ขี่เสือ (ไต่) ภูเขาที่ 'สิงห์ ปาร์ค'

ขี่เสือ (ไต่) ภูเขาที่ 'สิงห์ ปาร์ค'

ย่างเข้าใกล้ปลายปีแล้ว แต่คนกรุงเทพฯยังไม่ได้สัมผัสลมหนาวแม้แต่นิดเดียว หลายคนต้องแพ็คกระเป๋าขับรถไปหาลมหนาวที่แหล่งท่องเที่ยวทางเหนือ

ทริปนี้ขอเอาใจคนรักจักรยานกับทริปชวนปั่นที่เมืองเหนือสุดแดนสยาม


สิงห์ ปาร์ค เชียงราย หรือ ไร่บุญรอด ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวรับลมหนาวแรกของปีด้วยกิจกรรม "Singha Park Touring Bike Fest” ชวนคนปั่นจักรยาน ณ เมืองเชียงราย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ปั่นจักรยานท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงาม สงบเงียบ พรั่งพร้อมด้วยศิลปวัฒนธรรมและความเป็นชุมชนเมืองที่งดงาม โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2


รวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เล่าให้ฟังว่า ทางบริษัทมีจุดมุ่งหมายพัฒนาให้สิงห์ ปาร์ค เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในประเทศไทย จึงมีการพัฒนาไร่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สร้างความสุขให้กับชุมชนท้องถิ่นรวมทั้งแขกต่างเมืองที่มาเยือน ปีที่แล้วเราริเริ่มกิจกรรมนี้เป็นครั้งแรกด้วยการชวนคนเชียงรายมาร่วมปั่นจักรยานเพื่อรณรงค์ให้เชียงรายเป็นเมืองต้นแบบของการปั่นจักรยาน มาปีนี้เรามีการเปิดเส้นทางจักรยานท่องเที่ยว 3 เส้นทางที่เป็นเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยงามที่สุดของเมืองเชียงราย สามารถใช้เวลาปั่นได้ครบทุกเส้นทางโดยใช้เวลาราว 2-3 วันซึ่งเหมาะสำหรับการพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์


เส้นทางชวนปั่น 3 เส้นทางที่เปิดใหม่คือ "เส้นทางซิตี้ทัวร์" เหมาะสำหรับนักปั่นที่ชื่นชอบทัวร์ชมเมืองและความสวยงามของวัด เส้นทางนี้เริ่มจาก สิงห์ปาร์ค - ตัวเมืองเชียงราย - อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช - วัดร่องขุ่น - สิงห์ปาร์ค รวมระยะทาง 40 กิโลเมตร


สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในเส้นทางนี้เริ่มจากแวะชมหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ เชียงราย ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหอนาฬิกาที่สวยที่สุดในประเทศไทย ออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ หอนาฬิกาแห่งนี้จะมีการบอกเวลาทุกชั่วโมง และในช่วงเวลา 19.00 น. - 21.00 น. ของทุกวัน ไฟที่ประดับหอนาฬิกาจะเปลี่ยนสี จากนั้นเสียงเพลง ”เชียงรายรำลึก” จะดังขึ้นเพื่อขับกล่อมนักท่องเที่ยวให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองเหนือ


มาถึงเชียงรายทั้งที ต้องไม่ลืมแวะสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช กษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงรายที่บริเวณห้าแยกพ่อขุนเม็งราย


จุดพักต่อไปที่นักปั่นไม่ควรพลาดก็คือ วัดร่องขุ่น วัดที่มีความสวยงามโดดเด่นด้วยฝีมือการออกแบบและก่อสร้างของอาจารย์เฉลิมชัย เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด วัดแห่งนี้จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่และงดงามน่าชมมากแห่งหนึ่ง ความงดงามของวัดอยู่ที่พระอุโบสถที่เนรมิตให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ ภายในโบสถ์ประดับด้วยภาพเขียนโทนสีทองบนผนังทั้ง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง นอกจากจะชมความงดงามของพระอุโบสถแล้ว ยังสามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย


ใครที่ชื่นชอบธรรมชาติน้ำตก ขอแนะนำ “เส้นทางธรรมชาติน้ำตกขุนกรณ์” ซึ่งเริ่มจาก สิงห์ปาร์ค- น้ำตกขุนกรณ์ - สิงห์ปาร์ค รวมระยะทางไปกลับ 36 กิโลเมตร ออกจากสิงห์ปาร์คเราปั่นตรงไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก จอดจักรยานไว้ที่ทางเข้า จากนั้นเดินเท้าไปยังตัวน้ำตก ใช้เวลาราว 30 นาทีก็จะถึงน้ำตกที่สูงและสวยที่สุดของเชียงราย ชาวบ้านเรียกว่าน้ำตก "ตาดหมอก" มีความสูงถึง 70 เมตร ระหว่างทางเดินไปยังน้ำตกเป็นป่าเขาธรรมชาติที่ร่มรื่นและสวยงามจนทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง


เส้นทางสุดท้ายคือ "เส้นทางธรรมชาติลำน้ำกก" เส้นทางนี้ถือเป็นเส้นทางที่ปั่นยากที่สุดแต่ขอบอกว่าสวยสุดๆ เส้นทางนี้เหมาะสำหรับนักปั่นที่ชื่นชอบแนวเอ็กซ์ตรีม เส้นทางเริ่มต้นจาก สิงห์ปาร์ค - ลำน้ำกก - ปางช้าง - หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ตลอดเส้นทางที่มีระยะทางไปกลับรวม 72 กิโลเมตรนี้มีทั้งทางเรียบและเนินขึ้นลงเขา เส้นทางนี้จะปั่นผ่านแม่น้ำที่ขึ้นชื่อของเชียงรายที่ไหลทอดยาวไปตามพื้นที่ราบเชิงเขาจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก นักปั่นจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทาง เพราะปั่นอยู่บนถนนเลียบสองฝั่งแม่น้ำ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและสามารถจอดแวะพักชมวิวให้หายเหนื่อยได้


จุดพักแรกที่แนะนำคือ จุดชมวิวลำน้ำกก ตรงนี้เราสามารถมองเห็นวิวพาโนรามาของปางช้างและมองเห็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรที่มีลำน้ำกกพาดผ่านโดยมีเทือกเขาสลับซับซ้อนมองเห็นอยู่เบื้องหลัง


แหล่งท่องเที่ยวจุดต่อไปคือ บ่อน้ำร้อนผาเสริฐ ที่อยู่บริเวณริมลำห้วยโป่งน้ำร้อน นักปั่นสามารถซื้อไข่และนำไปแช่บ่อน้ำร้อนรอจนไข่สุกได้ หรือใครอยากจะอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพก็มีให้บริการทั้งบ่อรวมและบ่อแยก


ปั่นต่อไปอีกราว 5 กิโลเมตรก็จะถึงไฮไลท์ของทริปชวนปั่น นั่นคือ สะพานแขวนอาแหล่ ซึ่งเป็นสะพานไม้โบราณที่ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ไว้เพื่อใช้ข้ามสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำกก สะพานนี้จะพานักปั่นข้ามฟากไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรซึ่งเป็นหมู่บ้านชนเผ่าต่างๆ ทั้ง กะเหรี่ยง อาข่า ม้ง เย้าและลีซอ ชาวเผ่าเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมอาชีพให้ผลิตผ้าทอพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนเผ่า นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกได้ หรือจะแวะที่ปางช้างเพื่อให้อาหารช้างและถ่ายรูปกับช้างได้เช่นกัน ใครสนใจนั่งช้างชมทุ่งดอกบัวตองในฤดูหนาวที่บานสะพรั่งทั่วหุบเขาก็มีให้บริการ


นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นหน้าฝน ใครสนใจสามารถแวะรับแผนที่เส้นทางปั่นทั้ง 3 เส้นทางได้ฟรีที่สิงห์ ปาร์ค หรือจะโหลดแผนที่ออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น NOSTRA Map Thailand ก็ได้ และไม่ต้องกลัวว่าจะปั่นหลงไปไหน เพราะสิงห์ ปาร์ค มีการจัดทำป้ายบอกทางตลอดระยะทางในทุกเส้นทาง


สำหรับนักปั่นมือใหม่หรือคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยขี่จักรยานเสือภูเขาหรือ Mountain Bike เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะปั่นไม่ได้ ให้เจ้าหน้าที่ที่สิงห์ ปาร์ค สอนเรื่องการเปลี่ยนเกียร์และการแตะเบรคนิดหน่อยก็ขี่ได้สบายปร๋อ ใครพอมีเวลาเหลืออยากขอปั่นในแทรคจักรยานภายในสิงห์ ปาร์ค ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าลิ้มลอง


หนาวนี้แพ็คเสือภูเขาแวะมาแอ่วเจียงฮาย แล้วจะรู้ว่าปอดแห่งใหม่อยู่ใกล้แค่นี้เอง