รู้จัก 'คาซัคสถาน' จากอาหารการกิน
หลังจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา แนะคนไทยเลี่ยงไปคาซัคสถาน เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถาน ออกกฎใหม่กักตัว24วัน ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้จักสาธารณรัฐคาซัคสถานมากขึ้น
กรุงเทพธุรกิจ ชวนคุณไปทำความรู้จักดินแดนที่อยู่ระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย (ฝั่งตะวันตกติดกับโซเวียต ฝั่งตะวันออกติดจีน)
รัฐสุดท้ายที่ประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ที่สุดในโลกและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก ผ่านอาหารการกินจาก 5 ร้านชื่อดังในกรุงอัสตานา เมืองหลวงของสาธารณรัฐคาซัคสถานที่บอกเล่าถึงความหลากหลายในสังคมปัจจุบัน
1. อาลี บาบา
อาลี บาบา เป็นร้านอาหารที่ชวนให้เราจินตนาการไปถึงนิทานอาหรับราตรี เราเดินผ่านสวนสาธารณะใกล้ริมแม่น้ำอีชิม (Ishim River) แม่น้ำที่อยู่กลางเมืองบริเวณที่ชาวเมืองมักจะมาเดินเล่น ใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจในฤดูร้อน (เดินทางเดือนกรกฎาคมอุณหภูมิราว22 องศาเซลเซียส) ได้เห็นผู้คนในเมืองที่หน้าตาเป็นลูกผสมจากหลายเชื้อชาติ มีทั้งหน้าฝรั่ง แขก จีน (สืบเชื้อสายจากมองโกล) แสดงถึงความหลากหลายแต่โดยรวมแล้วผู้หญิงสวย ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่
ลัดเลาะสวนสาธารณะไปจะพบกับทางเข้าของร้านอาลี บาบา เหมือนเป็นทางเชื่อมเข้าไปสู่ดินแดนในนิทาน พนักงานหญิงสาวสวมเครื่องแต่งกายแบบอาหรับ เสียงกรุ๊งกริ๊งของเครื่องประดับดังเป็นจังหวะยามเธอเยื้อนย่าง
ภายในร้านมีสวนเล็กๆ มุมหนึ่งจัดเป็นสนามเด็กเล่น (ไม่ว่าจะไปไหนเราจะพบพ่อแม่เข็นรถเข็นเด็กทั่วไป) ส่วนของร้านอาหารนั้นแบ่งออกเป็นโซนที่นั่งจัดเหมือนเต็นท์ สำหรับนั่งสังสรรค์กันแบบส่วนตัว ตกแต่งด้วยเครื่องประดับสวยงาม อีกโซนจัดเป็นโต๊ะเก้าอี้ในเต็นท์ขนาดใหญ่เหมือนอาคารโถง
คราวนี้มาถึงอาหารจานเด่นของที่นี่กันบ้าง เนื่องจากชาวคาซัคในอดีตมีวิถีชีวิตด้วยการเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน ประกอบกับสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นทุ่งราบและทะเลทราย อากาศฤดูร้อนแตกต่างจากฤดูหนาวที่หนาวไปถึง -40 องศาเซลเซียส (จินตนาการไม่ถูกเลยว่าจะอยู่กันอย่างไร) อาหารการกินส่วนใหญ่จึงเป็นเนื้อสัตว์ ได้แก่ แพะ แกะ ม้า ซึ่งมีการนำมาทำแบบถนอมอาหารเป็นไส้กรอก กับปรุงกันแบบง่ายๆด้วยการปิ้งย่าง ต้ม
มา อาลี บาบา ต้องกินเนื้อม้าย่าง คนที่นี่กินเนื้อมาเพื่อต่อสู้กับอากาศหนาวอันโหดร้าย เนื่องจากเนื้อม้าให้พลังงานสูง ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เนื้อม้าย่างที่อาลี บาบา เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสพริก หอมหัวใหญ่ซอย มะเขือเทศ เวลากินห่อด้วยแป้งคล้ายโรตีบางๆ เนื้อม้าที่นี่ผ่านการหมักและย่างมาอย่างดีจึงไม่มีกลิ่นคาวดังคาด
นอกจากนี้ยังมีเนื้อแกะ เนื้อไก่ที่ย่างมาอย่างแห้งพอดี กินคู่กับสลัดผัก และเบาร์ซากี (Baursaki) รูปร่างกลมๆทำจากแป้งทอดรสอร่อย คล้ายปาท่องโก๋แต่ไม่เหนียว กินแล้วคิดถึงนมข้นหวานเลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานมื้อค่ำ ดื่มเบียร์เย็นๆ ยิ่งในฤดูร้อนอย่างนี้สองทุ่มแล้วท้องฟ้ายังเหมือนห้าโมงเย็นบ้านเราอยู่เลย
ที่ตั้ง : 3 Bukeikhan st , Astana , Kazakhstan
2. Turfan
อีกมุมหนึ่งของแม่น้ำอีชิม ไม่ไกลจากอาลี บาบา เป็นที่ตั้งของร้านทูร์ฟาน (Turfan) หน้าร้านไม่เตะตาเลย แต่พอผลักประตูเข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในตุรกี ด้วยสีสันของเครื่องประดับตกแต่งอีกทั้งโมเสคประดับร้าน รวมถึงโคมไฟ ซึ่งลวดลายใกล้เคียงกับถ้วยกาแฟที่เราเพิ่งซื้อจากร้านขายของที่ระลึกจากตุรกี
ร้านมีผังค่อนข้างลึก เราเดินผ่านส่วนแรกที่มุมทางขวาสุด ตกแต่งด้วยผ้าม่านกั้นโต๊ะสร้างความหรูหราและเป็นส่วนตัว อีกด้านหนึ่งมีโต๊ะกลมวางบนยกพื้น สำหรับเข้าไปนั่งขัดสมาธิกินข้าวแบบล้อมวง
เราได้นั่งในส่วนในสุดของร้าน ใกล้กับพ่อครัวที่กำลังปิ้งย่างอาหารบนเตาอย่างคล่องแคล่ว เนื้อสัตว์นานาชนิดเสียบอยู่บนเหล็กแหลมยาว ย่างอยู่บนเตาถ่าน พ่อครัวหันมายิ้มฟันขาว
ร้านนี้เสิร์ฟอาหารแบบอุยกูร์ (หนังสือประวัติศาสตร์ซินเจียง (1977) แจ๊ค เฉิน (Jack Chen) ได้อธิบายคำว่า อุยกูร์ ว่าหมายถึงชนเผ่าเติร์กที่อาศัยอยู่ในเติร์กกิสถานของจีน แต่จากการรวบรวมบันทึกเกี่ยวกับชนเผ่าร่อนเร่ที่รู้จักกันว่าคือชาวอุยกูร์นั้น ปรากฏพบตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 13 เดิมนับถือพ่อมดหมอผี และเปลี่ยนมานับถือพุทธ ต่อมาชนชาวอุยกูร์ได้ค่อยๆ เปลี่ยนเข้ารับอิสลาม นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-19 : สุชาติ เศรษฐมาลินี ผอ.สถาบันศาสนาวัฒนธรรมและสันติภาพ ม.พายัพ เขียนไว้ใน คมชัดลึก 10 ก.ค.2558)
ขนมปังทรงกลมที่ปรุลายเป็นทรงกลมโรยด้วยงาขาว เรียกว่า Lepeshka เสิร์ฟมาในตระกร้าเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตามาก บางคนเรียกขนมปังนี้ว่าขนมปังตุรกี เนื้อแป้งไม่ถึงกับบางมาก ผิวนอกมีความกรอบ เราคิดถึงเนยเค็มโรยน้ำตาลอีกแล้ว หากที่นี่รับประทานคู่กับแกงเนื้อ เลือกได้ว่าจะกินเนื้อวัว แกะ หรือ ไก่ สายอ่อนอย่างเราเลือกกินแกงไก่ ปรุงมากับเครื่องเทศหลากหลายแต่กลิ่นไม่แรงเหมือนแกงอินเดียมีพริกหวาน หอมหัวใหญ่ผัดมาด้วย รสชาติเผ็ดร้อน เนื้อไก่ล้วนสุกมาพอดี
เสิร์ฟพร้อมผักสดแก้เลี่ยนเป็นมะเขือเทศ ต้นหอม และแตงกวา รสชาติกลมกล่อมทีเดียว หันไปถามเพื่อนที่กินแกงเนื้อบอกว่าเนื้อนุ่มน้ำแกงปรุงเข้าเนื้อดีทีเดียว
เสิร์ฟมาในหม้อร้อนขนาดย่อม ขนาดคนกินเก่งยังไม่หมด ทำเอาอิ่มแปล้ ได้แค่ตบท้ายด้วยกาแฟร้อน เลยได้แต่ถ่ายรูปในร้านเป็นของหวานแทน
ที่ตั้ง : Turfan, Akmola Street, Astana, Kazakhstan
3. Kishlak
บางคนบอกว่าร้านนี้เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่จำลองเมืองเก่ามาให้เห็น เรามองว่าเป็นเหมือนสถานที่ลึกลับ ด้านนอกเป็นส่วนหนึ่งของตึกรามใหญ่โต พอผ่านเข้าประตูเหมือนเข้าไปในคฤหาสน์ลึกลับที่มีซอกซอย ทั้งสะพาน สวนแทรกตัวอยู่ตาผนังสีอิฐที่แบ่งที่นั่งราวกับอยู่ในเต็นท์หรูหรากลางทะเลทราย บ้างเป็นที่นั่งในสวน แถมพนักงานแต่งตัวสวยงามแปลกตา
ที่นี่เสิร์ฟอาหารพื้นเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน เนื้อแพะ แกะ ม้า ไก่ ปิ้งย่าง มีอาหารที่คล้ายกับซาโมซ่าของอินเดีย ที่นี่เรียกซัมบูซ่า ไส้เป็นเนื้อสัตว์มีให้เลือกทั้งเนื้อวัวและเนื้อไก่
เมนูไฮไลต์เสิร์ฟมาอย่างอลังการมาก เนื้อสัตว์ปิ้งย่างที่เราสามารถเลือกสั่งได้ตามชอบยกมาเสิร์ฟกันทั้งเหล็กยาวที่ใช้ย่างจัดเรียงมาเป็นทรงสูงเหมือนก่อกองฟืน มาแล้วไม่ต้องตกใจว่าจะกินกันยังไง เพราะพนักงานจะให้เราชื่นชมความงามไม่นานแล้วจัดการรูดเนื้อออกจากเหล็กยาวจัดวางบนถาดให้เลือกกินกันได้โดยสะดวก
กินกับขนมปัง เบาร์ซากี (Baursaki) แป้งทอดประเภทเดียวกับกับที่ร้านอาลี บาบา แต่มีรูปทรงต่างกันเล็กน้อย สอบถามได้ความว่าเจ้าแป้งทอดนั้นเป็นอาหารที่ทำกินกันโดยทั่วไป แต่ละบ้านต่างก็มีสูตรของตัวเอง เช่นเดียวกับเวลาไปกินตามร้านอาหารก็จะมีรสชาติและรูปทรงต่างกันแต่ไม่มาก กินได้กับอาหารทุกมื้อ หรือจะกินเป็นของหวาน เป็นของกินเล่นก็ได้
ที่ตั้ง : Qabanbay Batyr Ave 19/1, Astana , Kazakhstan
4. Satti
ความเห็นส่วนตัวร้านนี้จัดว่าเป็นร้านที่มีวิวหลักล้าน เพราะได้เห็นทัศนียภาพของใจกลางเมืองอัสตานาที่เกิดจากการวางผังเมืองโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง คิโชะ คุโระกะวะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่นและนอร์แมน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ ได้อย่างแจ่มชัด ไม่ว่าจะเป็นอาคารต่างๆที่ปลูกสร้างอย่างใหญ่โตโอฬาร ทั้งยังมีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางที่สามารถเดินไปยังจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง
ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ หอคอยไบเตเรค (ในภาษาคาซัค หมายถึง “ต้นป็อปลาร์” มีรูปทรงคล้ายต้นไม้ที่แตกกิ่งออกมาโดยมีโดมสีทองอยู่ตรงกลาง สูง 97 เมตร สื่อถึงปีสถาปนากรุงอัสตานาในปีค.ศ. 1997) และห้างสรรพสินค้าข่านชาเทียร์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเต็นท์ของท่านข่านในยุค
นั่งดื่มกาแฟกินลมชมวิวถือว่าคุ้มค่าทีเดียว Satti บริการอาหารคาซัค อาหารยุโรป และอาหารอิตาเลี่ยน เราแวะมากินมื้อเที่ยงเบาๆเลยสั่งไก่ทอดคลุกซอสที่ทอดมาได้อย่างแห้ง เวลาแทะได้รสซอสออกหวานๆนำ กินกับซีซาร์สลัด และพิซซ่า
ตอนเที่ยงอากาศเริ่มร้อน แดดจัดมาก ทางร้านเปิดพัดลมไอน้ำให้คลายร้อน มาคาซัคสถานสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ครีมกันแดด แว่นกันแดด หมวก หรือ ร่ม เพราะว่าที่นี่แดดแรงและรังสียูวีค่อนข้างเข้มข้น
ที่ตั้ง : Kabanbay Batyra Ave., 32, Astana, Kazakhstan
5. Del Papa
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนเล็กๆอยู่อีกคนละมุมของ Satti ห่างกันแค่เดินข้ามฝั่ง แต่ เดล ปาปา อยู่ในชั้นที่ต้องเดินลงไปอีกสเต็ปหนึ่ง
ร้านนี้มีที่นั่งตรงระเบียงด้านนอก สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสอากาศธรรมชาติ ส่วนด้านในตกแต่งสไตล์บ้านอิตาเลี่ยนน่ารักๆ ประดับด้วยภาพถ่ายและอุปกรณ์การครัว โคมไฟ วอลเปเปอร์ให้อารมณ์อบอุ่น
เป็นร้านสุดท้ายที่เรามาฝากท้องก่อนโบกมือลาเมืองอัสตานา เมนูเด่นได้แก่ พาสต้า รสชาติเข้มข้นเข้าทีทีเดียว เราสั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้โซดา ช่วยให้ชื่นใจในวันอากาศร้อนได้โข
แม้ว่าจะอยู่ที่เดล ปาปา ได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกประทับใจกับการตกแต่งภายในร้าน รวมถึงห้องน้ำที่เก๋ จึงขอบรรจุไว้ใน 5 ร้านอาหารที่ประทับใจในอัสตานา
ที่ตั้ง : 34 Kabanbay Batyr Str, Astana , Kazakhstan