ผลสำรวจ ชี้ “เทรนด์การทำงานไฮบริด” เติบโตทั่วอาเซียน อาคารสำนักงานหดตัวลง
ผลสำรวจ ชี้ “เทรนด์การทำงานไฮบริด” เติบโตทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ออฟฟิศปรับขนาดเล็กลง เน้นใช้อุปกรณ์สำนักงานขนาดกะทัดรัด รักษ์โลก และมีความยั่งยืน
KEY
POINTS
- ผลสำรวจ ชี้ “เทรนด์ทำงานไฮบริด” เติบโตทั่วอาเซียน ส่งผลให้ออฟฟิศหดตัวลง หลายบริษัทปรับขนาดออฟฟิศให้เล็กลง
- ออฟฟิศหรือสำนักงานยุคหลังโควิด เน้นใช้อุปกรณ์สำนักงานขนาดกะทัดรัด รักษ์โลก และมีความยั่งยืน
- เทรนด์การทำงานแบบไฮบริด ไม่ใช่เพียงกระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เป็นรูปแบบการทำงานที่จะยังอยู่และกลายเป็นส่วนสำคัญในไลฟสไตล์ของการทำงานในอนาคตข้างหน้า
เมื่อเร็วๆ นี้ “เอปสัน สิงคโปร์” เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานยุคใหม่ และทิศทางการปรับตัวของออฟฟิศด้านการใช้อุปกรณ์สำนักงาน พบว่า เทรนด์การทำงานแบบ “ไฮบริด” หรือการทำงานในออฟฟิศสลับกับที่บ้าน (รวมถึง Co-working Space และคาเฟ่) กำลังเติบโตทั่วอาเซียน โดยการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เทรนด์นี้เกิดขึ้นมา
แม้ปัจจุบันสถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่หลายๆ บริษัทก็ยังคงใช้โซลูชันการทำงานแบบไฮบริดอยู่เหมือนเดิม โดยถือว่าเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งให้แก่พนักงาน จึงพูดได้ว่าเทรนด์การทำงานแบบไฮบริด ไม่ใช่เพียงกระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เป็นรูปแบบการทำงานที่ยังคงอยู่และจะกลายเป็นส่วนสำคัญในไลฟสไตล์ของการทำงานในอนาคตต่อไปด้วย
เทรนด์การทำงานไฮบริดมาแรง องค์กรต้องปรับตัวตามให้ทัน ยุคนี้ต้องเป็น Hybrid Workplace
ขณะเดียวกัน เคน โล้ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bizmann System ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านการจัดการธุรกิจดิจิทัล (BPM) ทั่วภูมิภาคอาเซียนด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของสำนักงาน ก็ให้ความเห็นในประเด็น "เทรนด์การทำงานไฮบริด" ไว้ว่า ปัจจุบันองค์กรธุรกิจหลายๆ องค์กร อยากจะสร้างบรรยากาศการทำงานให้เป็นแบบไฮบริดมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์วิถีการทำงานของมนุษย์งานยุคใหม่ที่ต้องการทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องทำในออฟฟิศเท่านั้น
หากลองสัเกตฝ่าย HR บริษัทใหญ่ๆ ที่รับสมัครพนักงานหน้าใหม่เข้าทำงาน จะพบว่า ระหว่างการบอกว่าบริษัทนี้ให้เข้าออฟฟิศทำงานจันทร์ถึงศุกร์ กับ บอกว่าสามารถเลือกได้ว่าจะเข้างานในออฟฟิศหรือไม่เข้าก็ได้ แน่นอนว่ามันให้ความรู้สึกต่างกัน หรือแม้กระทั่งบริษัท SMEs สมัยนี้เวลาสัมภาษณ์คัดคนเข้ามาทำงาน คำถามแรกที่ผู้สมัครงานมักจะถามบริษัทก่อนเลยคือ ฉันต้องเข้าออฟฟิศทุกวันไหม? นี่แสดงให้เห็นว่าแรงงานยุคนี้ต้องการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การที่ทุกองค์กรจะรับแรงกดดันจากสถานการณ์เหล่านี้ได้ ต้องปรับตัวแล้วสร้าง Hybrid Workplace ขึ้นมาในองค์กร ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นการก้าวให้ทันตามเทรนด์นี้ แต่เพราะว่ามันคือการขยายประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ด้วย เราพบว่าการทำงานแบบไฮบริดช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องทำให้เกิดบรรยากาศการทำงานแบบไฮบริดที่ดีด้วย โดยการเชื่อมโยง People (คนหรือแรงงาน), Information (ข้อมูล), system (ระบบ) เข้าหากันแบบไร้รอยต่อ โดยนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลต่างๆ เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของอุปกรณ์สำนักงาน ระบบคลาวน์ออฟฟิศ หรือแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมระยะไกล หรือแพลตฟอร์มการทำงานออนไลน์ต่างๆ ทุกอย่างต้องพร้อมให้พนักงานใช้งานและเชื่อมต่อถึงกันได้ทุกที่ทุกเวลา
หลายบริษัทมองหาอุปกรณ์สำนักงานที่มีขนาดเล็กลง เพื่อปรับตามขนาดพื้นที่ของออฟฟิศที่แคบลง
สำหรับในแง่ของอุปกรณ์สำนักงานที่ต้องพัฒนาให้ตอบโจทย์เทรนด์การทำงานไอบริดนั้น จากผลสำรวจของเอปสันพบว่า เนื่องจากเทรนด์การทำงานไฮบริดขยายขอบเขตและเติบโตมากขึ้น องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงอยู่ในสถานการณ์ที่ออฟฟิศสำนักงานต่างๆ กำลังหดตัวลง (ขนาดออฟฟิศปรับเล็กลง) หลายๆ บริษัทมองหาโซลูชันในการปรับขนาดเครื่องมือและอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ให้มีขนาดเล็กลงตามไปด้วย แต่ยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่น่าสนใจก็คือ เมื่อได้ทำการสำรวจในด้านการใช้อุปกรณ์สำนักงานอย่างเช่น เครื่องปริ๊นเตอร์ ของบริษัทต่างๆ ทั่วอาเซียน โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือพนักงานฝ่ายดูแลอุปกรณ์สำนักงานจำนวนกว่า 1,500 ราย พบว่า บริษัทส่วนใหญ่มองเห็นความสำคัญของเครื่องพิมพ์ขนาดกะทัดรัดมากขึ้นเรื่อยๆ โดย 79% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายงานว่า ความกะทัดรัดเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาซื้อเครื่องปริ๊นเตอร์ให้สำนักงานในยุคนี้
นอกจากนี้ยังสำรวจพบว่า สำนักงานต่างๆ ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น มีความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตามแนวทางในการดูแลสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน และพยายามหาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนมาใช้ในสำนักงานมากขึ้นด้วย จากการสำรวจพบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ต้องการจะเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์สำนักงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น เช่น เปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์มาเป็นแบบอิงค์เจ็ท เนื่องจากเป็นการพิมพ์โดยไม่ใช้ความร้อน จึงช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าด้วย
เอปสันเองก็ต้องปรับตัว! ให้พนักงานในบริษัททำงานแบบไฮบริดได้อย่างยืดหยุ่น
เจสเตอร์ ครุซ ผู้จัดการภูมิภาคอาวุโส สินค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจ เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หลังจากการระบาดใหญ่โควิด-19 “ชีวิตการทำงาน” ของพนักงานออฟฟิศทั่วโลกก็ถูกพลิกโฉมไปจากเดิม แม้แต่ตัวสำนักงานเองก็ก้าวข้ามรูปแบบเดิมๆ ไปเช่นกัน จากเดิมเป็นออฟฟิศเป็นออนไซต์ แต่ตอนนี้ก็เกิดเป็นออฟฟิศแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสำนักงานออนไซต์และออนไลน์ก็ยังสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยไม่มีข้อจำกัด ผ่านเทคโนโลยีด้านการประชุมทางไกล และแพลตฟอร์มการทำงานรูปแบบใหม่ๆ มากมาย
ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไร้ขอบเขตอย่างในปัจจุบันนี้ จะเห็นว่า “วัยทำงาน” สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทั้งทำงานจากที่บ้าน ที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ หรือแม้กระทั่งที่คาเฟ่ต่างๆ หรือทุกๆ แห่งที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็ทำงานได้ ดังนั้น เอปสันเองในฐานะที่เป็นองค์กรแห่งหนึ่ง ก็มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานให้สอดคล้องกับโลกยุคนี้ด้วยเช่นกัน
โดยทางบริษัทได้เปลี่ยนจากการทำงานในสำนักงานแบบดั้งเดิม มาเป็นการทำงานแบบผสมผสานด้วยไดนามิกที่เหมาะสม ไม่ได้จำกัดการทำงานอยู่ที่สำนักงานอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เปิดรับความยืดหยุ่นโดยให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือที่สำนักงานก็ได้
การผลิตอุปกรณ์สำนักงาน จำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับเทรนด์การทำงานยุคนี้
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเอปสันเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในสำนักงาน จึงยิ่งจำเป็นจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับเทรนด์การทำงานยุคนี้ โดยเฉพาะตอบโจทย์สำนักงานที่มีขนาดเล็กลงด้วย ล่าสุดจึงได้นำเสนอเครื่องปริ๊นเตอร์ขนาดกะทัดรัดออกสู่สายตาผู้บริโภค แต่ยังโดดเด่นด้านการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับออฟฟิศที่มีพื้นที่จำกัด
นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างคือเป็นเครื่องพิมพ์แบบมัลติฟังก์ชัน จึงสามารถตอบสนองวิถีการทำงานแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยสามารถส่งไฟล์เอกสารดิจิทัลเข้าไปยังเครื่องได้โดยตรง หรือแม้แต่การสั่งพิมพ์ผ่านระบบคลาวน์ เป็นต้น ทั้งยังเป็นเครื่องปริ๊นเตอร์ที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนด้วย โดยผลิตภัณฑ์ของเอปสันได้รับ “การรับรองสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ยั่งยืน” จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมสิงคโปร์ จึงทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม โลกการทำงานได้เปลี่ยนไปแล้ว เทรนด์การทำงานแบบไฮบริดและเรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญของการทำงานยุคนี้ และจะยังอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตข้างหน้า การปรับตัวจึงเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากใครสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีและเทรนด์ต่างๆ ได้ดีกว่า ก็ย่อมเอาชนะอุปสรรคและสามารถอยู่รอดในยุคนี้ได้