‘4 เสือแซงเตมิยอง’ 2015 วินเทจคลาสสิก
“แซงเตมิยอง” ไวน์ฝั่งขวา เขตผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดของบอร์กโดซ์ ที่มีความพิเศษเหนือกว่าแทบทุกเขตในฝรั่งเศสคือ มีการจัดเกรดไวน์ที่เรียกว่า “แซงเตมิยอง คลาสสิฟิเคชั่น”
ตำบลแซงเตมิยอง (Saint-Emilion / St.- Emilion) เป็นตำบลเล็ก ๆ แต่ผลิตไวน์ได้ยิ่งใหญ่ อยู่ในจังหวัดลีบูร์เนส์ (Libournais) ริมฝั่งขวาของแม่น้ำฌีฮรอนด์ (Gironde) อยู่ห่างจากตัวเมืองบอร์กโดซ์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 35 กิโลเมตร เป็นเขตผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดของเมืองบอร์กโดซ์ จากการที่ชาวโรมันเข้ามาปลูกองุ่นในแซงเตมิยงตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 2 ขณะที่ องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนโบสถ์สไตล์โรมันกลางหมู่บ้านเป็นมรดกโลกในปี 1999
การจัดเกรด แซงเตมิยอง คลาสสิฟิเคชั่น นั้นจัดครั้งแรกในปี ค.ศ.1955 และมีการปรับเกรดทุก 10 ปี แบ่งไวน์เป็นระดับ เปรอะมิเยร์ กรองด์ ครูส์ คลาสเซ (Premiér Grand Crus Classés) 2 กลุ่ม (A และ B) รองลงไปเป็น กรองด์ ครูส์ คลาสเซ (Grand Crus Classés) และ กรองด์ ครู (Grand Crus) ครั้งล่าสุดที่ปรับบัญชีคือปี 2012 และยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยปี 2021 นี้ก็จะครบรอบการปรับบัญชี ซึ่งจะทำได้หรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป เพราะ สถานการณ์ของโควิด-19 เป็นปัญหาสำคัญ
บัญชี แซงเตมิยอง คลาสสิฟิเคชั่น จะไม่ไปรวมกับ Bordeaux Classification 1855 ที่มีไวน์ชั้น 1–5 รวม 61 ตัว ซึ่งไม่เคยมีการจัดเกรดใหม่เลย (ยกเว้นที่ชาโต มูตง ร็อธส์ชิลด์ เลื่อนจากชั้น 2 ขึ้นไปชั้น 1 ใน ปี 1973) นอกจากนั้นไวน์ St.-Emilion ยังต้องผ่านการตรวจสอบโดยคณะกรรมการตรวจคุณภาพ หรือฌูฮราด (Jurade de Saint-Emilion) ที่มีการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1199
บัญชี St.-Emilion Classification 2012 สำหรับ Premiér Grand Crus Classés แยกเป็น 2 กลุ่ม ๆ A และ B ที่ถือว่าสุดยอดคือกลุ่ม A มี 2 ตัวที่ครองบัลลังก์อยู่อย่างเหนียวแน่นมาตลอดคือ ชาโต เชอวาล บลอง และ ชาโต โอโซน แต่เมื่อมีการประกาศบัญชี 2012 ก็มี 2 น้องใหม่ขึ้นมาร่วมด้วยคือ ชาโต ปาวี และ ชาโต อองเฌลุส รวมเป็น 4 ตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
ครั้งนี้เราจะมาชิม 4 เสือแซงเตมิยอง ในกลุ่ม A (Premiér Grand Crus Classés A) วินเทจ 2015 ซึ่งเป็นหนึ่งในวินเทจยอดเยี่ยมของไวน์บอร์กโดซ์ ดังนี้
ชาโต เชอวาล บลอง 2015 (Château Cheval Blanc 2015) : ชื่อแปลว่า “ปราสาทม้าขาว” เป็นหนึ่งไวน์ในปฐพีที่คอไวน์โหยหา ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 55% และ กาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) 45% บ่มโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 100 % ไร่องุ่นอยู่ติดกับ ปอเมอฮรอล (Pomerol) แต่แคแรกเตอร์ต่างจากไวน์ปอเมอฮรอล โดย วินเทจ 2015 นี้ไม่มีการผลิตไวน์ฉลากสองคือ เลอ เปตีต์ เชอวาล (Le Petit Cheval) เป็นไวน์ที่จะพร้อมดื่ม 10-12 ปี
สีแดงเข้มสดใส หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี มัลเบอร์รี และจูนิเปอร์ ดอกลาเวนเดอร์ ไม้จันทน์ ช็อกโกแลตเค้ก สไปซี เฮิร์บ ชะเอมเทศ กานพลู ยี่หร่า อบเชย แบล็คเปปเปอร์ ใบยาสูบ ไส้ดินสอดำ สโมคกี้โอ๊ค เม็ดกาแฟคั่ว มิเนอรัล วานิลลา ฟูลบอดี้ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นและเริ่มนุ่มนวล เป็นไวน์ที่น้ำเนื้อเหมือนจะเคี้ยวได้ น่าจะสุกพร้อมดื่มในอีก 5-6 ปีข้างหน้า.....20/20 คะแนน
กำเนิดของ ชาโต เชอวาล บลอง เริ่มในปี 1832 ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่น 39 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) ส่วนหนึ่งมีอาณาเขตติดกับไร่ชาโต เปตรุส (Château Pétrus) สุดยอดไวน์แห่งปอเมอโฮรล ปลูกองุ่นกาแบร์เนต์ ฟรอง 52% แมร์โลต์ 43 % และการ์แบร์เนต์ โซวีญยอง 5% ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาก็ตกอยู่ในเครือของ LVMH (Moët Hennessy Louis Vuitton) บริษัทเจ้าของแบรนด์หรูนานาชนิดประมาณ 70 แบรนด์
ชาโต เชอวาล บลอง ผลิตปีละ 8,000 – 10,000 ลัง ส่วนไวน์ฉลาก 2 ชื่อ เลอ เปตีต์ เชอวาล ผลิตครั้งแรกวินเทจ 1988 ปีละ 4,000 ลัง วินเทจ 2015 เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการผลิตไวน์ฉลากสอง ขณะเดียวกันวินเทจ 2015 ก็เป็นวินเทจแรกที่ผลิตไวน์ขาวชื่อ เลอ เปตีต์ เชอวาล บอร์กโดซ์ บลอง (Le Petit Cheval Bordeaux Blanc) เป็นไวน์ AOC ทำจากโซวีญยอง บลอง 100% หลังจากนั้นวินเทจ 2018 จึงมีการเบลนด์ เซมิลยอง 20 %
วินเทจยอดเยี่ยมของ ชาโต เชอวาล บลอง คือ 2020, 2019, 2018, 2011, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2005, 2000, 2000,1998,1990,1985, 1983,1982,1964,1966,1959,1955,1953,1950, 1949, 1948, 1947,1945, 1929, 1928 และ 1921
ชาโต โอโซน 2015 (Château Ausone 2015) : เป็นอีกหนึ่งไวน์ที่คอไวน์ปรารถนาไม่แพ้ ชาโต เชอวาล บลอง เพื่อนร่วมกลุ่ม A ตั้งแต่ยุคแรก วินเทจนี้ทำจากองุ่นอายุประมาณ 50 ปี ประกอบด้วย แมร์โลต์ 50% และกาแบร์เนต์ ฟรอง 50% บ่ม 20 เดือนในโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 85%
สีแดงเข้มสดใส กลิ่นหอมอบอวลไม่แพ้ชาโต เชอวาล บลอง กลิ่นผลไม้สุก เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม ราสพ์เบอร์รี และบลูเบอร์รี ดอกไวโอเลต มิเนอรัล สไปซี เฮิร์บสด ชะเอมเทศ จันทน์เทศ ยี่หร่า ช็อกโกแลต หนังสัตว์ใหม่ ๆ ใบยาสูบ ซีดาร์ มินต์ ถ่านไม้และควันไฟ ไส้ดินสอดำ ฟูลบอดี้ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นแต่เริ่มจะสุก จบยาวด้วยผลไม้สุก โอ๊ค มิเนอรัล และสไปซีเฮิร์บ อีกประมาณ 5-6 ปีจึงจะเปิดตัวพร้อมดื่ม.....20/20
ชาโต โอโซน มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 จากสมบัติดั้งเดิมของโอโซนิอุส (Ausonius) ซึ่งเป็นกวีชื่อดังชาวโรมัน ครอบครองพื้นที่กว่า 100 เอเคอร์ บนเนินเขาทางใต้ของตำบลแซง เตมิยง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-16 บริหารโดย 3 ตระกูล เป็นหนึ่งในไม่กี่ชาโตไวน์ที่ครอบครัวบริหารจัดการกันเอง ปัจจุบันคือครอบครัว Chatonnet-Cantenat กับครอบครัว Dubois-Challon-Vauthier และจ้าง มิเชล โฮรลลองด์ (Michel Rolland) มือปืนรับจ้างมาเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา
ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่น 7 เฮกตาร์ ปลูกองุ่นแมร์โลต์ 50% และกาแบร์เนต์ ฟรอง 50% ผลิตไวน์ตัวหลักคือชาโต โอโซน และไวน์ฉลากสองชื่อ “ชาเปลล์ โดโซน” (Chapelle d'Ausone) ทำจากองุ่นอายุน้อยที่เตรียมเติบโตเพื่อทำตัวหลัก ผลผลิตรวมกันปีละประมาณ 2,000 ลัง
วินเทจยอดเยี่ยมของชาโต โอโซน คือ2020, 2019, 2018, 2017, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2006, 2005, 2004, 2003, 2001, 2000 และ 1998
ชาโต อองเฌลุส (Château Angelus) เดิมชื่อ ชาโต ลองเฌลุส (Château L’Angélus) เจ้าของคือ อูแบรต์ เดอ บัวร์ด เดอ ลาฟอเฮรส์ (Hubert de Boüard de Laforest) เดินทางมาเมืองไทยบ่อยมาก ว่ากันว่าที่ทำให้ได้เลื่อนชั้นนี้เพราะมีการดึง มิเชล โฮรลลองด์ ไวน์เมกเกอร์ “มือปืนรับจ้าง” มาเป็นที่ปรึกษาในการผลิตไวน์ โดยสูตรสำเร็จของ Château Angelus คือแมร์โลต์ 50% กาแบร์เนต์ ฟรอง 47% และ กาแบร์เนต์ โซวีญยอง 3%
Château Angelus ถูกซื้อมาในปี 1921 โดย Comte Maurice de Boüard ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่น 57.8 เฮกตาร์ ปลูกแมร์โลต์ 51% การ์แบเนต์ ฟรอง 47% และการ์แบเนต์ โซวีญยอง 2% ขึ้นมาอยู่ Premier Grand Cru Classé กลุ่ม B ตั้งแต่ปี 1996 ผลผลิตปีละ 10,000 ลัง ส่วนไวน์ฉลากสองชื่อ คาริลยอง ดัลเฌลุส (Carillon d’Angélus) ผลิตปีละ 1,000 ลัง และไวน์ฉลากสามชื่อ “นัมเบอร์ 3 ดัลเฌลุส” (No. 3 d’Angelus) เริ่มทำในปี 2007 เพียงปีละ 800 ลัง
ท่านที่เคยดูหนัง เจมส์ บอนด์ 007 ตอน Casino Royale (2006) จะเห็นพระเอก Daniel Craig นั่งอยู่ในห้องอาหารบนรถไฟกับ Vesper Lynd นางเอกที่แสดงโดย Eva Green นั่นเป็น Château L’Angelus 1982 นับเป็นครั้งแรกที่มีการจับมือกันระหว่างผู้สร้างเจมส์ บอนด์ และเจ้าของ Château Angelus
หลังจากนั้นก็มีตอนที่ 2 คือตอน Spectre (2015) พระเอกคนเดิม แต่นางเอกใหม่ชื่อ Léa Seydoux ในบท Dr.Madeleine Swann ในเรื่องไม่มีการดื่มไวน์ แต่มีขวด Château Angelus 2005 ตั้งอยู่บนโต๊ะห้องอาหารของรถไฟในโมร็อกโก ซึ่งวินเทจนี้มีการตัด L ออกไปจาก L’Angelus เป็น Angélus จนถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นปี 2019 ก็โปรโมทวินเทจ 2007 จากการที่มี 007 ด้วยการทำขวดแม็กนั่ม (1.5 ลิตร) บรรจุในกล่องไม้วอลนัทและหนัง เป็น Limited Edition ผลิตแค่ 225 กล่อง
ชาโต อองเฌลุส 2015 (Château Angélus 2015) : ทำจากแมร์โลต์ 62% และกาแบร์เนต์ ฟรอง 38% บ่ม 18 เดือนในถังโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 100% บรรจุขวดโดยไม่มีการกรอง สีแดงเข้มจนเกือบดำ หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี บลูเบอร์รี และแบล็คเชอร์รี ดอกไวโอเลต ช็อกโกแลต ไส้ดินสอดำ ใบยาสูบ ซีดาร์ สโมคกี้โอค สไปซี เฮิร์บ อบเชย เอสเพรสโซ ไอโอดีนและสาหร่ายทะเลกรุ่น ๆ มิเนอรัล แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นแต่นุ่มเนียน จบยาวด้วยผลไม้สุก สไปซีเฮิร์บ โอ๊ค และมิเนอรัล....20/20 คะแนน
วินเทจยอดเยี่ยมของ ชาโต อองเฌลุส คือ 2020, 2019, 2018, 201, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2006, 2005, 2004, 2003, 2001, 2000, 1998, 1990, 1989, 1959, 1955, 1953 และ 1950
ตัวสุดท้าย ชาโต ปาวี (Château Pavie) เจ้าของคือ เฌฮราด แปรส (Gérard Perse) มหาเศรษฐีชาวปารีส เป็นชาโตเก่าแก่เริ่มมาตั้งสมัยโรมัน เช่นเดียวกับ Château Ausone เปลี่ยนเจ้ามาหลายครั้ง กระทั่ง Gérard Perse ซื้อมาในปี 1998 ด้วยมูลค่า 31 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านั้นเขาซื้อ Château Monbousquet ในปี 1993 และ Château Pavie-Decesse ในปี 1997
ชาโต ปาวี มีพื้นที่ปลูกองุ่น 37 เฮกตาร์ ปลูกแมร์โลต์ 60% การ์แบเนต์ ฟรอง 30% และการ์แบเนต์ โซวิญยอง 10% และมี Michel Rolland เป็นที่ปรึกษาเช่นกัน ผลผลิตประมาณ 6,500 ลังต่อปี มีไวน์ฉลากสองชื่อ Château Tour Simard และรุ่น “Les Aromes de Pavie” ที่เริ่มผลิตในปี 2005
ชาโต ปาวี 2015 (Château Pavie 2015) : ถือเป็น 1 ใน 2 น้องใหม่ของ Premier Grand Cru Classé (A) ตามบัญชี Classification of Saint-Émilion 2012 หลังอยู่ในกลุ่ม B มาตั้งแต่ปี 1854 วินเทจนี้ทำจากแมร์โลต์ 60% กาแบร์เนต์ ฟรอง 22% และกาแบร์เนต์ โซวีญยอง 18% โดย 80% บ่มในถังโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ ส่วนอีก 20% บ่มในถังโอ๊คใหญ่ที่ใช้แล้ว 1 ปี
สีแดงเข้มจนเกือบดำ หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ บลูเบอร์รี แบล็คเชอร์รี และมัลเบอร์รี ดอกลาเวนเดอร์ กลีบดอกกุหลาบแห้ง ๆ เอิร์ธตี้ มิเนอรัล ไส้ดินสอดำ ขนมปังปิ้ง แบล็คช็อกโกแลต เปลือกหอยแครงที่ทับถมกันมานาน ๆ ใบยาสูบ ใบชาแห้ง มินต์ สไปซี เฮิร์บ ยี่หร่า สาหร่ายทะเล วานิลลากรุ่น ๆ มีเดียมบอดี้ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นและเริ่มสุก จบยาวด้วยผลไม้สุก มิเนอรัล สไปซี่เฮิร์บ…20/20 คะแนน
วินเทจยอดเยี่ยมของชาโต ปาวี คือ 2020, 2019, 2018, 2017, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2006, 2005, 2004, 2003, 2002, 2001, 2000 และ 1998
ทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลบางส่วนของ 4 เสือแซงเตมิลยอง วินเทจ 2015 เป็นข้อมูลในการศึกษาเรียนรู้ มิได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่มแม้แต่น้อย แต่ถ้าจะดื่มต้อง “ดื่มด้วยความรับผิดชอบ”...!!