บัฟเฟตต์ แนะวิธีเป็นผู้นำที่ดีคือ อย่าล่าช้าในการแก้ข้อผิดพลาด

วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซีอีโอของบริษัท Berkshire Hathaway ไม่กลัวที่จะยอมรับเมื่อตัวเองหรือบริษัทของเขาทำผิดพลาด เพราะความผิดพลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อคุณรู้ตัวว่าได้ทำผิดพลาด คุณควรรีบยอมรับโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

บัฟเฟตต์ เขียนบรรยายเกี่ยวกับหลักคิดของเขานี้ในจดหมายประจำปีถึงผู้ถือหุ้นที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เขาได้เรียนรู้บทเรียนนี้จากคู่หูทางธุรกิจและเพื่อนรักของเขา ชาร์ลี มังเกอร์ ผู้ล่วงลับ

"การแก้ไขความผิดพลาดที่ล่าช้า คือ บาปมหันต์ ชาร์ลี มังเกอร์มักเรียกสิ่งนี้ว่า thumb-sucking มังเกอร์ยังสอนผมอีกว่า ปัญหาต่างๆ ไม่สามารถหายไปได้เอง มันต้องการการลงมือแก้ไข ไม่ว่าเราจะรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ตาม" บัฟเฟตต์ บอก

บัฟเฟตต์ ยอมรับว่าตนเองก็เป็นผู้นำที่ผิดพลาดบ่อยเช่นกัน แต่เขารีบแก้ไขมัน

บัฟเฟตต์ ใช้คำว่า "ความผิดพลาด" และ "ข้อผิดพลาด" 16 ครั้งในจดหมายประจำปีตั้งแต่ปี 2019 - 2023 เขาระบุในการสื่อสารปีนี้ ความผิดพลาดเหล่านั้นมีตั้งแต่การประเมินผู้สมัครงานผิดไป และคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจอย่างไม่ถูกต้อง ไปจนถึงการลงทุนในบริษัทที่ไม่เหมาะสม

ความผิดพลาดส่วนใหญ่ของเขาที่ เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เกิดจากความลังเล บัฟเฟตต์กล่าวในการประชุมประจำปีของบริษัทในปี 1997 เขาพลาดโอกาสในการลงทุนในบริษัทใหม่ที่น่าตื่นเต้นเพราะพวกเขาขอเงินมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดในการทำงานเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเราต้องรีบแก้ไขมันได้ทันท่วงทีต่างหาก

"ต้นทุนของสิ่งนั้น มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ระมัดระวังของบริษัท ผมคงจะยังคงทำความผิดพลาดนั้นต่อไป " บัฟเฟตต์ เล่า

บทเรียนจาก มังเกอร์ ผู้ล่วงลับ หลักคิดของเขายังคงใช้ได้อยู่เสมอ

มังเกอร์แสดงจุดยืนของเขาเกี่ยวกับการทำผิดพลาดอย่างชัดเจนในการประชุมของบริษัท Wesco Financial Corporation ในปี 2016 โดยตอนนั้นเขาบอกไว้ว่า คุณไม่ควรครุ่นคิดถึงข้อผิดพลาดในอดีต แต่คุณควรไตร่ตรองถึงมันเพื่อหลีกเลี่ยงการทำซ้ำ

"ไม่มีใครที่ทำได้สำเร็จทุกอย่าง ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทบทวนความโง่เขลาในอดีตของคุณ เพื่อให้คุณมีแนวโน้มที่จะทำผิดซ้ำๆ น้อยลง แต่ผมไม่ได้โกรธ โมโห หรือทุกข์ทรมานไปกับมัน" มังเกอร์ อธิบาย

การยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองได้นั้น จะทำให้ผู้นำองค์กรหรือซีอีโอสามารถสร้างความไว้วางใจในหมู่เพื่อนร่วมงาน เพราะแสดงให้เห็นถึงความฉลาดทางอารมณ์และความถ่อมตัว แมตต์ อับราฮัมส์ (Matt Abrahams) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารบอกกับ CNBC Make It เมื่อปีที่แล้ว มันสามารถทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการยอมรับเมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน ซึ่งนำไปสู่การทำงานเป็นทีมและการร่วมมือกันมากขึ้น

บทเรียนความผิดพลาดของ แอนดี้ แจสซี่ ซีอีโอ Amazon เขายอมรับมันแล้วเดินหน้าต่อ

อีกหนึ่งผู้นำที่ประสบความสำเร็จก็คือ "แอนดี้ แจสซี่" (Andy Jassy) ซีอีโอคนปัจจุบันของ Amazon เขาเล่าผ่านวิดีโอออนไลน์ของ Amazon เมื่อปีที่แล้วไว้ว่า เขาเองก็เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในการทำงานเช่นกัน ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเขาที่ Amazon ตอนนั้นเขาได้นำเสนอ PowerPoint 220 สไลด์เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของทีมเขาต่อ "เจฟฟ์ เบโซส" (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารคนอื่นๆ ของบริษัท

แต่ในระหว่างการนำเสนอ เบโซส สังเกตว่าสไลด์หนึ่งเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด แจสซี่ยอมรับผิดด้วยความถ่อมตัวแทนที่จะป้องกันตัว (เขาไม่แก้ตัวว่าตัวเองไม่ผิด) เขาขอโทษ ยอมรับข้อผิดพลาด แล้วเดินหน้าต่อโดยไม่ครุ่นคิดถึงมัน

เขาบอกว่า "ถ้าคุณต้องการสร้างความไว้วางใจจงยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ถ้าคุณมีทักษะหรือไอเดียอะไรในการทำงาน ก็จงทำมันให้สำเร็จ และถ้าคุณเป็นเจ้าของไอเดียที่มันไม่ได้เรื่อง ก็จงวิจารณ์ตัวเองและแก้ไขมัน" แจสซี่กล่าวในวิดีโอ

การยอมรับความผิดพลาด = เกิดการเรียนรู้ ส่งผลต่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นในครั้งต่อๆ ไป

ย้อนกลับมาที่มหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง บัฟเฟตต์ สำหรับเขาแล้วการผิดพลาดหลายๆ ครั้งมีข้อดี นั่นคือ ตลอดช่วงเวลาที่เขาบริหารเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ การตัดสินใจที่ถูกต้องของเขามีผลกระทบมากกว่าการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปีนี้

“จากประสบการณ์ของเรา การตัดสินใจที่ถูกเพียงครั้งเดียวสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในระยะยาว” เขากล่าว พร้อมยกตัวอย่างการเข้าซื้อกิจการบริษัทประกันภัย Geico การแต่งตั้ง อาจิต เชน (Ajit Jain) เป็นรองประธานฝ่ายประกันภัย

ผมโชคดีที่ได้พบชาร์ลี มังเกอร์ ในฐานะหุ้นส่วนที่ไม่เหมือนใคร ที่ปรึกษาส่วนตัว และเพื่อนแท้ที่มั่นคง

“ความผิดพลาดในที่สุดมันจะจางหายไป แต่ความสำเร็จสามารถเติบโตต่อไปได้ตลอดกาล” บัฟเฟตต์กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด

 

อ้างอิง: CNBC