‘ซุปมะเขือเทศ’ เพิ่มพลัง-เสริมภูมิสู้โรค

‘ซุปมะเขือเทศ’ เพิ่มพลัง-เสริมภูมิสู้โรค

“มะเขือเทศ” เป็นผักที่คนทั่วโลกกินได้กินดี และ “ซุปมะเขือเทศ” ใคร ๆ ก็รู้จักและกินกันเป็นประจำ อย่างง่าย ๆ คือ “ซุปมะเขือเทศกระป๋อง” แต่เรามีมะเขือเทศสดน่ากินมากมาย ทำกินเองอร่อยกว่าแน่นอน และเป็นเมนูเพิ่มพลังเสริมภูมิสู้โรค

มะเขือเทศ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ บันทึกไว้ว่าชาวแอซเทครู้จักกินมะเขือเทศมาตั้งแต่ ค.ศ.700 จนเมื่อชาวยุโรปซึ่งคือชาวสเปนเข้าไปยึดดินแดนแถบนั้น และนำมะเขือเทศกลับบ้านไปปลูกเมื่อราวศตวรรษที่ 16

แต่ก่อนจะรู้จักกินมะเขือเทศ ชาวยุโรปคิดว่าผักผลสีสวยอย่างนี้ต้องมีพิษแน่นอน พวกเขาก็ปลูกกันเล่น ๆ ในสวนแต่ไม่กล้ากิน เพราะมีบันทึกว่ากินแล้วตาย สืบไปสืบมาพบว่า ที่มะเขือเทศมีพิษเพราะมันไปปรากฏอยู่ในจานดีบุกที่มีตะกั่วผสมอยู่ด้วย จานพวกนี้อยู่ในบ้านเศรษฐีมีอันจะกิน กรดในมะเขือเทศผสมลงกับแร่ธาตุในจานจนเกิดพิษ พอกินเข้าไปก็ตาย พวกคนมีสตางค์เลยบอกว่ามันเป็นผักมีพิษ แต่ทำไมคนจนกินแล้วไม่ตาย

162452622699

    ภาพ : freepik.com

นักสืบอาหารบอกว่า เพราะคนจนเขาเอามะเขือเทศใส่ในถาดไม้ หรือจานไม้แบบบ้าน ๆ ไม่ทำให้เกิดพิษ แต่กว่าจะรู้ความจริง มะเขือเทศ ก็เป็นผักยาจกคู่ครัวของผู้ยากไร้มานานนับร้อยปี จนเมื่อศตวรรษที่ 18 นั่นแหละ ถึงรู้ว่ามะเขือเทศกินได้

กระนั้นก็ดี กว่าชาวยุโรปจะกินมะเขือเทศอย่างเอร็ดอร่อยอย่างทุกวันนี้ ยุคแรก ๆ นั้นพวกเขาเรียกว่า มะเขือเทศ มีรสเปรี้ยวอันน่าชิงชัง ยุคนั้นมะเขือเทศก็คงเปรี้ยวอมขื่น อาจจะปนขมและเหม็นเขียวด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก มะเขือเทศได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนกินอร่อย และกลายเป็นซอสพิซซ่าของชาวเนเปิ้ลที่อพยพไปอยู่อเมริกา ราวปลายยุค 1880 ตอนนี้ใคร ๆ ก็กินมะเขือเทศสด ซอสมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศกระป๋อง และอีกมากมาย...

162452784028

    มะเขือเทศหลากสี (ภาพ : wallpaperscraft.com)

เรื่องราวต่อจากนั้นคือ มะเขือเทศ เป็นผักนานาชาติ ปลูกง่าย มีหลายสายพันธุ์ และมีความหวานที่ต่างระดับอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น มะเขือเทศบิจิน (Bijin) ที่หวานมาก กินไปไม่คิดว่าเป็นผัก บางคนอยากเรียกว่าเป็นผลไม้ หรือมะเขือเทศอิตาลี ก็มีรสชาติหวานละมุนลิ้น กินสด ๆ อร่อยเลย ลบคำว่า “รสเปรี้ยวอันน่าชิงชัง” ของชาวยุโรปเมื่อหลายร้อยปีก่อนไปได้เลย

แต่หลายคนไม่ชอบกิน มะเขือเทศ ถ้าเช่นนั้นชวนทำ ซุปมะเขือเทศ กันดีกว่า...น่าจะกินง่ายกว่า ทำก็ง่าย และให้ประโยชน์หลายสถาน เว็บไซต์ healthline.com ให้ข้อมูลว่าการกิน ซุปมะเขือเทศ มีประโยชน์ไม่น้อยกว่ากินมะเขือเทศสด เพราะสารไลโคปีนไม่สูญสลายไประหว่างการปรุงด้วยความร้อน และอาจช่วยให้คนไม่กินมะเขือเทศสดมากินเป็นซุปอย่างอร่อยได้ และดีต่อสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย

162452641168

     ซุปมะเขือเทศ (ภาพ : indiaprint.com)

มะเขือเทศ 1 ถ้วย (182 กรัม) ให้พลังงาน 33 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 7 กรัม ไฟเบอร์ 2 กรัม โปรตีน 1.6 กรัม วิตามินซี, เค, เอ ที่พอเพียงต่อความต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้สารแคโรทีนอยด์ที่ชื่อ ไลโคปีน (Lycopene) ที่ให้สีแดงสดนั้นเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นเลิศ ช่วยเสริมภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ งานวิจัยในต่างประเทศระบุว่า ไลโคปีน ที่มีในมะเขือเทศที่ปรุงสุกหรือผ่านความร้อนมีมากกว่าในมะเขือเทศสด และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดี และประโยชน์จากไลโคปีนและฟลาโวนอยด์นั้นหลากหลาย เช่น ต้านเซลล์มะเร็งในต่อมลูกหมาก ป้องกันเบาหวานประเภทสอง ป้องกันโรคหัวใจ จากสรรพคุณลดความดัน ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบสมอง เนื่องจากสารแอนตี้ออกซิแดนท์อันทรงคุณค่านั้นมีผลต่อการต้านความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย จึงเท่ากับเป็นอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน

162452804081     ซุปมะเขือเทศสูตรวีแกน (ภาพ : karissa vegan kitchen)

งานวิจัยระบุต่อว่า มะเร็งต่อมลูกหมากคร่าชีวิตคุณผู้ชายเป็นอันดับ 5 ทั่วโลก และ สารไลโคปีนในมะเขือเทศที่แม้ปรุงสุกแล้วยังอยู่ครบ โดยไปฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย หรือลดการเติบโตของเซลล์ เรียกว่า Anti-angiogenesis อีกทั้งแคโรทีนอยด์ในมะเขือเทศ มีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งทรวงอก และชะลอความเสื่อมของกระดูกอีกด้วย

มะเขือเทศ ดีต่อสุขภาพทั้งหญิงและชาย พวกผู้หญิงก็คิดว่า มะเขือเทศ บำรุงสุขภาพผิวและสายตา มีการศึกษาให้อาสาสมัครสุขภาพดีวัยผู้ใหญ่ 149 คน กินอาหารเสริมที่มีสารไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน พบว่าอาหารเสริมมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี แต่คุณผู้หญิงก็ไม่ควรออกแดดแรง เจอแสงแดดเจิดจ้าของเมืองไทยมะเขือเทศสูตรไหนก็คงเอาไม่อยู่...

162452798094

งั้นกิน ซุปมะเขือเทศ ที่ทำกินเองอย่างง่าย ๆ กันดีกว่า ส่วนผสม : มะเขือเทศหั่นเต๋า 3 ถ้วย (375 กรัม) หอมใหญ่ ½ ถ้วย (80 กรัม) ซุปไก่หรือซุปผัก 1 ถ้วย (250 มล.) กระเทียม 4 กลีบ (12 กรัม) สับละเอียด น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ใบโหระพาอิตาเลียน 1 ถ้วย (24 กรัม) สับหยาบ ออริกาโนแบบแห้ง ½ ช้อนโต๊ะ เกลือ พริกไทยดำ

วิธีทำ : ผัดน้ำมันมะกอกกับหอมใหญ่ 5 นาที จนนุ่ม ใส่กระเทียมผัดต่อ 2-3 นาที ใส่ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นใบโหระพา ลงต้มต่อ 20 นาที จากนั้นเทซุปลงโถปั่น ปั่นจนได้เนื้อเนียนแล้วกรองอีกที เทกลับลงหม้ออุ่นอีกครั้ง ก่อนเสิร์ฟโรยใบโหระพา หรือจะเติมชีสที่ชอบ (พาร์เมซาน, บูร์ราต้า) ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ตามชอบ กินกับขนมปังกรูตองก็อร่อย สูตรนี้ไม่มีโปรตีน ไม่เพิ่มชีสก็ได้ ระวังอย่าใส่เกลือมากเกินไป

162452791355

    มะเขือเทศทำซุปมะเขือเทศแบบเย็น (Gazpacho) ก็ได้ (ภาพ : freepik.com)

ถ้าเป็นสูตรวีแกน คุณแม่วีแกนคนหนึ่งบอกว่า แค่ใช้ซุปมะเขือเทศกระป๋อง กับนมวีแกน ทำจากข้าวโอ๊ต และใส่เครื่องปรุงทุกอย่างที่เป็นผง เช่น ผงกระเทียม, หอมใหญ่ เบซิลแห้ง น้ำตาล เกลือ ลงต้ม พอเดือดหรี่ไฟอุ่นต่ออีก 5 นาที เสิร์ฟกับกรูตอง และอร่อยยิ่งขึ้นถ้ามีสลัดผัก แซนด์วิชไก่ หรือเต้าหู้ทอด พาร์เมซานชีส (กรณีไม่กินวีแกน)

ซุปมะเขือเทศ ทำเองจากมะเขือเทศสดอร่อยกว่าของกระป๋องอยู่แล้ว โซเดียมก็น้อยกว่า และสนุกกับการเพิ่มส่วนผสม เช่น สูตรอินเดียใส่แครอทลงอีกนิด เพิ่มใบเบย์ หรือทอดหอมใหญ่กับฆี (เนยแบบอินเดีย) ก็ได้ แล้วถ้าอยากกินข้น ๆ ก็ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าแล้วเทลงอุ่นกับซุปอีกที ก็จะได้เนื้อซอสเข้มข้น และสามารถทำเป็น ซุปเย็น (Gazpacho) กินตอนหน้าร้อนก็อร่อยสดชื่น

162452652997

    Bloody Mary (ภาพ : southernkitchen.com)

หรือจะดื่ม น้ำมะเขือเทศ ก็บำรุงสุขภาพดีถ้าไม่กลัว “รสเปรี้ยวอันน่าชิงชัง” น้ำมะเขือเทศทำค็อกเทลคลาสสิก Bloody Mary ชื่อนี้มาจากราชินีแมรี่ผู้กระหายเลือด พระองค์สั่งประหารผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนท์ไปเกือบสามร้อยคน ในช่วงที่พระองค์ขึ้นครองราชย์ ถ้าสูตรออริจินัลคือน้ำมะเขือเทศใส่วอดก้า ซอสพริกทาบาสโก้ น้ำมะนาว วูสเตอร์ซอส ในแก้วนี้จึงมีทั้งเปรี้ยว เผ็ด อมหวานนิด ๆ เฝื่อนขมหน่อย ๆ ถ้าไม่เอาแอล.ก็เอาวอดก้าออก ถ้ายังเหม็นเขียวไม่พอก็เสียบก้านเซเลอรี่ลงไปอีก บลัดดี้ แมรี่ ดื่มดีตอนเช้าแก้แฮงก์หลังเมาค้างเมื่อคืนก่อน และถ้าไม่ใส่วอดก้าก็กลายเป็น น้ำมะเขือเทศ ดื่มดีนะทำให้ผิวสวย...

จะทำเครื่องดื่ม “แมรี่ผู้กระหายเลือด” หรือ ซุปมะเขือเทศ ก็ทำได้เองที่บ้าน ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว