รู้จัก ‘Social Distancing’ คืออะไร สำคัญอย่างไรในการป้องกัน ‘โควิด’?
ทำความรู้จักคำฮิต “Social Distance” ที่ทั้ง “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “ทิม คุก” หยิบขึ้นมาพูดถึง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ “ไวรัสโคโรน่า” สาเหตุของโรคโควิด-19
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่อยู่ดีๆ บุคคลระดับโลกสองคน คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” และ “ทิม คุก” จะเอ่ยถึงคำเดียวกันในวันเดียวกัน นั่นก็คือ “Social Distancing”
เพราะคำว่า “Social Distancing!” ที่ “ทรัมป์” ทวีต และ ที่ “คุก” เอ่ยถึงในแถลงการณ์เรื่องปิดแอปเปิ้ลสโตร์ทั่วโลก วานนี้ (14 มี.ค.) นั้น ถือเป็นวิธีสกัดการแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรน่า” ที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ ถ้าอยากจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
“Social Distancing” หรือที่บางคนก็ว่า “Social Distance” คืออะไร ?
ให้แปลแบบตรงตัวมันก็คือ “ระยะห่างทางสังคม” ซึ่งถ้าว่ากันตามหลักจิตวิทยา คนเรามักจะจัด “ระยะ” ให้กับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะเป็น “ระยะส่วนตัว” ซึ่งก็คือพื้นที่ส่วนตัว โดยมากจะอยู่ในอาณาเขตหนึ่งช่วงแขน ถือเป็นระยะห่างที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุด เพราะมีแต่ตัวเราเอง และอาจนับรวม “คนใกล้ชิด” ที่เรายินยอมให้เข้ามาในระยะนี้ได้ เช่น คู่รัก, ครอบครัว เป็นต้น
ต่อมา คือ ระยะที่เรียกว่า “ระยะสนิทสนม” ซึ่งยังถือว่า มีความใกล้ชิดกับเราอยู่ เพียงแต่ห่างออกมาหน่อย ราวๆ ไม่เกิน 2 ไม้บรรทัด นึกภาพง่ายๆ ก็คือ เวลาพูดคุยไม่ต้องถึงกับตะโกนหรือใช้เสียงดัง
เขยิบออกมาอีกก็จะเป็นระยะที่เรียกว่า “Social Distance” ซึ่งก็คือ ระยะของการเข้าสังคม ที่คนส่วนใหญ่ แม้ไม่ชอบ แต่ก็มักต้องเจอในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป เช่น การเข้าห้องประชุม สัมมนา หรือติดต่อซื้อขาย เจรจาธุรกิจ ฯลฯ
อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ นั่นไง! การที่ “งานเข้า” ต้องไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น ก็เพราะการเข้าสังคมนี่แหละ แล้วก็เลยไม่วายทวีตขึ้นมาลอยๆ ว่า “Social Distancing!”
ถึงแม้จากทวีตดังกล่าว ผลตอบรับจะหนักไปทางถูกแซะ เพราะเอาเข้าจริง ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ยังดูเหมือนไม่ค่อยจะระวังเรื่องการ “สัมผัส” สักเท่าไรนัก ไหนจะจับมือ จับไมค์ แล้วยังเอามือมาลูบปาก ป้ายตา ฯลฯ จนชาวโซเชียลขุดกันออกมาโพสต์เยอะจนไล่อ่านไม่ไหว
แต่ถ้าว่าจะกันตามหลักการแพทย์และการจัดการโรคระบาดแล้ว อย่างไรเสีย “Social Distancing” ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะในบรรดากิจกรรมที่เข้าข่าย “Social Distancing” นี้ หลายกิจกรรมเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงได้เลยแทบจะในทันที แค่ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงในสถานที่พลุกพล่าน มีผู้คนมากมาย โดยเฉพาะเป็นคนที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป
ซึ่งที่ผ่านมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของไทยหลายๆ ท่าน ก็พยายามเน้นย้ำเรื่องนี้ โดยขอความร่วมมือให้งดจัดกิจกรรมที่รวมตัวของคนจำนวนมาก เพราะถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
เพราะทราบกันดีว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ "โควิด-19" นี้ มีความสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านทางการไอ จาม สัมผัส น้ำมูก น้ำลาย ดังนั้น จึงต้องลดความเสี่ยงที่จะติดโรคสู่กันด้วยการเว้นระยะห่างออกจากกันกว่าที่เคย เพื่อไม่ให้ละอองฝอยกระเด็นไม่ถึงกัน โดยระยะห่างที่ "เหมาะสม" แพทย์แนะนำให้อยู่ห่างกัน 2 เมตรได้ คือ ดีมาก
อย่างเช่น ก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ก็ได้เคยโพสต์ให้ความรู้บนเฟซบุ๊คส่วนตัว (16 ก.พ.63) เกี่ยวกับ “ระยะห่าง” ทั้งระยะห่างระหว่างบุคคล และสังคม ถือว่ามีความสำคัญมาก ในการลดการแพร่ระบาดของโรคระบาดในปัจจุบัน และถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ “โควิด-19” ระบาดลดลง
โดย ศ.นพ.ยง ได้เขียนไว้ดังนี้..
โรคโควิด-19 กับ Social Distance และ Personal Distance
ระยะห่างระหว่าง บุคคล และ สังคม จะมีความสำคัญมาก ในการลดการแพร่ระบาดของโรคระบาดในปัจจุบัน การจะให้โรค โรคโควิด-19 ระบาดลดลง จำเป็นที่จะต้องมี Social Distance หรือ Personal Distance
ในช่วงนี้เราจะเห็นว่า มีการงดการจัดประชุมนานาชาติ ประชุมระดับชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสและเพิ่มระยะห่าง Social Distance ในการลดการระบาดของโรค
มีการประกาศออกมาว่า การประชุมที่ไม่จำเป็นก็ควรเลื่อนออกไป หรืองดการประชุม ใช้วิธีการอื่นแทน
ในส่วนของ Personal Distance ก็มีความจำเป็นยิ่ง ในการลดการติดต่อของโรค ในการพูดคุยถ้ามีฝอยละอองกระเด็นออกมา จะมาสัมผัสได้ ในระยะ 1 เมตร
ในช่วงการระบาดของโรค จึงมีคำแนะนำว่า ถ้าจะให้ปลอดภัย Personal Distance ควรจะห่าง 2 เมตร หรือ 6 ฟุต เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อของโรค
สังคมไทย เป็นสังคมที่ดีอันหนึ่ง การทักทายเราใช้วิธีการ ไหว้ จะไม่ใช้วิธีการสัมผัส จับมือ กอด จูบ ก็เป็นการช่วยเพิ่ม Personal Distance ในการลดการกระจายของโรคระบาด
ถ้าหลีกเลี่ยง Personal Distance หรือ Social Distance ไม่ได้ ก็ควรใช้หน้ากากอนามัย และอย่าลืมใช้ alcohol Gel ช่วยอีกทางหนึ่ง