การร่ายรำของดอกไม้ใน 'The Blue Sky Garden'

แต่ขอบอกว่า สถานที่สุดอลังการแห่งนี้อยู่ในเมืองไทย และอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง

The Blue Sky Garden อาจเป็นน้องใหม่ในวงการสวนดอกไม้ แต่ชื่อ “บลูสกาย” หลายๆ คนคงพอรู้จักดี เพราะชื่อนี้เองที่ทำให้ใครต่อใครอยากเดินทางมาเยือน “เขาค้อ” จังหวัดเพชรบูรณ์

ก่อนหน้าจะเปิดสวนดอกไม้สไตล์อังกฤษในชื่อ The Blue Sky Garden วิรัตน์ คุณารัตนอังกูร กรรมการผู้จัดการ เดอะ บลู สกาย กรุ๊ป บอกว่า ที่นี่เปิดให้บริการเป็นที่พักในชื่อ The Blue Sky Resort @ Khao Kho มาก่อน และแน่นอน ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด เพราะสไตล์ของรีสอร์ทนั้น แตกต่างจากที่พักอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

ด้วยความที่เป็นคนชอบเดินทาง และเดินทางมาสัมผัสความเป็นเขาค้ออยู่ประจำ ทำให้วิรัตน์ ตัดสินใจสร้าง เดอะ บลู สกาย รีสอร์ท แอท เขาค้อ โดยออกแบบให้เป็นบ้านสไตล์อังกฤษแบบที่เรียกว่า English Country มีความอบอุ่น สงบงาม เก๋ไก๋ และได้อารมณ์ผู้ดีอังกฤษนิดๆ

รีสอร์ทแห่งนี้เปิดให้บริการมาพักใหญ่ โดยในพื้นที่ราว 18 ไร่ มีห้องพักเรือนไม้สีขาวตกแต่งสไตล์วินเทจทั้งหมด 28 ห้อง แต่มากกว่าความสะดวกสบายของที่พัก นักท่องเที่ยวหลายๆ คนยังตกหลุมรักกับบรรยากาศสวนสวยที่มีกุหลาบเลื้อยและดอก Blue Salvia สีม่วงสดใสเป็นดอกไม้เชียร์แขก
หากใครเคยไปถ่ายเซลฟี่ที่นี่มาแล้ว อาจสังเกตเห็น “บ้านนก” หลังสีฟ้า ที่มีข้อความเขียนว่า 365 cool English valley ในความหมายนี้ วิรัตน์ ว่า เพราะเขาค้อเป็นสถานที่ที่สามารถมาเยี่ยมเยือนได้ตลอด 365 วัน แถมอากาศดีจนอยากอยู่นานๆ ด้วยซ้ำ

เมื่อได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยว รวมถึงคำชื่นชมเรื่องสวนสวยๆ วิรัตน์ จึงขยับขยายพื้นที่เพิ่มอีก 30 ไร่ แล้วเนรมิตให้เป็นสวนสไตล์อังกฤษแบบที่เรียกว่า English Garden

วิรัตน์ บอกว่า สวนนี้ออกแบบโดยดีไซเนอร์คนเดียวกับที่ออกแบบ Palio เขาใหญ่ โดยจัดแบ่งให้เป็นสวน 4 ฤดู หรือ The Seasons คือมีทั้ง Summer, Spring, Autumn และ Winter แล้วใช้คำว่า The Blue Sky Garden เป็นชื่อสวนดอกไม้

เมื่อเดินเข้ามาภายในสวน จะรู้สึกได้ทันทีว่าที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย เพราะด้วยทำเลที่ตั้งของสวนดอกไม้อยู่ในหุบที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา บนความสูงราว 800 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้ The Blue Sky Garden มีอากาศเย็นสบาย เดินชมดอกไม้แล้วจึงไม่รู้สึกว่าร้อน

ในส่วนของดอกไม้ที่นำมาจัดแต่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวแทรกไปกับดอกไม้เมืองร้อนหลากสีสัน แต่อยู่ด้วยกันอย่างงดงามลงตัว ดอกไม้เป็นตัวนำสายตาที่จะพาเข้าไปหยุดที่ลานน้ำพุที่อยู่ตรงกลาง สายน้ำที่กระเซ็นเป็นสาย เมื่อใครยื่นแขนเข้าไปสัมผัสก็จะรู้สึกสดชื่นทุกรายไป

ถ้าเดินในสวน 4 ฤดูจนจุใจแล้ว(อาจต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวัน) แนะนำให้เดินต่อไปที่สวนเล็กๆ ที่จัดแต่งให้เป็นเขาวงกต สนุกสนานกับการหาทางออกไปพร้อมๆ กับการถ่ายรูปสวยๆ ลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่าที่นี่เหมาะแก่การมาถ่ายภาพ pre-wedding ที่สุด เพราะทุกมุมถูกออกแบบมาให้ดูหวาน โรแมนติก จึงเหมาะกับทุกคู่รัก แถมถ่ายภาพออกมาแล้วบรรยากาศเหมือนบินไปถ่ายจากประเทศทางแถบยุโรปเลยทีเดียว

นักท่องเที่ยวที่มาแล้วเกิดติดใจ อยากมีสวนสวยๆ แบบนี้บ้าง หรืออยากพักกายพักใจตรงนี้ วิรัตน์ก็มีโครงการ The Cotswold หมู่บ้านอังกฤษที่มีภูมิทัศน์สวยงาม และตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางถึง 50 ไร่ เป็นที่ดินจัดสรรแบ่งขาย ใครมีเงินเหลือๆ อยากจะซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศก็คงจะดีไม่น้อย

เพราะเขาค้อคือจุดหมายของใครหลายคนที่รักธรรมชาติและความสงบ ที่นี่จึงเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการพักผ่อนอย่างแท้จริง