เกือบ 70% ของอาชีพในโลก AI แทนที่ไม่ได้ แต่มี 5 สายงานอาจได้รับผลกระทบ

เกือบ 70% ของอาชีพในโลก AI แทนที่ไม่ได้ แต่มี 5 สายงานอาจได้รับผลกระทบ

เกือบ 70% ของอาชีพในโลก AI ไม่สามารถแทนที่ได้ แต่มี 5 อาชีพอาจได้รับผลกระทบในอนาคตอันใกล้ เช่น นักบัญชี นักการตลาดและโฆษณา นักพัฒนาซอฟต์แวร์

KEY

POINTS

  • เกือบ 70% ของทักษะการทำงานที่มนุษย์มีติดตัวนั้น AI ไม่สามารถแทนที่ได้ แต่มี 5 อาชีพอาจได้รับผลกระทบ เช่น นักบัญชี นักการตลาดและโฆษณา นักพัฒนาซอฟต์แวร์ เจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสุขภาพ เจ้าหน้าที่เคลมประกันภัย
  • ผู้เชี่ยวชาญพบว่า AI เวอร์ชันปัจจุบันยังไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาในงาน และไม่สามารถทำงานที่เน้นการลงมือทำเหมือนอย่างมนุษย์ได้
  • กลุ่มอาชีพที่สุ่มเสี่ยงจะถูก AI เข้ามาแทนที่ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามักจะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะการทำงานแบบเดิมๆ ทำบ่อยครั้งหรือซ้ำซากในแต่ละวัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพการงานและเหล่ากูรูด้านไอทีต่างย้ำตรงกันว่า จริงๆ แล้วเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ไม่สามารถมาแทนที่ตำแหน่งงานของมนุษย์ได้ แต่จะเข้ามาช่วยทำงานบางขั้นตอน (Task) ของหลายๆ อาชีพให้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ หรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม มีผลสำรวจพบว่าสายงานบางอาชีพ (ส่วนน้อย) อาจถูกทดแทนด้วย AI 

ตามรายงานฉบับใหม่จาก Indeed Hiring Lab ที่เผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยเป็นการสำรวจทักษะอาชีพทั้งหมด 2,800 ทักษะในที่ทำงานของหลายๆ อาชีพทั่วโลก พบว่า ทักษะการงานส่วนใหญ่ 68.7% เป็นทักษะที่วัยทำงานมีอยู่อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งไม่มีทางที่จะถูกแทนที่ด้วย AI แต่ในขณะที่ทักษะการงาน 28.5% อาจมีโอกาสที่จะถูก AI มาแทนที่ได้ 

ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ตรวจสอบทักษะอาชีพในหลากหลายทักษะ ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร ทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะการจัดระเบียบ ทักษะทางเทคนิคต่างๆ ทักษะการเขียนโค้ดเฉพาะ และทักษะการปฏิบัติจริง (เช่น การทำอาหารและการให้ยา)

เปิด 5 ประเภทสายงานที่อาจถูกแทนที่ด้วย AI แต่วัยทำงานไม่ต้องกังวล

นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังศึกษาวิจัยสายงานหรืออาชีพ 16 ประเภทว่า มีสายงานไหนบ้างที่สุ่มเสี่ยงจะโดน AI เข้ามาแทนที่ ผลการศึกษาพบว่ามี 5 ประเภทสายงานที่อาจถูกแทนที่ด้วย AI ได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น ได้แก่ 

เกือบ 70% ของอาชีพในโลก AI แทนที่ไม่ได้ แต่มี 5 สายงานอาจได้รับผลกระทบ

1. ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชี
2. ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและโฆษณา
3. นักพัฒนาซอฟต์แวร์
4. เจ้าหน้าที่สนับสนุนการบริหารด้านดูแลสุขภาพ
5. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเคลมประกันภัย

สเวนยา กูเดลล์ (Svenja Gudell) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Indeed อธิบายขั้นตอนการตรวจสอบคร่าวๆ ว่าทีมวิจัยได้นำทักษะทั้งหมดเหล่านี้มาจับคู่กับตำแหน่งงานกว่าล้านตำแหน่งในช่วงปีที่ผ่านมา จากนั้นจึงประเมินว่า AI จะสามารถเข้ามาปฏิบัติงานด้วยทักษะเฉพาะเหล่านั้นแทนที่มนุษย์ได้หรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าทึ่งทีเดียว เพราะพบว่าไม่มีทักษะใดเลยที่ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้เลย จริงๆ แล้วผลลัพธ์แทบจะเป็นศูนย์

AI เวอร์ชันปัจจุบันยังไม่มีความสามารถในทักษะการทำงานขนาดนั้น

ขณะเดียวกัน ด้าน OpenAI ก็มีการทดสอบทักษะการทำงานของ AI เช่นกัน โดยได้ใช้ GPT-4o ซึ่งเป็นโมเดลเชิงสร้างสรรค์หลายโหมดรุ่นล่าสุด มาใช้ประเมินความสามารถในทักษะการปฏิบัติงาน 3 ด้าน ได้แก่ การให้ความรู้เชิงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับทักษะ การใช้ทักษะเหล่านั้นในการแก้ปัญหา และการปฏิบัติทักษะเหล่านั้นไม่ว่าจะทางกายภาพหรือดิจิทัล แล้วสรุปออกมาเป็นแบบจำลอง

จากนั้นแบบจำลองดังกล่าวมาประเมินความเป็นไปได้ว่า AI เชิงสร้างสรรค์ จะสามารถทำงานแทนมนุษย์ด้วยการใช้ทักษะตามกำหนดเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญพบว่า AI เวอร์ชันปัจจุบันยังไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาในงาน และไม่สามารถทำงานที่เน้นการลงมือทำเหมือนอย่างมนุษย์ได้ และ AI เหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนพนักงานเท่านั้น แม้ว่าจะมีความสามารถทางเทคนิคค่อนข้างสูงก็ตาม 

“สิ่งที่เราได้เรียนรู้ ก็คือ AI ในปัจจุบันนี้ อย่างน้อยก็ถือเป็นผู้ช่วยดิจิทัลขั้นสูง และแน่นอนว่ามันสามารถช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในบางสถานการณ์ แต่มันก็ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ในตอนนี้” กูเดลล์ย้ำ

เกือบ 70% ของอาชีพในโลก AI แทนที่ไม่ได้ แต่มี 5 สายงานอาจได้รับผลกระทบ

อาชีพที่จะไม่โดน AI แย่งงาน คืออาชีพที่ต้องเจอกันแบบต่อหน้า หรืออาชีพที่เน้นการแก้ปัญหา

สำหรับกลุ่มอาชีพที่สุ่มเสี่ยงจะถูก AI เข้ามาแทนที่ตามข้างต้นนั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามักจะเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะการทำงานทางเทคนิคแบบเดิมๆ ทำบ่อยครั้งหรือซ้ำซากในแต่ละวัน ซึ่งงานแบบนี้แหละที่เป็นจุดแข็งของ AI ซึ่งมันจะเข้ามาทำแทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้อาชีพเหล่านั้นยังมีแนวโน้มที่มีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพน้อยกว่าอาชีพอื่นอีกด้วย

ในทางกลับกัน อาชีพที่ต้องสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าผ่านตัวสินค้าและบริการโดยตรง, สายงานที่ต้องพูดคุยหรือต้องเจอกันแบบต่อหน้า, สายงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก ฯลฯ เหล่านี้เป็นอาชีพที่มีโอกาสถูกแทนที่น้อยที่สุด ยกตัวอย่างสายงานด้านการดูแลสุขภาพที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ป่วย เช่น การพยาบาล, การรักษาทางการแพทย์, งานติดตั้งอุปกรณ์หรืองานช่างต่างๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กูเดลล์ บอกอีกว่าพนักงานไม่ควรหลีกหนีจากเส้นทางอาชีพทั้ง 5 อาชีพข้างต้นที่อาจถูก AI เข้ามาแทนที่ได้ แต่ควรเรียนรู้การใช้งาน AI ให้มากขึ้น แล้วนำมันมาเป็นผู้ช่วย อย่าปล่อยให้มันมาแทนที่เราได้ ยกตัวอย่างเช่น สายงานการพัฒนาซอฟต์แวร์ นักออกแบบซอฟต์แวร์ควรเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานของตนเอง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดงานได้ด้วย