‘CBS Lifeline Learning’ ต้นแบบพลิกโฉมการศึกษาระดับโลก

‘CBS Lifeline Learning’ ต้นแบบพลิกโฉมการศึกษาระดับโลก

ทุกวันนี้ การเรียนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น เพราะผู้เรียนหาความรู้เพิ่มเติมผ่านโลกไซเบอร์ได้ คณะบัญชีฯ จุฬาฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนครั้งใหญ่ เรียกว่า “CBS Lifeline Learning”

หลังจากสร้างผลงานโดดเด่นในการรับมือกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ผ่านหลากหลายโครงการ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้อนรับเปิดเทอมและวิถีปกติใหม่ด้วยระบบการเรียนรู้ผ่าน CBS Lifeline Learning Approach ซึ่งถือเป็นต้นแบบการสร้างมิติใหม่ในระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มากกว่าออนไลน์และออฟไลน์ผสมผสานกัน แต่เป็น ‘ไลฟ์ไลน์’ เส้นทางการเรียนรู้ตามชีวิตของนิสิต

รศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบให้คุณภาพการเรียนการสอนด้อยลง เนื่องจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ไม่ได้มีการเตรียมตัวรองรับภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่คณะบัญชีฯ จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการท่ามกลางวิกฤต เพราะได้วางพื้นฐานที่ดี และปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วยการพัฒนาระบบการเรียนออนไลน์มาก่อนที่จะเกิดโควิด-19

"ไม่เพียงแต่พัฒนาแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ เราต้องเปลี่ยนความคิดของผู้เรียนด้วยว่า การเรียนรู้ไม่ใช่เกิดในห้องเรียนหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ในรถไฟฟ้า หรือเล่นโซเชียลมีเดีย ฉะนั้น เป้าหมายก็คือ สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ โดยทำให้นิสิตมีความกระหายใคร่รู้ตลอดเวลาด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่การเรียนตามหลักสูตรเท่านั้น"

นอกจากนี้คณบดี คณะบัญชีฯ จุฬาฯ ยังเปิดเผยข้อมูลว่าปีนี้มีผู้สมัครเรียนหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งทำให้นักเรียนไทยเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศไม่ได้ จึงมุ่งหน้าเลือกสถาบันการศึกษามาตรฐานระดับโลกในไทย

"คณะบัญชีฯ จุฬาฯ ดึงดูดนักเรียนเก่งๆ มาเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติเป็นจำนวนมาก โดยการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติด้านการบริหารธุรกิจ ระดับปริญญาตรี หรือ BBA ปรากฎว่า คะแนนสอบ SAT (Scholastic Assessment Test) สูงถึง 1,560 คะแนน เป็นคะแนนระดับท็อปต้นๆ ของประเทศไทย และเป็นระดับที่สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแนวหน้าของโลกได้"

159788564746

ซึ่งการเรียนโมเดลใหม่เป็นการเอื้อให้คณะฯ เชิญศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก อาทิ ฮาร์วาร์ด, อ็อกซ์ฟอร์ด, เคมบริดจ์ และสแตนฟอร์ด มาร่วมสอนหลักสูตรนานาชาติในทุกคอร์ส ทั้งปริญญาตรีและโท ได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เชิญยากมาก เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับไม่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งยังเสียค่าใช้จ่ายสูง

ขณะเดียวกันนี่เป็นการเรียนภายใต้วิถีปกติใหม่ ด้วยการทำให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากไวรัส หรือ CBS Safe Haven Model เพื่อให้นิสิตมาเรียนด้วยความมั่นใจ ซึ่งมีมาตรการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข พร้อมทั้งแจกทั้ง faceshield และหน้ากากอนามัย ให้นิสิตทุกคน และได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด เพื่อสนับสนุนหุ่นยนต์ "บันชี่" ซึ่งพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ และวัดอุณหภูมิตามจุดคัดกรองของคณะฯ รวมถึงการร่วมมือกับทิพยประกันภัย เพื่อให้ความคุ้มครองพิเศษแก่นิสิตและคณาจารย์ของคณะฯ ในการรักษาโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

ในแง่การเรียนออนไลน์ ได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายสินค้าไอที โดยได้รับมอบคอมพิวเตอร์จำนวน 20 เครื่องให้แก่คณะฯ อีกทั้งยังมีข้อเสนอให้นิสิตยืมใช้งานในระหว่างเรียน เช่า ซื้อแบบผ่อนชำระ หรือซื้อในราคาพิเศษ ขณะที่ห้องเรียนบางห้อง และห้องสมุดบางส่วนจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น Co-working space เพื่อให้นิสิตใช้เป็นพื้นที่เรียนออนไลน์ได้ด้วย

นอกจากการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนแล้ว ยังส่งเสริมให้นิสิตมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการฝึกงานจำลอง หรือ CBA (Chulalongkorn Business Administration) ซึ่งเป็นโครงการฝึกงานนิสิตในรูปแบบการดำเนินธุรกิจจริง เพื่อเสริมสร้างนิสิตให้เป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและนำผลกำไรจากการดำเนินงานคืนสู่สังคมในรูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

รศ. ดร. วิเลิศ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คณะฯ จะลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อให้นิสิตมีส่วนช่วยพัฒนาแผนธุรกิจในยุคดิจิทัล เพื่อให้เอสเอ็มอีฟันฝ่าวิกฤตไปได้ นอกจากนี้ คณะฯ จะจับมือกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดโอกาสให้นิสิตเข้าไปช่วยด้านแผนการตลาดและการขายแก่ผู้ค้ารายย่อยในโซนสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยามอีกด้วย

โมเดล The Safe Haven of Lifeline Learning จึงไม่ใช่แค่แนวทางสู่ความทัดเทียมด้านคุณภาพการเรียนรู้ระดับโลก แต่เป็นการก้าวหน้าไปอีกขั้น