ออร์เนลลายา...ซูเปอร์ ทัสคัน 5 วินเทจ
A Unique terrior for Outstanding wines หนึ่งในคำอธิบายตัวตนของ 'ออร์เนลลายา' (Ornellaia) 'ไวน์ขบถ' หรือ 'ซูเปอร์ ทัสคัน' (Super Tuscan) ที่หลายคนชื่นชอบ..
ซูเปอร์ ทัสคัน หมายถึงไวน์อิตาเลียนที่ผลิตใน แคว้นทัสคานี (Tuscany) ตามแบบอย่างไวน์แดงบอร์กโดซ์ (Bordeaux) โดยใช้องุ่นสายพันธุ์จากบอร์กโดซ์ ที่นำมาปลูกในประเทศอิตาลี เป็นส่วนผสมเกินกว่าที่ทางการกำหนด จึงถูกปรับตกไปจากชั้น DOC (Denominazione di Origine Controllata) และ DOCG (Denominazione di Origine Controllata e Garantita) ลงไปเป็นเทเบิ้ล ไวน์ (Vino da Tavola) ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะรสชาติไวน์ดีเยี่ยม และสามารถทำเงินได้มากมายกว่าแบบเดิม
ซูเปอร์ ทัสคัน นั้นส่วนใหญ่ผลิตอยู่ในเขตเคียนติ กลาสซิโก (Chianti Classico) ซึ่งเปรียบเสมือนไข่แดงของทัสคานี เป็นพื้นที่เล็ก ๆ อยู่ทางใต้ของเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) โดยผู้บุกเบิกการทำไวน์ซูเปอร์ ทัสคัน ประกอบด้วย 5-6 กลุ่ม หนึ่งในจำนวนนั้นคือ..ออร์เนลลายา
บริษัท เตนูตา เดล ออร์เนลลายา (Tenuta dell'Ornellaia) เจ้าของออร์เนลลายา ก่อตั้งโดย มาร์เคเซ โลโดวิโก อันติโนริ (Marchese Lodovico Antinori) ในปี 1981 ณ เมืองโบลเกรี (Bolgheri) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองหลวงของแคว้นทัสคานี ประมาณ 60 ไมล์ และอยู่ไม่ไกลจากซาสซิกาญา (Sassicaia) เพื่อนร่วมซูเปอร์ ทัสคัน (Super Tuscan) มีพื้นที่ปลูกองุ่น 99 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) หรือ 245 เอเคอร์ โดยปลูกองุ่นแดงสายพันธุ์คลาสสิกจากฝรั่งเศสล้วน ๆ คือกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) และแมร์โลต์ (Merlot) เฮกตาร์ ตามด้วยกาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) 12 เฮกตาร์ และเปติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 7 เฮกตาร์ นอกนั้นก็มีองุ่นเขียวเล็กน้อย เช่น โซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc), วิญอเยร์ (Viognier) และเปติต์ แมนเซง (Petit Manseng)
Marchese Lodovico Antinori ตั้งใจปลูกองุ่นดังกล่าว เพราะต้องการทำไวน์สไตล์บอร์กโดซ์ และเล็งเห็นมาตลอดว่าดินและภูมิอากาศมีลักษณะใกล้เคียงกับบอร์กโดซ์มาก คือเป็นภูมิอากาศแบบ Maritime หรือ Temperate มีแสงแดดเจิดจ้า สลับกับลมเย็นจากหุบเขาที่จะพัดผ่านลงสู่ทะเลในเวลากลางคืน ขณะเดียวกันก็มีอากาศอบอุ่นจากทะเลพัดเข้าหาฝั่งในเวลากลางวัน ทำให้ตอนกลางคืนหนาวเย็น แต่กลางวันร้อนมาก ทำให้องุ่นมีความหนักแน่นของแอสิด และน้ำตาลค่อนข้างสูง
เดือนมีนาคมปี 1999 Tenuta dell'Ornellaia เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ โรเบิร์ต มอนดาวี (Robert Mondavi) เจ้าพ่อไวน์นาปา แวลลีย์ (Napa Valley) รัฐแคลิฟอร์เนีย เข้ามาถือหุ้นส่วนหนึ่ง ก่อนจะได้เป็นเจ้าของทั้งหมดในปี 2002 ต่อมาขายหุ้น 50% ให้มาร์เคซี ดี เฟรสโคบัลดี (Marchesi de Frescobaldi) ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่และเก่าแก่แห่งเมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสคานี ก่อนที่ Frescobaldi จะได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในเดือนเมษายนปี 2005
Tenuta Dell'Ornellaia มีไร่องุ่น 2 แปลง ๆ แรกคือ Ornellaia ซึ่งเป็นแปลงเก่าแก่ใช้ผลิต Ornellaia, Le Serre Nuove (ไวน์ฉลากสอง) และ Masseto ลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย แปลงที่ 2 ชื่อ Bellaria อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Bolgheri เป็นดินร่วนและกรวดหลากชนิด องุ่นจากแปลงนี้ใช้ทำ Ornellaia กับ Le Serre Nuove ทั้ง 2 ไร่ทำแบบโลว์ ยีลด์ (Low Yield) คือเลือกเก็บองุ่นด้วยมือใส่ตะกร้าขนาด 15 กิโลกรัม เพื่อป้องกันไม่ให้ผลองุ่นช้ำ ก่อนจะบีบคั้นน้ำองุ่นก็จะเอาจุกก้านติดลูกองุ่นออกก่อน ฯลฯ
Ornellaia 2011
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า หนึ่งในความสำเร็จของ Tenuta Dell'Ornellaia มาจากมันสมองของ มิเชล โรลลองด์ (Michel Rolland) ไวน์เมกเกอร์ “มือปืนรับจ้าง” ซึ่งรับเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคการผลิตไวน์ของที่นี่ ทำให้ไวน์ของเจ้านี้โด่งดังหลายยี่ห้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาสเซโต (Masseto) เจ้าของฉายา “เปตรุส แห่งอิตาลี” จากการที่ใช้องุ่นแมร์โลต์ ( Merlot) เป็นหลักเหมือนกัน
อาเซล ไฮน์ซ (Axel Heinz) ไวน์เมกเกอร์ (Winemaker) ของ Ornellaia ซึ่งเป็นหนึ่งในไวน์เมกเกอร์ฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งของวงการไวน์โลก เคยเดินทางมาเมืองไทยเมื่อปี 2013 พร้อมนำ ออร์เนลลายา 2012 (Ornellaia 2012) มาเปิดตัว พร้อมไวน์ฉลากสองอีกหลายวินเทจ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้ชิมไวน์ Ornellaia รวม 5 วินเทจที่มีความแตกต่างกันดังนี้
ออร์เนลลายา 2005 (Ornellaia 2005) เป็นวินเทจที่ผลิตเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี และขวดที่ชิมนี้เป็นขนาดแม็กนั่ม (1.5 ลิตร) ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 60 % แมร์โลต์ (Merlot) 22 % กาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) 14 % และเปติต์ แวร์โดต์ (Petit Verdot) 4% วินเทจ 2005 นี้ผลิต 3 ขนาดคือ 1.5 ลิตร (แม็กนั่ม) และ 3 ลิตร (ดับเบิ้ล แม็กนั่ม) และเป็นครั้งแรกที่มีการบรรจุขวด ขนาด 9 ลิตร ที่เรียกว่าซัลมานาซาร์ (Salmanazar) ซึ่งในโลกนี้มีเพียงขวดเดียว และประมูลไปแล้วในงาน Christie’s ที่นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ในราคา 33,600 เหรียญสหรัฐ เงินจำนวนนี้นำไปบูรณะรูปปั้นสัมฤทธิ์ของ Francesco Rustici ใน Baptistery Project โดยชื่อผู้ที่ประมูลได้จะถูกจารึกไว้ที่ Museo dell’ Opera del Duomo ในเมืองฟลอเรนซ์
Ornellaia 2005 สีแดงเข้ม หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม และฟิก กาแฟคั่วบด ช็อกโกแลต มิเนอรัล เครื่องเทศ ใบยาสูบกรุ่น ๆ สไปซี่โอ๊ค แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นและนุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล และสไปซีเฮิร์บ...19.5/20 คะแนน
ออร์เนลลายา 2009 (Ornellaia 2009) ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 52% แมร์โลต์ (Merlot) 22% กาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) 21% และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 5% สีแดงเข้ม มีกลิ่นผลไม้สุก ๆ เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และพลัม นอกจากนั้นยังมี ม็อคคา ช็อกโกแลต หนังสัตว์ใหม่ ๆ ซีดาร์ สไปซี่ แบล็คเปปเปอร์ เฮิร์บแห้ง ๆ ยูคาลิปตัส ที่แปลกคือมีกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่น ๆ บอดี้หนักแน่น แทนนินหนักแน่นแต่เริ่มนุ่ม จบยาวด้วยผลไม้สุกหอมหวานและสไปซี่เฮิร์บ อีก 2-3 ปีน่าจะอร่อยกว่านี้ ....19/20 คะแนนคะแนน
ออร์เนลลายา 2010 (Ornellaia 2010)…วินเทจครบรอบ 25 ปีของ Ornellaia ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 55% แมร์โลต์ (Merlot) 39% ที่เหลือเป็นกาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) ...สีแดงเข้มปึ๊ก หอมกลิ่นโอ๊คกร่น ๆ พร้อมกลิ่นหอมผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม และแบล็คเชอร์รี สไปซี่โอ๊ค กรีนเปปเปอร์ จันทน์เทศ ยาสูบ เอสเพรสโซ่ ช็อกโกแลต มิเนอรัล แอสิดสดชื่น แทนนินหนักนุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล และเฮิร์บชุ่มคอ.....19.5/20 คะแนน
ออร์เนลลายา 2011 (Ornellaia 2011) : ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 51% แมร์โลต์ (Merlot) 32% กาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) 11% และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 6 % ....สีแดงเข้ม หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเชอร์รี และพลัม ตามด้วยกลิ่นสนิมเหล็ก สไปซี่ เฮิร์บ กานพลู อบเชย โป้ยกั้ก และจันทน์เทศ หนังสัตว์ ซีดาร์ มินต์ แทนนินหนักแน่นเนียนนุ่ม แอสิดสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้สุก กานพลู และมิเนอรัล เป็นวินเทจที่ทรงพลัง หนักแน่น.....19/20 คะแนน
ออร์เนลลายา 2012 (Ornellaia 2012) : วินเทจนี้ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 56% แมร์โลต์ (Merlot) 27% กาแบร์เนต์ ฟรองซ์ (Cabernet Franc) 10% และเปตีต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 7 % …สีแดงเข้ม หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม และแบล็คเชอร์รี มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ กรีน เปปเปอร์ จันทน์เทศ และกานพลู ดอกไวโอเลต กาแฟคั่ว ช็อกโกแลต โอ๊คหอมกรุ่น หนังสัตว์ แทนนินหนักแน่น เริ่มนุ่ม จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล และสไปซี ยังไม่เปิดตัวเต็มที่นัก น่าจะอีกสัก 2-3 ปี.....19/20 คะแนน
“… I believe its continual evolution will propel it beyond the limits of tasting and time. อาเซล ไฮน์ซ (Axel Heinz) ไวน์เมกเกอร์ (Winemaker) กล่าวเมื่อครั้งมาเยือนเมืองไทย..!!