ลุ้นหนังเข้าชิง ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ ออสการ์ เรื่องไหนภาษีดีสุด
Nomadland, Minari, Promising Young Woman หรือ The Father หนังเรื่องไหนจะคว้ารางวัล “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จากงาน “Oscar 2021” นี้ไปครอง ต้องมาลุ้นกัน
วันประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 ประจำปี 2564 หรือ Oscar 2021 ใกล้เข้ามาแล้ว นั่นก็คือ ช่วงเช้าตรู่ของวันจันทร์ที่ 26 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย โดยออสการ์ครั้งนี้มีการสร้างประวัติศาสตร์เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ทศวรรษที่มีผู้หญิงได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมพร้อมกันทีเดียวถึง 2 คน
นอกจากนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลกที่ส่งผลให้โรงหนังต้องปิดบริการ ไม่มีหนังใหม่ ๆ เข้าโรงฉายให้ดูกัน จึงทำให้หนังที่ได้เข้าชิงรางวัลสาขา ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ หรือ Best Picture ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่สุดของงานในปีนี้มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก และมีหนังที่สร้างโดยผู้ให้บริการสตรีมมิงความบันเทิงชื่อดังอย่าง Netflix เข้าชิงกันหลายรางวัลเลยทีเดียว
‘จุดประกาย’ ได้รวบรวมมาให้แล้วว่าหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ ในงาน Oscar 2021 มีเรื่องใดบ้าง แล้วแต่ละเรื่องเนื้อหาเป็นอย่างไร มีความโดดเด่นทางด้านไหน โดยหนังที่เข้าชิง Best Picture มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 เรื่อง ได้แก่
-
Mank
-
Nomadland
-
Minari
-
The Trial Of The Chicago 7
-
The Father
-
Promising Young Woman
-
Sound Of Metal
-
Judas And The Black Messiah
Mank
หนังย้อนยุคที่ทำออกมาเป็นขาวดำของผู้กำกับ ‘เดวิด ฟินเชอร์’ (David Fincher) ที่แสนจะโด่งดังจากหนังคัลท์ขึ้นหิ้งเรื่อง Fight Club คราวนี้ฟินเชอร์หันมาทำงานร่วมกับ Netflix และกลายเป็นหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มากสุดในปีนี้ 10 สาขา รวมถึงสาขาหลักอย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
Mank เป็นหนังชีวประวัติของ Herman J. Mankiewicz คนเขียนบทหนังโนเนมผู้ที่ช่วย Orson Welles เขียนบทหนังเรื่อง Citizen Kane ที่ถูกยกย่องให้เป็น ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา’ อยู่บ่อยครั้งเวลาที่มีการทำโพลล์กัน
Mank ไม่ได้พูดถึงแต่หนังเรื่อง Citizen Kane เท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เข้าใจ และเห็นภาพการเมืองที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมหนังยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง ‘ฮอลลีวู้ด’ ในยุค 1930s อีกด้วย
Nomadland
ได้เข้าชิงออสการ์ 6 สาขา มากเป็นอันดับ 2 เท่ากับ Minari แต่เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นตัว ‘เต็งจ๋า’ ที่จะคว้ารางวัล ‘Best Picture’ ไปครอง เพราะ ‘Nomadland’ กวาดรางวัลมาจากงานเทศกาลภาพยนตร์ และเวทีประกาศรางวัลใหญ่ ๆ มาเกือบหมด รวมถึง ‘ลูกโลกทองคำ’ ที่ได้ไปทั้งรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม
‘Nomadland’ เป็นหนังโร้ดดราม่า เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง (นำแสดงโดย ฟรานเซส แมคดอร์มานด์) ที่ตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน ค่ำไหนนอนนั่น เดินทางไปทั่วอเมริกา หลังจากที่สามีตาย แล้วอุตสาหกรรมที่เคยสร้างงานให้กับคนในบ้านเกิด รัฐเนวาดา รวมถึงตัวเธอเองปิดตัวลง
ถ้าพิจารณาจากเรื่องย่ออาจดูเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว การครุ่นคิดถึงชีวิตของคน ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว Nomadland ยังมีสาส์นที่สะกิดสะเกาให้นึกถึงเรื่องการแก่ตัวลงแล้วกลายเป็นผู้สูงวัยในสังคม ประกอบกับดนตรีประกอบ และภาพทิวทัศน์อันงดงามจนแทบลืมหายใจของทะเลทรายอันกว้างใหญ่อีกด้วย
Minari
เรื่องนี้น่าจะได้แรงเชียร์จากคนเอเชียค่อนข้างเยอะหลังจากที่ Parasite สร้างประวัติศาสตร์ไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะถึงแม้จะถูกระบุว่าเป็นหนังอเมริกัน (เพราะสตูดิโอที่สร้าง) ทว่า Minari เป็นหนังเกี่ยวกับครอบครัวชาวเกาหลีอันประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูกสาวและลูกชายตัวน้อยที่อพยพไปตั้งรกรากในรัฐอาร์คันซอส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในยุค 1980 แล้วต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาตัวรอดในต่างที่ต่างถิ่น
นอกจากจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวเกาหลีแล้ว Minari ยังมีผู้กำกับและเขียนบทเป็นชาวเกาหลี (อี ไอแซ็ค จอง) ใช้นักแสดงเกาหลีเกือบทั้งหมด แถมยังพูดภาษาเกาหลีกันเกือบทั้งเรื่องอีกด้วย
Minari เป็นขวัญใจของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในช่วงที่ผ่านมา แต่รางวัลที่มินาริถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะได้รับไปมากที่สุดคือ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ยุนยอจอง) ผู้รับบทแม่ยายของตัวเองในเรื่อง
Promising Young Woman
เป็นเรื่องที่ถูกมองว่าอาจเป็นม้ามืด คว้าพุงปลาไปกินก็เป็นได้
Promising Young Woman เป็นหนังตลกร้ายแนวทริลเลอร์ นำแสดงโดย แครี มัลลิแกน ซึ่งรับบทที่เหมือนกับชื่อหนังเลย นั่นก็คือ ‘แคสซี่’ หญิงสาวที่มีอนาคตไกล แต่กลับเลือกที่จะดรอปการเรียนแพทย์เอาไว้เพื่อไปแก้แค้นแทนเพื่อนรักของเธอที่ถูกข่มขืน
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของ Emerald Fennell ซึ่งหลายคนชมเรื่องที่กล้านำความแปลกใหม่เข้ามาใส่ในหนัง เช่น การทำ Promising Young Woman ออกมาเป็นหนังตลกร้ายที่มีสีสันจัดจ้านแบบลูกกวาด จนนักวิจารณ์หลายคนมองว่าคล้าย ๆ กับ Parasite ที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองเมื่อปีที่แล้วตรงที่มีความสดใหม่ ร่วมสมัย และเล่นกับประเด็นสำคัญในสังคมด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้าย และตอนจบที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันตามมา
The Trial of the Chicago 7
แอรอน ซอร์กิน (Aaron Sorkin) ทั้งเขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้เองโดยอิงเรื่องจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนามในปี 1969 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Chicago Seven
หนังเรื่องนี้เป็นการสร้างของ Netflix เช่นเดียวกัน โดยความน่าสนใจอยู่ตรงนักแสดงที่มาเล่นนั้นเป็นมือเก๋าของวงการทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ซาชา บารอน โคเฮน, ยาห์ยา อับดุล-มาทีน ที่ 2, โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ซึ่งทำให้ตัวละครที่พวกเขาเล่นโดดเด่น มีสีสันมาก
Sound of Metal
หนังเกี่ยวกับ รูเบน มือกลองวงดนตรีแนวฮาร์ดร็อคที่สูญเสียการได้ยิน และกำลังดิ้นรนปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ในชุมชนคนหูหนวก
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการออกแบบด้านเสียง (sound design) ที่ล้ำสมัย ทำให้คนดูสามารถได้ยินเสียงในหูของ รูเบน ตัวละครเอกไปด้วย แถมบทชายหูหนวกนี้ยังเป็นบทที่ ‘ส่ง’ ให้ ริซ อาเหม็ด (Riz Ahmed) ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่จนได้เข้าจริงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย
Sound of Metal มีความงดงามตรงที่เป็นตัวแทนให้กับคนหูหนวกว่าพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคม ไม่ได้เป็นบุคคลไร้ความสามารถแต่อย่างใด เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากการนำนักแสดงหูหนวกหลายคนมาร่วมแสดงด้วยนั่นเอง
The Father
หนังดราม่าเกี่ยวกับพ่อที่เคยภาคภูมิใจในตัวเองอย่างสูง พยายามปฏิเสธ ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคสมองเสื่อม (dementia) ท่ามกลางอาการที่ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว โดยที่คนเป็นลูกสาวต้องคอยให้กำลังใจ ขณะที่ต้องรองรับอารมณ์ของคนเป็นพ่อ และใจสลายอยู่เงียบ ๆ
จุดเด่นของ The Father คือดราม่าเข้มข้นที่ได้สุดยอดนักแสดงอย่าง แอนโธนี ฮอปกินส์ และ โอลิเวีย โคลแมน มาเชือดเฉือนบทบาทกันอย่างถึงพริกถึงขิงจนทำให้ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่
Judas and the Black Messiah
หนังชีวประวัติของ เฟรด แฮมพ์ตัน (Fred Hampton) ประธานองค์กรทางการเมืองของคนผิวดำที่เรียกว่า Black Panther Party ซึ่งดำเนินการระหว่างปี ค.ศ. 1966-1982 แดเนียล คาลูยา ผู้รับแฮมพ์ตัน ได้รับรางวัลไปครองมาหลายเวทีจากบทนี้
Judas and the Black Messiah เป็นเรื่องราวของชายผิวดำชื่อ วิลเลียม โอนีล ซึ่งถูกจับกุมตัวในข้อหาขโมยรถยนต์ แล้วได้รับข้อเสนอจากเอฟบีไอให้แฝงตัวเข้าไปล้วงข้อมูลจาก Black Panthers สาขารัฐอิลลินอยส์ รวมถึงสืบข่าวเกี่ยวกับแฮมพ์ตันผู้เป็นประธานมาให้ทางการ
นอกจากจะเป็นหนัง crime thriller ชั้นดีแล้ว Judas and the Black Messiah ยังนำเสนอประเด็นสังคมอย่างเรื่องผิวสี การใช้อำนาจหน้าที่ของตำรวจ การศึกษา การปฏิรูปคุก และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชนกลุ่มน้อยได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ งานประกาศรางวัลออสการ์จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน ตรงกับช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ตามเวลาประเทศไทย