เปิดตัวยิ่งใหญ่ WONDER WOMAN 1984 หนังฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี
หลังจากเจอโรคเลื่อนเพราะ 'โควิด-19' มาถึง 5 รอบ ในที่สุดหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่คนทั่วโลกรอคอย 'Wonder Woman 1984' ก็เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้
“ทุกคนมีสิทธิ์เป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ในชีวิตของเราทุก ๆ วัน มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ความดีที่เราทำ ความสามารถที่เรามีก็ไม่แพ้ใครในโลกใบนี้”
เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงหัวใจของ WONDER WOMAN 1984 หนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดที่แฟนหนังทั่วโลกตั้งตารอคอย โดยเฉพาะในช่วง ‘โควิด-19’ นี้ที่ขาดแคลนหนังเข้าฉายในโรงเป็นยิ่งนัก
หลังจากที่เลื่อนฉายมาแล้วถึง 5 รอบ ในที่สุด ‘WONDER WOMAN 1984’ ก็ได้ฤกษ์ลงโรงฉายที่บ้านเราในวันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคมนี้ แต่ก่อนหน้านั้นทาง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมกับ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ผนึกกำลังร่วมกันจัดงาน “Thailand Gala Premiere Wonder Women 1984” รับการเข้าฉายของภาพยนตร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์แห่งปีที่ทั่วโลกรอคอยขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา
ภายในงานได้รับเกียรติจาก สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ประพันธ์ รังสิโยภาส รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และ เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเป็นประธานในงาน โดยมี ไพพรรณ หลักแหลม ผู้จัดการใหญ่บริหารศูนย์การค้า ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์, ปัทมวดี เสนาณรงค์ และ วรพิพัฒน์ ทัพพะรังสี มาร่วมงานด้วย
สำหรับบรรยากาศในงานเหล่าแฟนคลับวันเดอร์วูแมนมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง พร้อมนักแสดงสาว มารี บอร์นเนอร์ ที่มาร่วมสร้างสีสันด้วยการแสดงโชว์ตื่นตาตื่นใจกับการแต่งตัวเป็น Wonder Woman ในชุดเกราะสีทองมาต่อสู้กับวายร้ายตัวละครจากภาพยนตร์ พร้อมชวนแฟนหนังเข้าชมภาพยนตร์ “Wonder Women 1984” ไปพร้อม ๆ กัน ณ โรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต
ภาพยนตร์เรื่อง Wonder Woman ภาคแรกที่นำแสดงโดย ‘กัล กาด็อต’ กำกับการแสดงโดย ‘แพตตี้ เจนกินส์’ ผู้กำกับหญิงคนเก่งของวงการ ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายหลังจากออกฉายในปี 2017 กวาดรายได้รวมทั่วโลกไปมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์
สำหรับในภาคสองนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ‘Wonder Woman 1984’ จะเกิดขึ้นหลังจากภาคแรก 66 ปี คือในปี ค.ศ. 1984 ซึ่งเป็นยุคดิสโก้ ยุคที่มีความรุ่งเรืองทางอารยธรรม วัฒนธรรม เศรษฐกิจการค้า คนอยู่ดีกินดีมีเงินใช้ มีรายได้ดี ในเวลาเดียวกัน 2 มหาอำนาจ รัสเซียกับอเมริกาก็กำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างมีขีปนาวุธซุกซ่อนอยู่ พร้อมที่จะถล่มซึ่งกันและกันได้ทุกเมื่อ
เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานเปิดตัว WONDER WOMAN 1984 ว่าจุดเปลี่ยนของหนังเรื่องนี้ที่ต่างจากภาคที่แล้วค่อนข้างชัดเจน คือ วันเดอร์ วูแมน ภาคนี้จะมีหัวจิตหัวใจมากขึ้น โดยผู้กำกับ ‘แพตตี้ เจนกินส์’ แสดงเจตนารมย์ของเธอเอาไว้ตั้งแต่ภาคแรกแล้ว นั่นคือ เจตนารมย์ในการสร้างและสะท้อนสังคมโลกให้เห็นถึงพลานุภาพของคำว่า ‘ผู้หญิง’ หรือ ‘สตรี’ ถึงแม้ว่ามันจะถ่ายทอดผ่านซูเปอร์ฮีโร่ก็ตาม
สำหรับจุดเชื่อมต่อระหว่าง Wonder Woman ภาคแรกมายังมา 1984 นั้น คุณเฮนรีกล่าวว่าตอนท้ายของหนังภาคแรกมันมีสิ่งหนึ่งที่คาใจไดอานามาเป็นเวลานานเกือบ 6 ทศวรรษ นั่นคือ ความรักที่เธอยังมีต่อ ‘สตีฟ เทรเวอร์’ ซึ่งถ้าใครได้ดูตัวอย่างภาคที่ 2 นี้แล้วก็จะรู้ว่า เขายังไม่ตาย และในภาคนี้เราก็จะได้เห็นบทสรุปของเรื่องนี้ ได้เห็นว่าสิ่งที่ไดอานายังคงคาใจอยู่ในเรื่องความรักที่เธอมีต่อสตีฟนั้นจะมีคำตอบหรือไม่ อย่างไร
อย่างไรก็ตาม คุณเฮนรีกล่าวว่าถึงแม้ Wonder Woman ภาคนี้จะแสดงให้เห็นถึงด้านที่เป็นมนุษย์ โดยเฉพาะด้านความรักของวันเดอร์ วูแมน มากขึ้น แต่มันก็ยังเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลของดีซีที่ยังคงมีผู้ร้าย พวก Metahuman ซึ่งก็คือมนุษย์ธรรมดา แต่ว่าไปเกิดปฏิสัมพันธ์กับปฏิกิริยาบางอย่างจึงทำให้มนุษย์ที่เหนือธรรมชาติ
โดยเที่ยวนี้วายร้ายจะมีอยู่ 2 คน คือ ‘ชีตาห์’ (Cheetah) ที่ถ้าใครติดตามฉบับการ์ตูนจะรู้ว่าเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวที่สุดของวันเดอร์ วูแมน คนที่ 2 คือ ‘แม็กซ์ ลอร์ด’ (Max Lord) หรือ ‘แม็กซ์เวลล์ ลอร์ด’ (Maxwell Lord) ซึ่งสามารถอธิษฐานขออะไร และวายร้ายตนนี้มีเจตนาในการครองโลก