สิ้น'ระเบียบ พลล้ำ'ผู้ก่อตั้งวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์
“ระเบียบ พลล้ำ” ผู้ก่อตั้งวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อบ่ายวันที่ 20 พ.ย. จากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายระเบียบ พลล้ำ อายุ76ปี ผู้ก่อตั้งวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ คณะหมอลำชื่อดังของจังหวัดขอนแก่น ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ที่บ้านพักสำนักงานหมอลำคณะระเบียบวาทะศิลป์ บ้านสาวะถี ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงบ่าย วันที่20พฤศจิกายน2559ที่ผ่านมา ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง หลังเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่22ตุลาคมที่ผ่านมา แต่อาการไม่ดีขึ้น แม้แพทย์จะให้การรักษาอย่างเต็มที่แล้ว โดยทางครอบครัวและลูกหลานสมาชิกวงได้จัดพิธีสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านพักสำนักงานหมอลำคณะระเบียบวาทะศิลป์ ไปจนถึงวันที่26 พฤศจิกายน2559 และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่27 พฤศจิกายนนี้ โดยญาติกำลังหารือกันว่าการทำพิธีฌาปนกิจจะจัดขึ้นที่วัดใกล้บ้าน หรือจะมีการจัดหาสถานที่ที่มีความเหมาะสมในเรื่องของพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอต่อประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมส่งดวงวิญญาณของพ่อระเบียบเป็นครั้งสุดท้าย
นายภักดี พลล้ำ อายุ49 ปี ลูกชายของระเบียบ พลล้ำเล่าว่า หลายปีมานี้พ่อต้องต่อสู้กับอาการป่วยหลายอย่างที่เข้ามาคุกคามชีวิต ทั้งรูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ และต่อมลูกมากโต ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่าตัดลำไส้เมื่อ6 ปีที่แล้ว จากนั้นก็มีอาการป่วยออดๆแอดๆจนต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ กระทั้งอาการป่วยกำเริบขึ้นจากบาดแผลบริเวณนิ้วโป้งเท้าข้างขวาอักเสบ ซึ่งเป็นบาดแผลที่เกิดจากการสะดุดกับรถวีลแชร์ขณะก้าวขาขึ้นไปนั่งก่อนหน้านี้ โดยมีอาการเท้าบวมแดง และมีไข้ จนญาติต้องนำส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น และพักรักษามาตั้งแต่วันที่22ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่ากระดูกนิ้วโป้งเท้าขวาติดเชื้อ จึงให้พักรักษาภายในห้องปลอดเชื้อประมาณ3 วันจากนั้นอาการของพ่อก็ดีขึ้น และสามารถโต้ตอบกับลูกหลานที่ไปเยี่ยมได้มาบ้าง จึงย้ายออกมาจากห้องปลอดเชื้อ กระทั้งวันที่30ตุลาคมที่ผ่านมา แพทย์ได้มาตรวจดูอาการที่เท้าขวาที่มีอาการติดเชื้อเพื่อจะทำการผ่ารักษาแต่พ่อกลับทรุดลงอีกครั้ง ความดันลดลง หัวใจเต้นผิดปกติ และเลือดเป็นกรด จึงย้ายเข้าห้องไอซียู เพื่อทำการรักษา เหมือนกับว่าโรคที่พ่อกำลังต่อสู้อยู่ มันพัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับยาของหมอ เพราะไม่ว่าให้ยาอะไรเข้าไปพ่อก็ยังไม่ดีขึ้น หมอบอกกับเราว่าเหลือยาอีกเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะให้พ่อ ถ้าหากให้ยาไปครั้งนี้อาการยังไม่ดีขึ้นก็ต้องปล่อยพ่อไป เพราะร่างกายรับยาไม่ไหวแล้ว เราก็เข้าใจเพราะหมอก็ทำเต็มที่แล้ว กระทั้งมาเสียชีวิตลงอย่างสงบในช่วงบ่ายของวันที่20 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยเป็นการกลับมาเสียชีวิตที่บ้าน
“ ก่อนที่พ่อจะสิ้นใจ ผมบอกข้างหูพ่อว่าไม่ต้องห่วงวงนะ วงที่พ่อสร้างมาลูกๆจะสืบสานต่อไป และจะเจริญตามรอยพ่อพ่อเคยปกครองลูกๆในวงอย่างไร ก็จะทำเช่นนั้น พ่อบอกกับเราเสมอว่าให้อยู่กันแบบครอบครัว อย่าอยู่แบบนายกับลูกจ้าง มีอะไรก็กินด้วยกัน ช่วยเหลือกัน ลูกน้องลำบากเราก็ต้องลำบากด้วย เรามีความสุขลูกน้องก็ต้องมีด้วย ให้เรารักสามัคคีกัน และรักษาวงหมอลำไว้ให้คงอยู่คู่แผ่นดินอีสาน ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อห่วงมากที่สุด เราได้เห็นจากรอยยิ้มของพ่อในวันที่คณะระเบียบวาทะศิลป์เปิดวง เมื่อวันที่17พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนนั้นพ่อยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ก็ได้เอาคลิปการแสดงให้พ่อดู พ่อก็ยิ้มอย่างมีความสุข ซึ่งเราสัญญาว่าจะรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พ่อสร้างมันขึ้นมาด้วยสองมือของพ่อ”
ระเบียบ พลล้ำ เป็นผู้บุกเบิกและผู้ก่อตั้งวงหมอลำระเบียบวาทะศิลป์ มากว่า53ปี โดยเริ่มศึกษาเรียนรู้การเป็นหมอลำมาจาก “แม่แซง แสงอรุณ” เจ้าของวงหมอลำพื้นบ้าน ซึ่งเป็นครูที่สอนการลำให้กับระเบียบ ต่อมาระเบียบได้ตั้งวงหมอลำของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า ระเบียบวาทะศิลป์ ในช่วงเริ่มต้นมีสมาชิกวงเพียง4 คนคือระเบียบ พลล้ำ ซึ่งรับบทเป็นพระเอกด้วยตัวเอง และมีดวงจันทร์ พลล้ำ ภรรยา รับบทเป็นนางเอกหมอลำมีเครื่องดนตรีเพียง 2 ชิ้น คือ กลองยาว และแคนจากนั้นจึงพัฒนาการแสดงขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั้งมีสามาชิกเพิ่มากขึ้น และก้าวขึ้นมาเป็นคณะหมอลำแถวหน้าของจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสาน จนได้รับรางวัลจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มากมาย สิ่งที่ระเบียบ พลล้ำ ภาคภูมิใจมากที่สุดคือการเห็นเยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจในด้านหมอลำ ซึ่งเป็นความสุขที่บอกผ่านผู้เป็นลูกชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2548 คณะระเบียบวาทะศิลป์ ได้สูญเสียหนึ่งในเสาหลักของวง คือ แม่ดวงจันทร์ พลล้ำ ภรรยาของพ่อระเบียบ ในวัย67ปี กระทั้งมาสูญเสียพ่อระเบียบไปในวันที่20พฤศจิกายน2559ในวัย76ปี ซึ่งวันและเดือนที่ทั้งสองท่านเสียชีวิตมีความคล้ายคลึงกัน ต่างกันเพียงปี พ.ศเท่านั้น รวมทั้งเลขอายุด้วย ทางญาติจึงมองว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ คล้ายกับว่าทั้งสองท่านมีสัญญาใจต่อกัน