองให้นิ่งจริงๆ บางทีเพียง 3 วินาทีที่วิกฤติก็อาจผ่านไปได้ การใช้เวลาครุ่นคิดอย่างมีสติใน 3 วินาทีที่วิกฤตินี้ สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณได้ทั้งชีวิต
นี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไม เราต้อง “ทำสมาธิ” เพื่อผลิตพลังจิต และสะสมพลังจิตทุกวัน ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ต้องทำ ไม่ใช่ใครไหนที่ได้ประโยชน์ ตัวคุณนั่นเองแหละที่ได้ประโยชน์ ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อฝึกที่จะผ่าน 3 วินาทีที่สำคัญนี้ไปให้ได้ด้วยดี อย่ายอมให้ 3 วินาทีแห่งความโกรธ (ความโง่) และความโมโห (ความบ้า) ของคุณนี้ ทำลายชีวิตของคุณ...
“สติ” คือหัวใจของเรื่องนี้ การฝึกจิตผ่านการ “ทำสมาธิ” ช่วยสร้าง “สติ” ได้อย่างสำคัญ “สติ” ทำให้เกิดการ “ตระหนัก” ถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในชั่วขณะนั้น คนที่ทำให้ชีวิตตนเองพินาศลงก็เพราะ “ขาดสติ”
กล่าวคือกระทำไปตามอารมณ์โกรธ และโมโหที่เกิดขึ้นอย่างพลุ่งพล่านในขณะนั้น น่าเสียดายอย่างยิ่งหากสิ่งที่ได้สะสมมาตลอดชีวิตต้องพังพินาศลงในเวลาเพียง 3 วินาทีเท่านั้น.