‘ราดหน้า’ ร้าน ‘จ๊ากกี่’ เจ้าเก่า หอมกรุ่นกลิ่นกระทะ
ใครชอบ “ราดหน้าอร่อย” ยกมือขึ้น “หมูหวานชวนชิม” ขอแนะนำร้าน “จ๊ากกี่” หรือ “ภัตตาคารจ๊ากกี่” อยู่แถวๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าเก่าขายตั้งแต่จานละ 5 บาทตอนนี้ 100 บาท ไม่อร่อยจริงไม่อยู่มานานจนถึงรุ่นที่ 5 “ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า” หอมกรุ่นกลิ่นกระทะตราตรึงไม่รู้ลืม
วันนี้ขอเอาใจผู้ที่ชื่นชอบ “ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า” เนื่องจากเพื่อนกินหนุ่มลูกสอง เขาชวนไปชิมร้านนี้หลายครั้ง กว่าจะหาเวลาลงตัวกันได้ซะที ซึ่งหนุ่มปุ๊เล่าว่ากิน “ราดหน้า”
ร้าน “จ๊ากกี่” หรือ ภัตตาคารจ๊ากกี่ มาตั้งแต่จำความได้ จนป่านนี้มีลูกสองคนแล้ว ความอร่อยยังไม่เคยเปลี่ยนไป ก็เลยชวนหมูหวานไปทดสอบความอร่อย ลองชิมร้านโปรดของเขาดู
ไปถึงหนุ่มปุ๊ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่ง “เส้นใหญ่ราดหน้าหมู” เป็นเมนูเบสิคของนักหม่ำราดหน้า จานหนึ่งราคา 100 บาท ส่วนเพื่อนกินพ่อลูกอ่อนเขาสั่ง “เส้นหมี่ราดหน้าเนื้อ”
ถ้าใครทานเนื้อได้ขอให้สั่งเพราะเป็นจานเด็ดของร้านนี้ ราคาอยู่ที่จานละ 110 บาท “หมูหวานชวนชิม” การันตีว่า “ราดหน้าอร่อย” จริงๆร้านนี้
“ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า” ที่ร้าน “จ๊ากกี่” ขอเรียกสั้นๆว่า “ราดหน้า” เส้นของเขาอาณุภาพอาจไม่หอมรุนแรงเตะจมูกเหมือนบางร้านที่เคยรับประทานมา ทว่ากลิ่นกระทะนั้นหอมกรุ่นบางเบาอยู่ในลำคอลอยอบอวนอยู่เนิ่นนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย (เวอร์ไปหรือเปล่า)
แสดงว่าคนผัดเส้นมีฝีมืออยู่ไม่น้อย เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นสีน้ำตาลอ่อนนวลเนียนสม่ำเสมอทั่วทุกอนู คิดว่าถ้าเป็นมือสมัครเล่นเส้นอาจจะขาวๆ น้ำตาลๆ โดนความร้อนไม่สม่ำเสมอก็เป็นได้
เผลอๆกลิ่นของเส้นก๋วยเตี๋ยวจะฟ้องออกมาขณะที่เรากำลังเคี้ยว ถึงความไม่ราบรื่นบางอย่าง ใครที่ชอบผักสีเขียวอย่างผักคะน้าเราสามารถสั่งทางร้านได้ว่าจะให้ใส่มาทั้งต้น หรือว่าหั่นพอดีคำ
ซึ่งหมูหวานขอสั่งแบบเป็นต้น เพื่อพิสูจน์ว่าฟันเรายังดีอยู่ (ฮา) ผลปรากฏว่าเคี้ยวได้ไม่ยากเลย ก้านอ่อนเคี้ยวสบายฟัน ก็แสดงว่า “ฟันเรายังดีอยู่นั่นเอง” เอ๊ะหรือว่าผักเขาดี (ฮา) สรุปว่าร้านนี้ “ราดหน้าอร่อย”
ระหว่างรอ “ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า” “หมูหวานชวนชิม” ขอแนะนำว่าให้ สั่ง “เกี๊ยวทอด” กรุบกรอบมาแกล้มน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆ หอมๆรองท้องก่อน หรือไม่ก็สั่ง“ แฮ่กึ้น” ทอดร้อนๆ จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยอร่อยเหาะ (พูดแล้วน้ำลายสอ) แถมลามปามสั่ง “เกี๊ยวน้ำ หมูแดง”
มาลองชิมอีกด้วย ผลปรากฏว่า ไส้เกี๊ยวอาจจะหวานไปนิดสำหรับเรา เลยต้องปรุงพริกน้ำส้ม พริกป่น น้ำปลา ประโคมใส่ลงไป เพื่อให้ได้รสเปรี้ยวเผ็ด เค็ม แต่ถ้าใครชอบรสละมุนๆก็ไม่ต้องปรุงก็ได้ น้ำซุปนั้นกลมกล่อมอยู่แล้ว ซึ่งหมูหวานชอบหมูแดงเคี้ยวได้นุ่มนวลดี
เจ๊มัน สมาชิกในร้านเล่าว่า ร้านนี้เปิดขายมานาน 49 ปีแล้วเปิดตั้งแต่ปีพศ. 2515 เรียกว่าขายกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ชื่อ "จักปั้น" ขายตั้งแต่ “ราดหน้า” จานละ 5 บาท
ตอนนี้รุ่นที่ 5 แล้วเจ้าของร้านคนล่าสุดชื่อคุณ “จันทนา ธีรนิยมวณิช” หมูหวานไปแล้วไม่เจอเพราะเธอแอบไปเอนหลังในช่วง 11 โมงเช้า เนื่องจากเตรียมร้านตั้งแต่เช้าตรู่จนเหนื่อย
บางคนถามว่าทำไม "ราดหน้า" ร้านนี้ขายแพงเป็นร้อย คำตอบก็คือต้นทุนสูงเพราะใช้แต่ของดีๆ เช่นผักคะน้าที่ซื้อมาเลือกใช้เฉพาะยอดอ่อนๆ ที่เหลือทิ้งไปเป็นเข่งเลย (มิน่าคะน้าอร่อยทุกต้น)ได้ยอดคะน้ามานิดเดียว ทั้งหมู เนื้อ เครื่องปรุงต่างๆ ใช้ของดีทั้งหมด อย่างว่าแหละนะใช้ของดีแล้วก็ต้องบวกกับฝีมือดีด้วย
เคล็ดลับความอร่อย ก็คือไม่ได้ผัดทิ้งไว้รอลูกค้า บางร้านผัดเส้นทีละมากๆรอไว้ก่อน หรือ ทำน้ำ “ราดหน้า” รอไว้ กว่าลูกค้าจะมา ความอร่อยก็ลดน้อยถอยลงไป "จ๊ากกี่" ร้านนี้ลูกค้าสั่งจึงผัด กระทะหนึ่งผัดได้แค่ 4-5 จาน เท่านั้นเอง และผัดตามคิวด้วยนะจ๊ะ จะกินของอร่อยต้องใจเย็นๆรอหน่อยก็แล้วกัน
“หมูหวานชวนชิม” เห็นว่าลูกค้าทุกโต๊ะล้วนสั่ง “ราดหน้า” บางคนสั่งบะหมี่-เกี๊ยว มารองท้องรอ ซึ่งเจ๊มันเล่าว่า เส้นบะหมี่ที่นี่ก็อร่อยเป็นเส้นแบบกวางตุ้ง ไม่ได้ทำเองแต่สั่งเจ้าอร่อยมา หมูแดงก็สั่งมา ส่วนไส้เกี๊ยวกุ้งนั้นทำเอง
“แฮ่กึ้น” ก็ทำเองใช้วัตถุดิบดีใส่กุ้งเยอะหน่อยเป็นเคล็ดลับพิเศษของทางร้าน หากใครต้องการสั่ง ราดหน้า ทางโทรศัพท์ รบกวนสั่งอย่างน้อน 5 ห่อขึ้นไป หากจะสั่งแยกเป็นชุดให้โทรสั่งก่อน 10.00 น. นะจ๊ะ
ใครชอบ “ราดหน้าอร่อย” เชิญที่ “ภัตตาคารจ๊ากกี่” อยู่ในซอยราชวิถี 7 (วัฒนโยธิน) ถนนราชวิถี ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (จอดรถได้ในศาลเจ้าทีกง อยู่ตรงข้ามร้านพอดี) เปิดบริการ 11.00 – 15.00 น. (ร้านหยุดทุกวันจันทร์) โทร. 0-2245-0849