โลกการทำงาน ที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

โลกการทำงาน ที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รูปแบบและวิธีการในการทำงานได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมากมาย คำว่า “Future of Work” เป็นหนึ่งในคำที่มีการวิจัยและเขียนถึงกันอย่างมากมาย

 คำถามคือโลกของการทำงานในอนาคตที่ไม่ไกลนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร และผู้บริหารกับพนักงานจะต้องปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับโลกการทำงานโฉมใหม่

สถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พอจะทำให้ได้เห็นหนังตัวอย่างของโลกการทำงานในอนาคต และมั่นใจได้ว่าหนังจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้จะเข้มข้นและชวนติดตามมากขึ้น

4 แนวโน้มของโลกการทำงานในอนาคตที่เริ่มจะเห็นได้จากปัจจุบันประกอบด้วย

1. การทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นเรื่องปกติ - จากสถานการณ์โควิดทำให้รูปแบบและวิธีการในการทำงานเปลี่ยนไป อีกทั้งยังทำให้พนักงานเกิดความคุ้นเคยและเห็นประโยชน์ของรูปแบบการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับโควิด รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยพิจารณาในการเลือกสมัครงาน

การทำงานแบบไฮบริด ทำให้นโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานขององค์กรต่างๆ ต้องเปลี่ยนไป ผู้บริหารและพนักงานก็ต้องเรียนรู้ในทักษะใหม่ๆ มากขึ้น และไม่ใช่แค่ทักษะทางด้านเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เป็นทักษะในการบริหารและทำงานร่วมกับผู้อื่นแบบไฮบริด ไม่ว่าจะเป็น การประชุม การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการสร้างวัฒนธรรมองค์กร

2. ความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Well-Being) - จากโควิดเช่นกันที่ทำให้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น แต่ไม่ใช่สุขภาพกายแต่เพียงอย่างเดียว การดูแลสุขภาพจิตใจของพนักงาน ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่องค์กรจะต้องให้ความสำคัญมากขึ้น การมีจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาประจำองค์กรกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น

การดูแลสุขภาพจิตใจของลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน (หรือที่เรียกว่า Mental Health Awareness) ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญของผู้นำและคนทำงานในยุคใหม่ที่จะต้องมีในโลกการทำงานยุคใหม่

3. การทำงานร่วมกับ AI - เรื่องของ AI เป็นเรื่องที่ร้อนแรงที่สุดเรื่องหนึ่งในปัจจุบัน และบรรดาผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างมองว่าตรงกันว่า AI จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานแน่ๆ เพียงแต่อาจจะยังมีข้อถกเถียงกันว่าจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใด AI อาจจะทำให้งานบางอย่างสูญหายหรือหมดความสำคัญ แต่ขณะเดียวกัน AI ก็ทำให้เกิดงานใหม่ขึ้นมาได้เช่นกัน

ที่แน่ๆ คือ AI จะลดงานที่ต้องทำแบบซ้ำซาก รวมถึงช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่สลับซับซ้อน เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจ ทำให้ผู้บริหารและพนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถใช้เวลาไปกับงานใหม่ งานที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์ และงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

ความน่าสนใจคือในโลกของการทำงานในอนาคตนั้น บทบาทของ AI กับมนุษย์นั้นจะเป็นเช่นไร เริ่มมีการพูดถึงว่า AI อาจจะเป็นเจ้านายของมนุษย์ในเรื่องเกี่ยวกับการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการวางแผน การจัดสรรทรัพยากร การหางานที่ตรงกับความสามารถของคน หรือ การประเมินผล แต่ขณะเดียวกันบางกระแสก็มองว่า AI ไม่ใช่เจ้านาย แต่จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่เคียงคู่ไปกับมนุษย์ ซึ่งสุดท้ายในอนาคตบทบาทของ AI จะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามต่อไป

4. ผู้บริหารและพนักงานจะต้องเรียนรู้ตลอดเวลา - เนื่องจากโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทั้งผู้บริหารและพนักงานจะต้องเรียนรู้ในทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา 

ความจำเป็นในการเรียนรู้ตลอดเวลาทำให้รูปแบบการเรียนรู้เปลี่ยนไป ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้จะต้องสั้นลง แต่จะเรียนรู้ถี่ขึ้น บ่อยขึ้น และสามารถกลับมาเรียนรู้ได้ซ้ำเท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ คือสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำแทนได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น

โลกการทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนไปจากเดิมแน่ และเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ ดังนั้น ทั้งผู้บริหารและพนักงานเองก็ต้องเตรียมใจและทักษะให้พร้อมที่จะรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น