‘Brooks’ จากรองเท้าบัลเลต์ สู่รองเท้าวิ่งมาราธอนพันล้าน
“Brooks” รองเท้าวิ่งยอดฮิตในหมู่นักวิ่งมาราธอนชาวมะกัน แซงหน้าหลายแบรนด์ดัง เช่น Adidas และ New Balance จนแบรนด์สร้างรายได้ทะลุพันล้านดอลลาร์ไปเมื่อปี 2024 แต่รู้หรือไม่ ? แท้จริงแล้วมีจุดกำเนิดมาจากการเป็น “รองเท้าบัลเลต์” จากเมืองเล็กๆ
ชื่อของ Brooks หรือ บรูคส์ อาจไม่ค่อยคุ้นหูนักสำหรับคนไทยบางคน แต่รองเท้าแบรนด์นี้ถือว่าเป็น “รองเท้าวิ่ง” ขวัญใจนักวิ่งชาวอเมริกัน เพราะจากผลสำรวจของ Running USA (อ้างอิงใน The Wall Street Journal) พบว่าในปี 2024 ที่ผ่านมานักวิ่งที่เข้าเส้นชัยในการวิ่งมาราธอนสวมใส่รองเท้าสัญชาติอเมริกันอย่าง “บรูคส์” เป็นจำนวนมาก คิดเป็นผู้หญิง 13.3% มากกว่าแบรนด์ดังอย่าง “อาดิดาส” ซึ่งอยู่ที่ 4.5% เท่านั้น ทางฝั่งผู้ชายก็นิยมบรูคส์ไม่แพ้กันเพราะมีมากถึง 9.2% แซงหน้าทั้ง Asics (10.6%), Hoka (9.2%), Adidas (7.5%), New Balance (6.1%), On (1.7%)
แม้บรูคส์จะโด่งดังในฐานะรองเท้าวิ่ง แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของแบรนด์นั้นมาจากการทำ “รองเท้าบัลเลต์” และรองเท้าสำหรับอาบน้ำในโรงงานเล็กๆ ที่เมืองฟิลาเดลเฟียเมื่อปี 1914 แม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ทางแบรนด์ก็ยังพยายามผลิตอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมเฉพาะทางอยู่เรื่อยๆ
จนในปี 1921 บรูคส์เริ่มก้าวเข้าสู่วงการกีฬาโดยการพัฒนารองเท่าสำหรับเบสบอล และในปี 1930 แบรนด์ก็เริ่มทำสตั๊ดฟุตบอลด้วยการเริ่มใช้นวัตกรรมที่เรียกว่า Natural Bend Arch Support และกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักกีฬาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้แบรนด์ยังจดสิทธิบัตร “Lock Tight” ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บของนักกีฬาด้วยการล็อกไม่ให้รองเท้าหลุดระหว่างแข่ง หลังจากนั้นบรูคส์ก็พัฒนารองเท้าสำหรับกีฬาตามมา ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง โบว์ลิง บาสเกตบอล เบสบอล มวย และมวยปล้ำ เป็นต้น
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บรูคส์หันเอามาดีด้าน “รองเท้าวิ่ง” ก็คือมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเบอร์ลินเกมส์ 1972 เมื่อ แฟรงค์ ชอร์เตอร์ (Frank Shorter) นักวิ่งชาวอเมริกันคว้าชัยชนะในการแข่งขันมาราธอนได้สำเร็จ ทำให้ทั้งโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจการวิ่งมากขึ้นทันที โรงงานของบรูคส์จึงสามารถเดินหน้าต่อไปได้และเริ่มโฟกัสไปที่การทำรองเท้าวิ่ง
ทำให้ในปี 1974 บรูคส์เริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการสอบถามข้อมูลเชิงลึกจากนั่งวิ่งตัวจริง และได้นำคำแนะนำของนักวิ่งโอลิมปิกอย่าง มาร์ตี้ ลิควอรี (Marty Liquori) มาพัฒนาเป็นรองเท้ารุ่น “Villanova” ทำให้บรูคส์เริ่มได้รับความนิยมในแวดวงนักวิ่งมากขึ้นในยุคนั้น
และในปี 1977 รองเท้ารุ่น “Vantage” ก็เป็นรองเท้าคู่แรกของบรูคส์ที่ขึ้นอันดับหนึ่งในนิตยสาร Runner's World เพราะนอกจากจะมีการใช้เทคโนโลยีแบบ EVA เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมแล้ว รองเท้ารุ่นนี้ยังมีแผ่นรองพื้นแบบถอดออกได้ที่ปรับให้เข้ากับเท้าของนักวิ่ง แม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้นอย่าง “จิมมี คาร์เตอร์” ยังสั่งซื้อไปหนึ่งคู่
บรูคส์พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองเท้าวิ่งอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 1989 รองเท้ารุ่น HydroFlow ที่มีลักษณะคล้ายกับโช้คอัพไฮดรอลิก โดยจะตอบสนองต่อน้ำหนักและการเดินของนักวิ่งแต่ละคนอย่างเฉพาะตัว และในปี 1991 HydroFlow ก็ได้รับตราประทับการรับรองจากสมาคมการแพทย์โรคเกี่ยวกับเท้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่า “บรูคส์” เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในปี 1999 บรูคส์ก้าวเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียลด้วยการพารองเท้ารุ่น “Adrenaline GTS 1” ออกสู่ตลาดและกลายเป็นรุ่นหนึ่งที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของแบรนด์ ส่วนหนึ่งเพราะได้รับการพัฒนาตามคอมเมนต์ของเหล่าผู้ค้าปลีกด้านรองเท้าวิ่งที่มองหารองเท้าคู่ใจที่รองรับเท้าได้ดีแต่ยังคงมีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการวิ่งได้ดีกว่ารองเท้าวิ่งของบรูคส์รุ่นแรกๆ
สำหรับนวัตกรรมเด่นๆ ที่บรูคส์เพิ่มเข้ามาใน Adrenaline GTS 1 ก็คือ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับปลายเท้า เปลี่ยนจากการลงส้นเท้าเป็นการออกแรงที่ปลายเท้าได้อย่างง่ายขึ้น และเพิ่มร่องที่ยืดหยุ่นซึ่งให้การรองรับและการยึดเกาะที่เหมาะสม
การพัฒนารองเท้าวิ่งของบรูคส์ยังดำเนินต่อไป เช่น “Adrenaline GTS 4” ที่ปรับความพอดี สมดุล และความคล่องตัวในการสวมใส่ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น และเปิดตัว Progressive Diagonal Rollbar ซึ่งใช้โฟมที่มีความหนาแน่นสามชั้นรูปทรงโค้ง ไม่เพียงแต่เพื่อป้องกันการลงน้ำหนักที่ส้นเท้าจากด้านนอกเข้าด้านในเท่านั้น แต่ยังช่วยนำเท้าไปข้างหน้าทีละน้อยตั้งแต่ส้นเท้าลงพื้นจนถึงปลายเท้าที่เคลื่อนออก นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ Adrenaline GTS 4 ได้รับรางวัล “Best Update” จาก Runner's World และเหรียญทอง “Best Renovation” จาก Running Network จนกลายเป็นรองเท้าขายดีที่สุดของบรูคส์
ที่สำคัญในเดือน ต.ค. 2024 ที่ผ่านมา “บรูคส์” สามารถสร้างรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สาม ถือว่าพุ่งสูงขึ้นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และยังเป็นการบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ก่อนเริ่มไตรมาสที่สี่อีกด้วย
ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการเติบโตในทุกภูมิภาคและช่องทางต่างๆ รวมถึงการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนในอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ในช่องทางอีคอมเมิร์ซของบริษัทก็เติบโตถึง 16% ไม่ใช่แค่นั้นแต่บรูคส์ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดรองเท้าวิ่งสำหรับผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในร้านค้าปลีกทั่วสหรัฐเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกัน และครองอันดับหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกรองเท้าเฉพาะทางในสหรัฐจนถึงไตรมาสที่สามของปี 2024 อีกด้วย
นอกจากนี้บรูคส์ยังผลักดันผลประกอบการไตรมาสที่สามในภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย โดยรายได้เติบโตมากกว่า 30% ในเอเชียแปซิฟิก - ละตินอเมริกา (APLA) ในขณะที่ในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) มีรายได้เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของยอดขายอีคอมเมิร์ซโดยตรงถึง 24% สำหรับตลาดรองเท้าวิ่งของเยอรมนีและฝรั่งเศส
การเติบโตปีต่อปีของบรูคส์นั้นสูงกว่าการเติบโตของรองเท้าวิ่งที่มีประสิทธิภาพโดยรวมในแต่ละประเทศประมาณสามเท่า ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2.2 จุดและ 1.0 จุด ตามลำดับสำหรับไตรมาสนี้
แดน เชอริดาน (Dan Sheridan) ซีอีโอของบรูคส์ระบุว่าทีมงานของแบรนด์ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อลูกค้าและนักวิ่งทั่วโลก
“เรายึดมั่นในการส่งมอบอุปกรณ์วิ่งสมรรถนะสูงที่สุด และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่กำลังมองหาอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกซื้อหรือใช้บริการแบรนด์ของเราจากที่ไหนก็ตาม และขณะเดียวกันเราก็ตั้งเป้าที่จะไปพบเจอผู้คนมากขึ้นในทุกวันเพื่อให้พวกเขาให้รู้จักกับบรูคส์ เพื่อให้พวกเขานึกถึงเราในครั้งต่อไปในตอนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้” แดนระบุ
