'กรมศิลปากร' เตรียมเปิดประชาพิจารณ์เลือกแบบบูรณะ 'บอมเบย์เบอม่า'

'กรมศิลปากร' เตรียมเปิดประชาพิจารณ์เลือกแบบบูรณะ 'บอมเบย์เบอม่า'

อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าแผนบูรณะอาคาร “บอมเบย์เบอม่า” เตรียมแบบอาคารไว้ 3 แบบภายใน 1 เดือนแล้วเสร็จ ก่อนทำประชาพิจารณ์ให้ชาวแพร่ร่วมตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2563 นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ร่วมกับนายพิกิฏ ศรีชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และนายไกรสิน อุ่นใจจินต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินการฟื้นฟูอาคาร “บอมเบย์เบอม่า”

หลังจากถูกทุบทิ้งจนเหลือแต่ซาก โดยได้ส่งตัวแทนจากกรมศิลปากรเข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองแพร่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งอาคารบอมเบย์เบอม่า ถึงแม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่ก็จัดอยู่ในประเภทโบราณสถาน หากจะกระทำการทุบรื้อถอนต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรก่อน

159384876482

ในเบื้องต้นกรมศิลปากรได้ดำเนินการเขียนแบบโครงสร้างอาคารทั้งหมด และเตรียมแบบอาคารไว้ 3 แบบ คือ แบบโบราณดั้งเดิม แบบที่มีการประยุกต์ปรับปรุง และแบบอาคารล่าสุดก่อนมีการรื้อถอนจนเหลือแต่ซาก โดยจะมีการนำเสนอแบบอาคารทั้งหมดให้ประชาชนชาวแพร่ร่วมตัดสินใจ โดยการประชาพิจารณ์ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

159384877725

นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตอนนี้มีความคืบหน้ามากขึ้นในเรื่องของรูปแบบหลังสุดก่อนที่จะมีการรื้อถอนออกมา งานต่อจากนี้เราต้องศึกษาให้ลึกมากยิ่งขึ้น ทางด้านประวัติทางเอกสารนั้นบอกไว้ว่าสร้างมาแล้วร้อยกว่าปี การใช้งานอาคารแบบนี้ก็มีการซ่อมแซมอาคารทั่วๆ ไป เราจะนำงานโบราณคดีลงมาเก็บข้อมูลในพื้นที่ จะได้ข้อมูลว่าเวลาร้อยกว่าปีนั้นมีการปรับปรุงซ่อมแซมมาแล้วกี่ครั้ง มีการสร้างต่อเติมมาแล้วกี่ยุคกี่สมัย แต่ละยุค แต่ละสมัยมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เมื่อได้ข้อมูลมาทั้งหมดแล้วนั้น ก็จะนำมาสู่การพูดคุยกันกับเครือข่าย สังคม ทั้งหมด ในกลุ่มวิชาการ ในการที่เราจะฟื้นอาคารบอมเบย์เบอร์ม่ากลับมา เราควรใช้งานในยุคไหนที่จะฟื้นคืน

159384883561

ด้านนายพิกิฏ ศรีชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้ลงมาดูพื้นที่ โดยทางรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับกรมศิลปากรในการตรวจสอบ การฟื้นฟูสถานที่ก่อสร้างกลับมาให้เหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด และมีความเป็นห่วงในเรื่องความรู้สึกของพี่น้องชาวจังหวัดแพร่ อะไรที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมช่วยได้ท่านก็ยินดี ทุกรูปแบบ ได้มอบหมายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวกับกรมศิลปากรให้ลงมาช่วย โดยประสานทางชุมชน ทางจังหวัด ให้เกิดความพอใจมากที่สุด

นายไกรสิน อุ่นใจจินต์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากท่านอธิบดีกรมศิลปากร มีความเห็นชอบในเรื่องของการฟื้นฟูอาคารหลังนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งข้อสั่งการนี้ทางสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถานลงพื้นที่มาตรวจไม้ ทำแบบรูปรายการ เพื่อมาประกอบอาคารหลังนี้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุดตามการสั่งการ ในส่วนของการดำเนินงานในเรื่องแบบ และการประเมินราคาต่างๆ เป็นเรื่องของกรมศิลปากร เรื่องงบประมาณกรมอุทยานฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ

ปัจจุบันงานของทางกรมศิลปากรมี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจค้นทางโบราณคดี ซึ่งตอนนี้ทางกรมอุทยานฯ มีงบประมาณ 500,000 บาท สำหรับการสำรวจทางโบราณคดี ในส่วนของเรื่องการฟื้นฟูบูรณะต้องรออีกประมาณ 1 อาทิตย์ แบบอาคารจะเสร็จ จะส่งไปทางกรมศิลปากร สำนักสถาปัตย์ มาตรวจดูความเหมาะสมชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง อย่างช้าก็ประมาณ 1 เดือน โครงการนี้ก็จะสามารถนำเสนอให้ทางกรมอุทยานฯ ดำเนินการต่อได้ ซึ่งรูปแบบ เบื้องต้นจะมี3 แบบ คือ แบบโบราณดังเดิม แบบก่อนถูกรื้อ และแบบประยุกต์ นำทั้งสามแบบทำการประชาพิจารณ์ให้ประชาชนชาวแพร่ได้เลือกว่าต้องการแบบไหน เราก็จะดำเนินการตามแบบนั้น

ในการอนุรักษ์โบราณสถานโดยนำกรณีตัวอย่างนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้ชาวแพร่หันมาอนุรักษ์โบราณสถาน ซึ่งเมืองแพร่ความสำคัญโบราณสถานเมืองแพร่ที่สำคัญ ยังมีอีกแห่ง คือ “กำแพงเมืองแพร่” ซึ่งปัจจุบันมีการบุกรุกทำลายทั้งภาคราชการและเอกชน ซึ่งทางกรมศิลปากรได้จัดทำแผนแม่บทการดำเนินการในอนาคตต่อไป

159384888838

ในส่วนการแจ้งความดำเนินคดี ทางอธิบดีกรมศิลปากร ได้มอบอำนาจให้ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษดำเนินคดี ต่อผู้ทำความผิดในการรื้อถอนอาคารบอมเบย์เบอม่าในสวนรุกขชาติเชตวัน ซึ่งในการแจ้งความนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองแพร่

ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้เรียกเข้าไปให้การเพิ่มเติมในรายละเอียด ตามที่กรมศิลปากร ได้ทำหนังสือถึงทางผกก.สภ.เมืองแพร่ เป็นประเด็นเกี่ยวกับการฝ่าฝืนมาตรา 10 เกี่ยวกับการบุกรุกทำลายรื้อถอนอาคารที่เป็นโบราณสถาน คำว่าโบราณสถานจะมีนิยามตามมาตรา 4 ในพระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ฐานความผิดในมาตราที่ 32 ซึ่งในกรณีบ้านบอมเบย์เบอม่า เป็นโบราณสถานประเภทไม่ขึ้นทะเบียนก็มีโทษปรับไม่เกิน 700,000 บาท จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หรืออีกฐานตามมาตรา 35 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการเรียกให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้มาให้การ และเสนออัยการฟ้องร้องต่อศาลต่อไป