อยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้า เงินเดือนไม่ขึ้น อาจนำไปสู่การลาออกพุ่งสูงในปี 2025
อยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้า โดนดองตำแหน่ง เงินเดือนไม่ขึ้น สาเหตุหลักพนักงานไม่พอใจในงาน นำไปสู่การลาออกพุ่งสูงในปี 2025
KEY
POINTS
- ผลสำรวจเผย ความไม่พอใจในงานของพนักงานจำนวนมากกำลังปะทุรุนแรงขึ้น อาจนำไปสู่การลาออกพุ่งสูงในปี 2025
- พนักงานกลุ่มตัวอย่างกว่า 60% รู้สึกติดขัดกับบทบาทหน้าที่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะใน “สายงานเทคโนโลยี” และ “สายงานโฆษณา” ต่างรู้สึกแย่กับงานปัจจุบันของพวกเขา
- ปีหน้าตำแหน่งงานใหม่ๆ กำลังเพิ่มขึ้นในตลาดงาน ผู้เชี่ยวชาญมองว่า หลังการเลือกตั้งสหรัฐการจ้างงานในภาคการผลิต การขนส่ง และโลจิสติกส์จะมีมากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้มีผลสำรวจใหม่จาก Glassdoor แพลตฟอร์มการหางาน และสมัครงานระดับโลก รายงานว่า ความไม่พอใจในงานของพนักงานจำนวนมากกำลังปะทุรุนแรงขึ้น และอาจนำไปสู่การลาออกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปี 2025
โดยทีมวิจัยได้ทำการสำรวจ และสอบถามความเห็นจากวัยทำงานระดับเชี่ยวชาญ 3,390 คน ผ่านระบบบนเว็บไซต์ ในเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่าพนักงานเกือบ 2 ใน 3 (กว่า 60%) รู้สึกติดขัดกับบทบาทหน้าที่ในปัจจุบัน โดยผู้ที่อยู่ใน “สายงานเทคโนโลยี” และ “สายงานโฆษณา” ต่างรู้สึกแย่กับงานในตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ระดับความพึงพอใจของพนักงานด้านโอกาสการเติบโตทางอาชีพลดลงมาตั้งแต่ปี 2022 แล้ว ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องหลังการระบาดใหญ่ องค์กรปรับโครงสร้าง รัดเข็มขัด ยกเลิกการทำงานแบบยืดหยุ่น
สำนักข่าว CNBC รายงานอ้างถึงความเห็นของ “แดเนียล จ่าว” (Daniel Zhao) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Glassdoor ที่พูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่า วัยทำงานรู้สึกว่าตลาดงานกำลังย่ำแย่ลง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผู้คนรู้สึกติดขัดในอาชีพการงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การไม่เติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงาน ขาดโอกาสเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน การไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือน หรืออยากหางานที่เหมาะกับตนเองมากกว่านี้แต่ยังไม่มีโอกาส
บางธุรกิจเพิ่มตำแหน่งงานมากขึ้น เมื่อคนงานมองเห็นโอกาสใหม่ อาจลาออกจากที่เดิมมากขึ้น
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า มีวัยทำงานจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจในงานปัจจุบันของตน และกำลังหางานที่เหมาะกับตัวเองมากกว่านี้ แต่ยังไม่มีโอกาสหรือยังไม่เจองานที่ตนเองชอบ อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า 2025 มีรายงานว่าตลาดงานกำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐ 2024 บางสายงานในหลากหลายอุตสาหกรรมกำลังปรับเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ๆ อีกจำนวนมาก
“ธุรกิจต่างๆ กำลังปรับแผนการจ้างงานสำหรับปี 2025 ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมบางภาคส่วน เช่น ภาคธุรกิจด้านที่อยู่อาศัย, อสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ฯลฯ การจ้างงานในธุรกิจเหล่านี้จะคึกคักมากขึ้น โดยอาจได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ” นักเศรษฐศาสตร์ของ Glassdoor อธิบายเพิ่มเติม
ด้าน เทอร์รี เพตโซลด์ หุ้นส่วนผู้จัดการของ Fox Search Group ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานระดับบริหาร ก็ได้แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า นายจ้างหลายรายกำลังตรวจสอบ และเปิดช่องทางการจ้างงานของตนอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้พวกเขาได้ระงับการจ้างงานไว้ชั่วคราว ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 เพราะสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่นิ่ง
“หลังการเลือกตั้งสหรัฐจบลง ตลาดงาน และการจ้างงานก็เริ่มดูดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีในครั้งนี้ การจ้างงานอาจเพิ่มขึ้นในภาคการผลิต การขนส่งและโลจิสติกส์ เช่นเดียวกับน้ำมันและก๊าซ” เพตโซลด์ ตั้งข้อสังเกต
วัยทำงานอาจตัดสินใจลาออก เพื่อไปทำงานที่ชอบแม้ได้เงินเดือนน้อยลงก็ยอม
ความหงุดหงิด และไม่พึงพอใจในงานปัจจุบันของวัยทำงานที่ถูกเก็บกดไว้ กำลังจะระเบิดออกมา เมื่อพวกเขาได้พบโอกาสใหม่ๆ ในอาชีพการงาน หรือได้เจองานที่พวกเขาอยากทำมากกว่างานปัจจุบัน ก็เป็นไปได้ว่าจะมีการลาออกสูงขึ้น จนอาจทำให้เกิดกระแสสิ่งที่เรียกว่า “revenge quitting” หรือ การแก้แค้นด้วยการลาออก
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานใหม่ของพวกเขา อาจไม่ใช่เปลี่ยนเพื่อให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น และได้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้น แต่กลับเกิดเทรนด์ใหม่คือ วัยทำงานส่วนใหญ่ที่ต้องการเปลี่ยนงานใหม่ในปัจจุบันยอมรับเงินเดือนที่ลดลง
ตามข้อมูลผลสำรวจของ Glassdoor ในปี 2024 พบว่า พนักงาน 17% ยอมลดเงินเดือนเมื่อย้ายงานใหม่ เมื่อเทียบกับ 15% ในปี 2023 และ 14% ในปี 2019 นอกจากนี้การยอมลดเงินเดือนตัวเองลงพบเห็นได้มากในกลุ่มวัยทำงานระดับผู้จัดการ และระดับผู้บริหาร ที่ลาออกจากงานเดิมเพื่อย้ายไปทำงานใหม่ในตำแหน่งที่ต่ำลงมา
“เรากำลังเห็นคนจำนวนมาก ยอมเปลี่ยนจากการเป็นผู้จัดการกลับมาเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป ซึ่งได้เงินเดือนน้อยกว่าตำแหน่งเดิม ซึ่งพวกเขามองว่าการลดเงินเดือนลงเล็กน้อยก็ดูสมเหตุสมผล คนงานวัยกลางคนบางคนบอกว่า จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ต้องการไต่เต้าขึ้นไปเป็นหัวหน้างาน หรือพวกเขาเคยลองเป็นแล้ว แต่พบว่ามันเครียดเกินไป หรือไม่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านอาชีพที่พวกเขาต้องการในอนาคต” นักเศรษฐศาสตร์ของ Glassdoor เล่าเพิ่มเติม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้จัดการระดับกลางได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างอย่างมาก บริษัทเลย์ออฟหัวหน้างานออกมากเกินไปจนไม่สมส่วนกับพนักงานระดับปฏิบัติการ ส่งผลให้ผู้จัดการที่เหลืออยู่ต้องมารับหน้าที่แทนผู้จัดการที่ลาออก ซึ่งภาระงานเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว นั่นอาจทำให้คนที่เหลืออยู่เหล่านั้นหมดไฟในการทำงาน และลาออกไปเองในที่สุด
อย่างไรก็ตาม แดเนียล จ่าว มองว่าการเปลี่ยนงานใหม่อาจเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ปัญหาความไม่พึงพอใจในงาน และการขาดการมีส่วนร่วมในงาน เพราะถือเป็นการขยายขอบเขตความรู้ และเปิดโอกาสให้ตนเองได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในพื้นที่อื่นหรือบริษัทอื่นบ้าง แม้ว่างานใหม่นั้นจะไม่ใช่ตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือได้เงินเดือนที่มากขึ้นก็ตาม เพราะเราสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากการได้เข้าไปในสภาพแวดล้อมใหม่ และบริบทใหม่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตในอาชีพการงานได้ในระยะยาว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์