วอร์เรน บัฟเฟตต์ แนะวิธีจัดการมรดก ‘ให้ลูกอ่านพินัยกรรมก่อนที่คุณจะลงนาม’

วอร์เรน บัฟเฟตต์ แนะวิธีจัดการมรดก ‘ให้ลูกอ่านพินัยกรรมก่อนที่คุณจะลงนาม’

‘ให้ลูกอ่านพินัยกรรมก่อนที่คุณจะลงนาม’ เปิดคำแนะนำวิธีจัดการมรดกจาก ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ในฐานะพ่อผู้มั่งคั่ง และนักลงทุนมหาเศรษฐีระดับโลก

KEY

POINTS

  • มหาเศรษฐีชื่อดังระดับโลก ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ (Warren Buffett) เผยวิธีจัดการมรดกในฐานะพ่อของลูกสามคน ซึ่งพ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากเห็นภาพลูกๆ มาทะเลาะกันเพราะเรื่องมรดก
  • ไม่ว่าคุณจะมีมรดกมากหรือน้อยก็ตาม เมื่อลูกๆ ของคุณโตแล้ว ควรให้พวกเขาอ่านพินัยกรรมของคุณก่อนที่คุณจะลงนาม โดยฟังความคิดเห็นจากลูกๆ แล้วนำส่วนที่ “สมเหตุสมผล” มาปรับใช้
  • การจัดการพินัยกรรมร่วมกับครอบครัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนที่จะเสียชีวิต จะช่วยให้ครอบครัวมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น “ไม่มีอะไรจะน่าพอใจกว่านี้อีกแล้ว

ไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำด้านการลงทุนเท่านั้น แต่มหาเศรษฐีชื่อดังระดับโลก ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ (Warren Buffett) ยังได้ให้คำแนะนำสำคัญด้านการจัดการมรดกในฐานะพ่อของลูกๆ ทั้ง 3 คน ในช่วงบั้นปลายของชีวิตก่อนที่จะจากโลกนี้ไป พ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากเห็นภาพที่ทายาทของตนมาทะเลาะกันเพราะเรื่องมรดกที่คุณทิ้งไว้ให้ ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวเป็นวิธีที่ ‘พ่อของเขาก็ทำกับเขาแบบเดียวกัน’

วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่สูงวัยในการจัดการมรดกเพื่อส่งต่อให้ลูกๆ ซึ่งคำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณใกล้ชิดลูกๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความรู้สึกเจ็บปวดและการโต้เถียงในอนาคตได้ เขาบอกว่า ‘คุณไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐีก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ได้’

พ่อแม่ทุกคนควรให้ลูกๆ อ่านพินัยกรรมของคุณก่อนที่คุณจะลงนาม

บัฟเฟตต์ ซีอีโอของ Berkshire Hathaway เผยแพร่คำแนะนำนี้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ผมมีข้อเสนอแนะหนึ่งข้อสำหรับพ่อแม่ทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีมรดกกี่มากน้อย หรือมีฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็ตาม เมื่อลูกๆ ของคุณโตแล้ว ให้พวกเขาอ่านพินัยกรรมของคุณก่อนที่คุณจะลงนาม

บัฟเฟตต์บอกด้วยว่า พ่อแม่ต้องพยายามให้ลูกๆ เข้าใจถึงเหตุผลในการจัดการมรดกตกทอดเหล่านั้นอย่างชัดเจน ทั้งเหตุผลในการตัดสินใจของคุณและความรับผิดชอบที่ลูกๆ จะต้องเผชิญเมื่อคุณเสียชีวิต ต้องให้ลูกๆ สามารถถามคำถามหรือแม้แต่เสนอแนะปรับแต่งรายละเอียดในพินัยกรรมได้ 

“พ่อแม่ควรฟังความคิดเห็นเหล่านั้นจากลูกๆ อย่างตั้งใจ และนำคำแนะนำใดๆ ที่คุณคิดว่า “สมเหตุสมผล” มาใช้ในพินัยกรรม” นักลงทุนชื่อดังอธิบาย และบอกอีกว่า “คุณคงไม่อยากให้ลูกๆ ของคุณเกิดถามว่า ‘ทำไม’ ในเรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับพินัยกรรม หลังจากที่คุณไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้อีกต่อไป” 

การแชร์แผนจัดการมรดกกับลูกๆ ล่วงหน้า ช่วยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้

มาร์ติน เชงก์แมน ทนายความด้านการวางแผนจัดการมรดกที่ประจำอยู่ในนิวเจอร์ซี สะท้อนความเห็นผ่าน CNBC ต่อประเด็นนี้ว่า หลายๆ คนไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการจัดการมรดกของพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งไม่รู้ว่าแผนดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะแจกจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ทายาท หรือทิ้งมรดกตกทอดของครอบครัวเพียงไม่กี่ชิ้นให้แก่ลูกหลาน การแบ่งปันแผนดังกล่าวกับลูกๆ ล่วงหน้าจะช่วยหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่ไม่ต้องการ ความประหลาดใจ และความขัดแย้งระหว่างทายาทได้ 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ แนะวิธีจัดการมรดก ‘ให้ลูกอ่านพินัยกรรมก่อนที่คุณจะลงนาม’

“ทันทีที่พ่อแม่ไม่อยู่ อารมณ์ต่างๆ ของลูกหลานก็จะหลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ำ และบางครั้ง ทายาทก็ไม่ได้เข้ากันได้ดีเสมอไป” เชงค์แมนเน้นย้ำ

บัฟเฟตต์และชาร์ลี มังเกอร์ เพื่อนเก่าแก่และหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว สังเกตเห็นปรากฏการณ์เดียวกัน โดยบัฟเฟตต์เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ชาร์ลีและฉันเห็นครอบครัวหลายครอบครัวต้องแตกแยกกันหลังจากมีการเปิดพินัยกรรมที่เขียนไว้ภายหลังจากพวกเขาเสียชีวิต บางครั้งมันทำให้ผู้รับผลประโยชน์เกิดความสับสน และก็โกรธเคือง”

พ่อของบัฟเฟตต์เคยใช้เทคนิคนี้กับเขา ซึ่งทำให้การจัดการมรดกราบรื่น

บัฟเฟตต์มักจะเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์เกี่ยวกับทรัพย์สินและมรดกของตัวเองเป็นประจำ โดยเปลี่ยนแปลงทุกๆ สองสามปี โดยเขาไม่ลืมที่จะหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในพินัยกรรมกับลูกๆ ของเขาเสมอ และนำข้อเสนอแนะของลูกมาปรับแต่งในพินัยกรรม ซึ่งพวกเขาปฏิบัติกันเป็นประจำ 

อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ได้ระบุถึงรายละเอียดใหม่ประการหนึ่งในพินัยกรรมของเขา นั่นก็คือ เขาจะแต่งตั้งผู้ดูแลทรัพย์สินอิสระ 3 รายเข้าในมูลนิธิเพื่อการกุศลของเขา เพื่อสืบตำแหน่งต่อจากลูกๆ ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว 3 คนของเขา ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลคำมั่นสัญญาของเขาที่จะแจกจ่ายทรัพย์สิน 99% จากทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ ของเขาไปยังมูลนิธิหลังจากที่เขาเสียชีวิต

“ลูกๆ ของผมรู้จักกรรมการชุดใหม่นี้เป็นอย่างดี และพวกเราทุกคนก็เข้าใจการจัดการมรดกทั้งหมดกันอย่างดี” เขาบอกในรายละเอียด

การจัดการมรดกร่วมกับครอบครัว “ไม่มีอะไรน่าพึงพอใจกว่านี้แล้ว”

ในการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ในพินัยกรรมของเขา ซึ่งทำร่วมกับลูกๆ ทุกครั้ง วิธีนี้เป็นวิธีที่บัฟเฟตต์เลียนแบบกลยุทธ์ที่เขาเรียนรู้มาจากพ่อของเขาเอง ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ บัฟเฟตต์ตั้งข้อสังเกตว่า 

“ไม่มีอะไรผิดหากเราต้องปกป้องความคิดของตนเอง พ่อของผมก็ทำแบบเดียวกันกับผมเช่นกัน ผมเคยพบเห็นบางกรณีที่พินัยกรรมของพ่อแม่ผู้มั่งคั่ง ถูกจัดการร่วมกับครอบครัวอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ซึ่งช่วยให้ครอบครัวมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น” บัฟเฟตต์เขียนไว้ “ไม่มีอะไรจะน่าพอใจไปกว่านี้อีกแล้ว” 

บัฟเฟตต์มองว่า การพูดคุยเรื่องแผนการจัดการมรดกกับลูกๆ จะทำให้พ่อแม่และลูกๆ มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว การเปิดเผยและเต็มใจที่จะพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาสามารถสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีได้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกกล่าว