บริษัทในออสเตรเลียให้พา ‘น้องหมา’ มาทำงานด้วย ช่วยลดความเครียดพนักงาน
เมื่อเพื่อนขนฟูสี่ขาอย่าง "น้องหมา" กลายเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดความเครียด ให้พนักงานออฟฟิศได้ บริษัทในออสเตรเลียไม่รอช้า เปิดโครงการให้พนักงานพา ‘น้องหมา’ มาทำงานด้วยได้
KEY
POINTS
- ตามผลการวิจัยของ PetSure ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่า การมีสัตว์เลี้ยงในสำนักงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเครียดและความวิตกกังวล
- ไม่นานมานี้ บริษัท RACT ในออสเตรเลีย เปิดตัวโครงการ “Furry Friday” ทดลองให้พนักงานพาสุนัขมาสำนักงานด้วยได้ เพื่อให้เกิดผลดีต่อการทำงาน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ประเมินว่าช่วยได้จริง
- องค์กรที่ทำงานรณรงค์ด้านสัตว์เลี้ยงระดับชาติของออสเตรเลีย (CANA) ผลักดันให้มีสัตว์เลี้ยงในสถานที่ทำงานมากขึ้น เพื่อผลดีต่อพนักงานบริษัท
ไม่น่าเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงแสนรู้อย่าง ‘น้องหมา’ จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่เหล่าพนักงานออฟฟิศได้ด้วย โดยเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว ABC รายงานว่าบริษัท RACT ในออสเตรเลีย ได้เปิดตัวโครงการที่ชื่อว่า “Furry Friday” ซึ่งให้สุนัขเข้ามาอยู่ในสำนักงานร่วมกับพนักงานเป็นเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ปรับปรุงสุขภาวะทางจิตใจ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานไปพร้อมกัน
สอดคล้องกับการศึกษาวิจัยของ Human Animal Bond ในปี 2018 ที่พบว่า บริษัทที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะดึงดูด จูงใจ และรักษาพนักงานไว้ได้ ในขณะที่รายงานของ PetSure ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่า การมีสัตว์เลี้ยงในสำนักงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มการทำงานร่วมกัน และลดความเครียดและความวิตกกังวล
ซีอีโอ RACT ในออสเตรเลีย เผย สัตว์เลี้ยงช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น
มาร์ค มูนาโยนี (Mark Mugnaioni) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RACT (Royal Automobile Club of Tasmania) ซึ่งเป็นสโมสรยานยนต์ในรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย เล่าว่า สำนักงานของเขาตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในโครงการ Furry Friday อย่างมาก หลังจากได้ยินเกี่ยวกับโครงการคล้ายๆ กันนี้ในองค์กรอื่นๆ โดยเขาออกนโยบายให้พนักงานสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานด้วยได้
“ในฐานะนายจ้าง เราให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นอย่างยิ่ง และเราคิดว่าโครงการนี้เป็นสิ่งที่ดีที่จะลองดูว่าจะเป็นอย่างไร และมันก็ออกมาดีเยี่ยมสุดๆ” เขาบอกถึงผลลัพธ์ที่ได้
ซีอีโอ ของ RACT บอกอีกว่า จากตอนแรกออฟฟิศของเขาทดลองทำโครงการนี้เพียงสัปดาห์ละวัน แต่เมื่อเห็นว่ามันได้ผลดี ก็มีการขยายการทดลองเป็น 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้พนักงานที่ไม่ได้เข้าออฟฟิศในวันศุกร์ ได้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในวันอื่นๆ ของสัปดาห์วันทำงานด้วย
ไม่ใช่สุนัขทุกตัวจะเข้าร่วมโครงการได้ ต้องผ่านการประเมินก่อน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าสุนัขทุกตัวจะเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ต้องมีการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยก่อน ในกรณีนี้ แดร์ริล ไวท์ (Darryl White) ผู้จัดการอาวุโสด้านความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของ RACT กล่าวว่า บริษัทมีมาตรการป้องกันเพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขแต่ละตัวมีความเหมาะสมกับการทำงานในสำนักงาน
โดยทางสำนักงานจะมีการจัดทำ “บัญชีรายชื่อสุนัข” แล้วแชร์ผ่านระบบปฏิทินของส่วนรวมซึ่งพนักงานทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อใช้บริหารจัดการจำนวนสุนัขที่จะเข้าในออฟฟิศในแต่ละวัน อีกทั้งการขยายโครงการ (จาก 1 วันเป็น 5 วัน) ช่วยตอบสนองความต้องการของพนักงานจำนวนมากได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วยกันเป็นอย่างดี
สำหรับพนักงานที่ต้องการนำสุนัขของตนมาทำงานด้วยในออฟฟิศของ RACT ต้องมีการพูดคุยเบื้องต้นกับหัวหน้าทีมและเพื่อนร่วมงานก่อน เพื่อตรวจสอบว่าคนอื่นๆ รู้สึกสบายใจกับการมีสุนัขอยู่ใกล้ๆ หรือไม่ มีคนแพ้ขนสุนัขหรือไม่ รวมถึงต้องกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัขต่อผู้คนและสัตว์อื่นๆ
“เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สุนัขจะได้รับป้ายระบุตัวตน และสามารถเข้ามาอยู่ร่วมกับพนักงานในสำนักงานได้เลย” ไวท์ อธิบาย
องค์กร CANA ของออสเตรเลีย คือจุดเริ่มต้นของโครงการพาน้องหมาไปทำงานด้วย
ย้อนกลับมาดูจุดเริ่มต้นไอเดียในการทำออฟฟิศให้เป็น “สถานที่ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง” อีกหนึ่งแห่งในสังคมออสเตรเลียกันบ้าง ตามรายงานของ ABC ระบุว่ากิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Pets in Business ที่จัดโดย Companion Animal Network Australia (CANA) หรือองค์กรที่ทำงานรณรงค์ด้านสัตว์เลี้ยงระดับชาติ พวกเขาทำหน้าที่ผลักดันให้มีสัตว์เลี้ยงในสถานที่ทำงานมากขึ้น
โปรแกรมนี้มุ่งหวังที่จะช่วยให้นายจ้างสร้างนโยบายที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง ซึ่งตรงตามความต้องการขององค์กร CANA และทางองค์กรก็ได้จัดเตรียมทรัพยากรให้ใช้ฟรีมากมาย
ทริช เอนนิส (Trish Ennis) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CANA กล่าวว่า การสร้างสถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงต้องอาศัยการรักษาสมดุล ระหว่างผลประโยชน์และสิทธิของพนักงานทุกคนอย่างรอบคอบ การดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ และการบริหารความเสี่ยงด้านความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงด้วย
เธอบอกอีกว่า การสื่อสารแบบเปิดใจถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสถานที่ทำงาน และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานที่อาจเป็นโรคภูมิแพ้ หรือรู้สึกไม่สบายใจในกรณีอื่นๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ทำโครงการนี้มาเธอพบว่า 9 ใน 10 ของพนักงานรายงานว่าพวกเขาอยากได้สถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง
พนักงานที่ได้ร่วมโครงการยอมรับ สัตว์เลี้ยงในที่ทำงาน ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียดได้จริง
พนักงาน RACT จำนวนมากกล่าวว่า พวกเขาได้รับประโยชน์มากมายจากการมีสุนัขอยู่ในสำนักงาน ยกตัวอย่างเช่น แอนนิต้า วิลเลียมส์ (Anita Williams) บอกว่าการที่เธอพา “เบิร์ต” สุนัขตัวน้อยของเธอเข้ามาที่ออฟฟิศด้วยนั้น ช่วยลดความเครียดลงได้อย่างแน่นอน และทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น เธอบอกว่า “มันดีที่สุดแล้ว ทั้งการได้เห็นรอยยิ้ม ได้กอด ได้ลูบขนฟูๆ มันสุดยอดมาก”
ด้าน มอร์แกน ลอว์เลอร์ (Morghan Lawler) พนักงานอีกคนบอกว่า การมีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่าง สเตลล่า สุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์อยู่เคียงข้างเขาในที่ทำงาน ทำให้เกิดบรรยากาศที่ “เงียบสงบ”
สำหรับ คริสตี้ สโตน (Christie Stone) ผู้ซึ่งเป็นพนักงานใหม่ใน RACT เธอให้ความเห็นว่า การมีสุนัขพันธุ์เคลปี้ชื่อโกโก้อยู่ด้วยในออฟฟิศ ช่วยให้เธอสามารถสร้างความสัมพันธ์ภายในธุรกิจได้ดีขึ้น ทำให้หลายคนเข้ามาทักทายและพูดคุยเรื่องต่างๆ กับเธอมากขึ้น ช่วยให้เธอได้พบปะและเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ในที่ทำงาน
สัตว์เลี้ยงที่เหมาะจะพามาออฟฟิศ แนะนำเป็นหมาแมวดีกว่า ไม่ควรเป็น Exotic pet
อย่างไรก็ตาม การจะทำให้สำนักงานกลายเป็น Pet friendly นั้น ยังมีข้อควรระวังอีกสองสามข้อ นั่นคือการพิจารณาเลือกชนิดสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ หมายถึงสัตว์เลี้ยงจำพวก Exotic pet ก็อาจจะไม่เหมาะสมนัก
ซีอีโอของ CANA เน้นย้ำว่า สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาเข้าร่วมโปรแกรม Pets in Business ขณะที่แมวก็เหมาะสมเช่นกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และน่าจะดีที่สุดหากไม่เลี้ยงทั้งหมาและแมวไว้ในห้องเดียวกัน และเธอยังเตือนไม่ให้นำสัตว์เลี้ยง เช่น งู แมงมุม กระต่าย เข้ามาในสำนักงาน (กระต่ายมักจะแทะสายไฟในออฟฟิศ)
นอกจากนี้ สถานที่ทำงานที่มีสารเคมีอันตราย ห้องครัวเชิงพาณิชย์ หรือเครื่องจักรหนัก ถือเป็นเขตห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าโดยเด็ดขาด เธอบอกอีกว่า บริษัทต่างๆ ที่อยากร่วมทดลองในโครงการนี้ จะต้องมีพื้นที่เพื่อรองรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ จัดให้มีพื้นที่ในร่มที่ปลอดภัย รวมทั้งสามารถเข้าถึงพื้นที่กลางแจ้งเพื่อออกกำลังกายและเข้าห้องน้ำได้
ท้ายที่สุด.. สิ่งสำคัญคือ สัตว์เลี้ยงทุกตัวต้องได้รับการฝึกฝนอย่างดี เพื่อให้เข้ากับสังคมได้ และไม่รบกวนผู้อื่นขณะทำงาน จึงจะทำให้สำนักงานกลายเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรของทั้งคนและสัตว์เลี้ยงอย่างสมบูรณ์