เปิดอาชีพ Travel Nurse พยาบาลฟรีแลนซ์ทำงานได้ทุกที่ รายได้สูงถึง 6 หลัก

เปิดอาชีพ Travel Nurse พยาบาลฟรีแลนซ์ทำงานได้ทุกที่ รายได้สูงถึง 6 หลัก

ไม่ใช่แค่สายเทคฯ - สายครีเอทีฟ ที่ทำงานแบบ Work From Anywhere ได้ แต่สายอาชีพ ‘พยาบาล’ ในสหรัฐ ก็สามารถทำงานฟรีแลนซ์จากทุกที่ได้เช่นกัน แถมรายได้ดีกว่าพยาบาลประจำ 30-50%

KEY

POINTS

  • ไม่ใช่แค่สายเทคฯ - สายครีเอทีฟ ที่ทำงานแบบ Work From Anywhere ได้ แต่งาน ‘Travel Nurse’ หรือพยาบาลฟรีแลนซ์ในสหรัฐ ก็สามารถทำงานจากทุกที่ได้เช่นกัน
  • เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพบว่า งานพยาบาลฟรีแลนซ์สามารถมีรายได้มากกว่าตำแหน่งพยาบาลประจำประเภทเดียวกันถึง 30-50%
  • ความท้าทายของอาชีพนี้ มักป็นงานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเครียดสูง เช่น เรือนจำ โรงพยาบาลเฉพาะทาง หรือศูนย์ผู้ป่วยวิกฤติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของตัวพยาบาลเองได้

เปิดอาชีพ Travel Nurse หรือพยาบาลวิชาชีพแบบฟรีแลนซ์ ทำงานได้ทุกที่ที่มีผู้ว่าจ้าง เน้นสัญญาจ้างระยะสั้น เมื่อเทียบกับตำแหน่งพยาบาลประจำแล้ว พยาบาลฟรีแลนซ์จะมีสัญญาจ้างงานที่ยืดหยุ่นกว่า มีสวัสดิการที่ดี มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวได้มากกว่า และได้เงินเดือนสูงกว่า

แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่าการเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ อาจไม่ใช่งานเหมาะกับทุกคน เพราะต้องเดินทางบ่อยๆ และเปลี่ยนสถานที่ทำงานไปเรื่อยๆ และการจะมีงานก็ต้องรอให้มีลูกค้าว่าจ้างก่อน คนสายอาชีพพยาบาลที่ชอบความมั่นคงอาจเหมาะกับการเป็นพยาบาลประจำมากกว่า 

ในที่นี้ เป็นข้อมูลจากผู้ที่ทำอาชีพ Travel Nurse ในสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าลักษณะเด่นของการทำงานเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ก็คือ เน้นทำงานตามสัญญาระยะสั้น โดยปกติแล้วจะเป็นเวลาไม่กี่เดือนในแต่ละครั้ง ในสถานที่ใดๆ ก็ตามทั่วสหรัฐอเมริกา ที่พบว่ากำลังขาดแคลนพยาบาล ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลห่างไกล, สถานดูแลระยะยาว(Nursing home), สถานกักกัน หรือไปจนถึงการเป็นพยาบาลในเรือนจำ

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ตามข้อมูลของ AceStack ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซี่จัดหางานด้านการดูแลสุขภาพ ระบุว่า ความต้องการพยาบาลฟรีแลนซ์ในตลาดงานเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่โควิด-19 แล้ว แต่ที่น่าสนใจคือ ช่วงหลังวิกฤติโควิดระหว่างปี 2020 - 2022 ความต้องการพยาบาลฟรีแลนซ์ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เรตเงินเดือนของอาชีพดังกล่าวในช่วงเวลานั้น สูงถึง 6,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 205,000 บาทต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 8 แสนบาทต่อเดือน) 

เปิดอาชีพ Travel Nurse พยาบาลฟรีแลนซ์ทำงานได้ทุกที่ รายได้สูงถึง 6 หลัก

เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง พยาบาลฟรีแลนซ์ กับ พยาบาลประจำ พบว่าพยาบาลฟรีแลนซ์สามารถมีรายได้มากกว่าตำแหน่งพยาบาลประจำประเภทเดียวกันถึง 30-50% โดยเฉพาะในกรณีที่มีความต้องการสูงที่สุด 

ยกตัวอย่างเคสของ เควิน เลวู (Kevin Levu) วัย 24 ปี หนึ่งในผู้ที่ทำงานเป็น Travel nurse ในสหรัฐ เขาทำงานเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ให้กับ Pelican Bay State Prison ซึ่งเป็นเรือนจำรักษาความปลอดภัยสูงสุดในเมืองเครสเซนต์ซิตี รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาบอกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มอบอิสรภาพมากมายให้กับเขา มีข้อดีคือ เลือกระยะเวลาทำงานได้เอง เจรจาต่อรองค่าจ้างได้ และเขารู้สึกว่าได้รับค่าจ้างอย่างสมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตาม ทุกอาชีพใช่ว่าจะมีเฉพาะข้อดี แต่มันยังมีความท้าทายในงานตามมาด้วย ซึ่งในส่วนนี้มีพยาบาลวิชาชีพที่ลงทะเบียนหรือได้รับใบอนุญาตการทำงานแบบฟรีแลนซ์ (Travel Nurse) จำนวน 3 รายมาถ่ายทอดประสบการณ์การทำงาน ที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังมาให้ทราบกัน ดังนี้

พยาบาลฟรีแลนซ์ นำมาซึ่งโอกาสในการทำงานในสถานที่ใหม่ๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากการผจญภัย

สิทธิประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ (ที่พวกเขาหลายคนเห็นตรงกัน) ก็คือ การมีอิสระที่ได้เดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกา เจอสถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ ชีวิตไม่จำเจ ข้อดีข้อนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ เคิร์สเตน นิวคอมบ์ (Kirsten Newcomb) เข้ามาทำงานเป็น Travel nurse ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 นิวคอมบ์ซึ่งขณะนั้นอายุ 33 ปี ได้ย้ายไปทำงานที่เกาะเมานีในฮาวาย หลังจากลาออกจากงานพยาบาลวิชาชีพในเวอร์จิเนียที่เธอทำงานประจำมายาวนาน 

“แรงบันดาลใจในการทำงานและการใช้ชีวิตของฉันส่วนใหญ่คือการผจญภัย ฉันรู้แค่ว่าถ้าฉันจะเริ่มเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ ฉันอยากไปที่ไหนสักแห่งที่ยิ่งใหญ่ เช่น ฮาวาย” เธอเล่าให้ฟัง

ด้วยความที่นิวคอมบ์ชื่นชอบการวางแผนวันหยุดมาโดยตลอด เธอในฐานะที่เป็นพยาบาลประจำมาหลายปี เคยคิดที่จะเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์มานานแล้ว ในที่สุดเธอก็คว้าโอกาสไปทำงานในเมืองเมานีได้ในปี 2020 ก่อนที่การระบาดใหญ่จะเริ่มขึ้น

ในทำนองเดียวกัน เควิน เลวู บอกว่า การเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์เป็นหนทางหนึ่งในการได้สัมผัสประสบการณ์บางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกเหนือจากบรรทัดฐานวิชาชีพแบบเดิมๆ สำหรับเลวูที่ทำงานเป็นพยาบาลในเรือนจำ เขาพบว่าการทำงานกับนักโทษที่ใช้ความรุนแรงนั้นไม่ใช่การพักผ่อนที่ดีนัก แต่เขาก็ยอมรับว่าประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เขามองเห็นมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับความรู้สึกที่เป็นอิสระของตัวเอง เมื่อมองเห็นนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดชีวิต นั่นทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งกับอิสรภาพของตนเองที่จะไปไหนก็ได้ 

Travel Nurse มีสัญญาว่าจ้างที่สั้นกว่างานประจำ จึงให้ความยืดหยุ่นได้มากกว่า

สัญญาว่าจ้างของพยาบาลฟรีแลนซ์มักมีระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทำให้สามารถมีวันหยุดในระหว่างการเริ่มงานครั้งใหม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกัน สัญญาว่าจ้างก็สามารถขยายเวลาออกไปได้เช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความต้องการพยาบาลฟรีแลนซ์สูง

อย่างไรก็ตาม ความยืดหยุ่นของอาชีพ Travel Nurse ช่วยให้ แอสเพน ทักเกอร์ (Aspen Tucker) สามารถแบ่งเวลาทำงานยาวๆ รวดเดียว 9 เดือนต่อปี และมีเวลาพักผ่อน 3 เดือนต่อปี 

ย้อนกลับไปในช่วงที่เขาอายุ 26 ปี ทักเกอร์ลาออกจากงานพยาบาลประจำในปี 2020 เพื่อไปทำงานพยาบาลฟรีแลนซ์เป็นครั้งแรก โดยได้รับค่าจ้างที่สูงกว่า และมีอิสระในการกำหนดตารางเวลาชีวิตของตัวเองได้ เมื่อเวลาว่างมากขึ้น เขาจึงสามารถไปเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ห่างไกล เช่น เบลีซ โคลอมเบีย เซเชลส์ กาตาร์ และเคนยาได้

ขณที่ เคิร์สเตน นิวคอมบ์ ก็ยอมรับว่า การเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ช่วยให้เธอเวลาพักผ่อนได้มากกว่าตอนที่เป็นพยาบาลวิชาชีพแน่นอน โดยมักจะมีเวลาว่างนานหลายสัปดาห์ ระหว่างที่จบงานว่าจ้างครั้งล่าสุดและรอการว่าจ้างครั้งใหม่ เธอใช้เวลาว่างนั้นเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย

เปิดอาชีพ Travel Nurse พยาบาลฟรีแลนซ์ทำงานได้ทุกที่ รายได้สูงถึง 6 หลัก

Travel Nurse ช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างมาก

พยาบาลฟรีแลนซ์มักจะได้รับค่าจ้างต่อชั่วโมงมากกว่าพยาบาลประจำการ นอกจากนี้ กลุ่มสายงานนี้ยังมักได้รับเงินช่วยเหลือที่ไม่ต้องเสียภาษีเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ซึ่งทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ตามข้อมูลของ AceStack ระบุว่า แม้ว่าพยาบาลนักเดินทางเคยมีรายได้มากกว่า 6,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ระหว่างปี 2020 - 2022 แต่ปีนี้พวกเขาได้รับรายได้เฉลี่ยลดลงเหลือประมาณ 2,800 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์สำหรับการทำงาน 48 ชั่วโมง แต่นั่นก็ยังสูงกว่าตำแหน่งพยาบาลประจำ ประมาณ 1,400 - 1,960 ดอลลาร์

การเปลี่ยนมาเป็นพยาบาลที่เดินทางไปทำงานได้ทุกที่ ทำให้ เคิร์สเตน นิวคอมบ์ ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เป็น 7,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ในปี 2020 ทำให้เธอมีเงินเก็บมากถึง 30,000 ดอลลาร์ในระยะเวลาหนึ่งปี

ในทำนองเดียวกัน แอสเพน ทักเกอร์ ก็เปิดเผยว่าเขาได้รับเงินเดือนมากขึ้นกว่าสามเท่าในปี 2022 ซึ่งทำให้เขาสามารถเก็บเงินได้ 57,000 ดอลลาร์สำหรับเงินดาวน์บ้านในเมืองสปาร์ตันเบิร์ก รัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นบ้านสำหรับเอาไว้พักผ่อนในช่วงวันหยุดพักผ่อนของเขา

ขณะที่ เควิน เลวู มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 56,600 ดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 112,000 ดอลลาร์ในปี 2024 เมื่อเขาเริ่มทำงานเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ในเรือนจำ ความมั่นคงทางการเงินที่มาพร้อมกับงานนี้ ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ แม้จะไม่ได้มีงานเข้ามาตลอด แต่ก็ยังมีรายได้ที่ครอบคลุมในยามฉุกเฉินหรือช่วงที่ไม่มีการจ้างงาน

ความท้าทายของงาน Travel Nurse บางครั้งมีความเครียดทางอารมณ์

แม้ว่าการเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์จะมีข้อดีทั้งในด้านการเงินและการใช้ชีวิตที่อิสระ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปราศจากความท้าทาย กล่าวคือ สัญญาจ้างของงานลักษณะนี้มักจะเป็นงานที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเครียดสูง เช่น เรือนจำ โรงพยาบาลเฉพาะทาง และศูนย์ผู้ป่วยวิกฤติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพนี้ได้

เคิร์สเตน นิวคอมบ์ เธอเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ที่ทำงานให้กับศูนย์ผู้ป่วยวิกฤติในเมืองดัลลัส ระหว่างการระบาดใหญ่ในปี 2020 เธอเล่าว่า ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก เพราะเธอต้องเห็นภาพผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนมาก ..มากกว่าที่เคยเจอตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในอาชีพพยาบาลของเธอ

สำหรับ เควิน เลวู เขามองว่าการเป็น Travel nurse หมายถึงการลาออกจากงานประจำที่เดิม เพื่อมาเผชิญกับความเข้มข้นในการทำงานที่แสนหนักหน่วงในเรือนจำ ซึ่งเขาต้องเผชิญกับความรุนแรงจากผู้ต้องขังเป็นประจำ บางครั้งเขาก็มีอาการบาดเจ็บ-เลือดออก จากการปะทะกันภายในเรือนจำ

ขณะที่ แอสเพน ทักเกอร์ บอกว่างานนี้ได้เงินเดือนสูงก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน โดยในกรณีของเขา เขาจะต้องทำงานสัปดาห์ละ 48 - 60 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รับเงินค่าล่วงเวลาสูงสุด

เปิดอาชีพ Travel Nurse พยาบาลฟรีแลนซ์ทำงานได้ทุกที่ รายได้สูงถึง 6 หลัก

อย่าลืมว่างานฟรีแลนซ์ไม่มีประกันสุขภาพ และต้องการการบริหารจัดการตัวเองให้ดี

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของความเครียดอันเกิดจากการที่ต้องบริหารจัดการเวลาด้วยตนเอง เพราะเนื่องจากงานฟรีแลนซ์ต้องรอคอยการจ้างงานจากลูกค้า หากเลือกรับงานมากเกินไป ครั้งหน้าลูกค้าก็อาจไม่ใช้บริการอีก อีกทั้งบางครั้งหากรับงานในเมืองที่มีค่าครองชีพสูง ก็ต้องรู้จักบริหารจัดการการเงินของตนเองให้ดีด้วย 

ไหนจะยังมีเรื่องการย้ายที่อยู่บ่อยๆ ต้องหาที่พักใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็สร้างความเหนื่อยล้าให้เหล่าพยาบาลฟรีแลนซ์ไม่น้อยเลย และยิ่งไปกว่านั้นคือ การไม่มีประกันสุขภาพเหมือนพนักงานประจำ จึงต้องระมัดระวังเรื่องค่ารักษาพยาบาลในช่วงที่ไม่มีสัญญาจ้างงาน

สุดท้ายแล้ว ใครที่สนใจอยากทำงานเป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ คงต้องชั่งใจดูให้ดีก่อนว่า เงื่อนไขและความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ เมื่อเทียบกับรายได้สูงและความอิสระที่ได้มา จะมีความคุ้มค่ากันไหม และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การทำงานของเราหรือไม่ ถ้ามองว่าการเป็น Travel nurse นั้นเหนื่อยเกินไปในการตะลอนไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ คุณอาจจะเหมาะกับการทำงานประจำมากกว่า